11.11.2 Converting Relative and Abs

11.11.2 Converting Relative and Absolute Values

The following two algorithms enable you to convert a sequence of relative values into a sequence of
absolute values, and vice versa.

Converting Relative Values into Absolute Values

OutputIterator
partial_sum (InputIterator sourceBeg, InputIterator sourceEnd,
OutputIterator destBeg)

OutputIterator
partial_sum (InputIterator sourceBeg, InputIterator sourceEnd,
OutputIterator destBeg, BinaryFunc op)

• The first form computes the partial sum for each element in the source range [sourceBeg,
sourceEnd) and writes each result to the destination range starting with destBeg.
• The second form calls op for each element in the source range [sourceBeg,sourceEnd) combined
with all previous values and writes each result to the destination range starting with destBeg.
• Thus, for the values
a1 a2 a3 ...
they compute either
a1, a1 + a2, a1 + a2 + a3, ...
or
a1, a1 op a2, a1 op a2 op a3, ...
respectively.
• Both forms return the position after the last written value in the destination range (the first ele-
ment that is not overwritten).
• The first form is equivalent to the conversion of a sequence of relative values into a sequence
of absolute values. In this regard, algorithm partial_sum() is the complement of algorithm
adjacent_difference() (see page 628).
• The source and destination ranges may be identical.
• The caller must ensure that the destination range is big enough or that insert iterators are used.
• op should not modify the passed arguments.
• Complexity: linear (numElems calls of operator + or op (), respectively).

The following program demonstrates some examples of using partial_sum():

// algo/partialsum1.cpp

#include "algostuff.hpp"
using namespace std;

int main()
{
vector coll;

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

11.11.2 แปลงสัมพัทธ์และค่า

อัลกอริทึมทั้งสองต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถแปลงค่าญาติลำดับที่เป็นลำดับของ
ค่า และในทางกลับกัน

แปลงค่าสัมพัทธ์เป็นค่า

OutputIterator
partial_sum (InputIterator sourceBeg, InputIterator sourceEnd,
OutputIterator destBeg)

OutputIterator
partial_sum (InputIterator sourceBeg, InputIterator sourceEnd,
OutputIterator destBeg, BinaryFunc op)

•แบบฟอร์ม first คำนวณผลรวมสำหรับแต่ละองค์ประกอบได้บางส่วน [sourceBeg,
sourceEnd) และเขียนผลลัพธ์แต่ละช่วงปลายเริ่มต้น ด้วย destBeg
•แบบที่สองเรียก op สำหรับแต่ละองค์ประกอบได้ [sourceBeg,sourceEnd) รวม
ค่าก่อนหน้านี้และเขียน ผลลัพธ์ไปยังปลายทางแต่ละช่วงเริ่มต้น ด้วย destBeg
•ดังนั้น สำหรับค่า
a1 a2 a3...
จะคำนวณหรือ
a1, a1 a2, a1 a2 a3,...
หรือ
a1, a1 op a2, a1 op a2 op a3,...
ตามลำดับ
•รูปแบบกลับตำแหน่งหลังจากเขียนค่าสุดท้ายในช่วงปลาย (เอเล first การ -
ติดขัดที่ไม่ถูกเขียนทับ)
•แบบฟอร์ม first จะเท่ากับแปลงของลำดับของค่าที่สัมพันธ์กันเป็นลำดับ
ค่าสัมบูรณ์ ในการนี้ partial_sum() อัลกอริทึมเป็นส่วนเติมเต็มของอัลกอริทึม
adjacent_difference() (ดูหน้า 628)
•ช่วงต้นทางและปลายทางอาจเหมือนกันได้
•ผู้เรียกต้องแน่ใจว่า ช่วงปลายมีขนาดใหญ่เพียงพอ หรือที่แทรกใช้ iterators
• op ควรปรับเปลี่ยนอาร์กิวเมนต์ส่งผ่าน
•ความซับซ้อน: เชิงเส้น (numElems เรียกตัวหรือ op () ตามลำดับ)

โปรแกรมต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของการใช้ partial_sum():

/ / algo/partialsum1.cpp

#include "algostuff.hpp"
ใช้ namespace มาตรฐาน

int main()
{
เวกเตอร์ < int > coll;

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

11.11.2 แปลงค่าญาติและสมบูรณ์ต่อไปนี้สองขั้นตอนวิธีการช่วยให้คุณสามารถแปลงลำดับของค่าความสัมพันธ์เป็นลำดับของค่าแน่นอนและในทางกลับกันการแปลงค่าเป็นญาติค่าสัมบูรณ์OutputIterator partial_sum (InputIterator sourceBeg, InputIterator sourceEnd, OutputIterator destBeg) OutputIterator partial_sum (InputIterator sourceBeg, InputIterator sourceEnd, OutputIterator destBeg, BinaryFunc op) •รูปแบบแรกจะคำนวณผลรวมบางส่วนสำหรับแต่ละองค์ประกอบอยู่ในช่วงที่มา [sourceBeg, sourceEnd) และเขียนแต่ละผลไปยังช่วงที่เริ่มต้นด้วย destBeg •ที่สอง รูปแบบที่เรียก op สำหรับแต่ละองค์ประกอบอยู่ในช่วงที่มา [sourceBeg, sourceEnd) รวมกับค่านิยมก่อนหน้านี้ทั้งหมดและเขียนแต่ละผลไปยังช่วงที่เริ่มต้นด้วย destBeg •ดังนั้นสำหรับค่าa3 a2 a1 ... พวกเขาคำนวณทั้งa1, a1 + a2, a1 + a2 + a3, ... หรือa1, a2 a1 op, op a1 a2 a3 op, ... ตามลำดับ•รูปแบบที่ทั้งสองกลับตำแหน่งหลังจากที่ค่าเขียนสุดท้ายในช่วงปลายทาง (ครั้งแรกที่เอเล- ment ที่ไม่ได้เขียนทับ) •รูปแบบครั้งแรกเทียบเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของลำดับของค่าความสัมพันธ์เป็นลำดับของค่าแน่นอน ในเรื่องนี้ขั้นตอนวิธีการ partial_sum () เป็นส่วนประกอบของขั้นตอนวิธีadjacent_difference () (ดูหน้า 628) •ต้นทางและปลายทางช่วงอาจจะเหมือนกัน•โทรต้องให้แน่ใจว่าช่วงปลายทางมีขนาดใหญ่พอหรือว่าใส่ iterators ถูกนำมาใช้ . •สหกรณ์ไม่ควรปรับเปลี่ยนการขัดแย้งที่ผ่าน•ซับซ้อน: เชิงเส้น (สาย numElems ของผู้ประกอบการ + หรือสหกรณ์ () ตามลำดับ) โปรแกรมต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างบางส่วนของการใช้ partial_sum () / / algo/partialsum1.cpp # include " algostuff.hpp " โดยใช้มาตรฐาน namespace; int หลัก () { เวกเตอร์












































Coll;

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

11.11.2 แปลงสัมพัทธ์และสัมบูรณ์ค่า

ต่อไปนี้สองขั้นตอนวิธีที่ช่วยให้คุณแปลงลำดับของค่าสัมพัทธ์เป็นลำดับ
ค่าสัมบูรณ์ และในทางกลับกัน

แปลงค่าเป็นญาติแน่นอนค่า

outputiterator
partial_sum ( inputiterator sourcebeg inputiterator sourceend
, ,

outputiterator outputiterator destbeg )partial_sum ( inputiterator sourcebeg inputiterator sourceend
, , outputiterator destbeg binaryfunc , OP )

- RST จึงแบบฟอร์มคำนวณผลรวมบางส่วนของแต่ละธาตุในช่วง sourcebeg
[ แหล่งที่มา , sourceend ) และเขียนแต่ละผลไปยังปลายทางช่วงเริ่มต้นด้วย destbeg .
- แบบฟอร์มที่สองสาย OP สำหรับแต่ละองค์ประกอบในช่วง [ sourcebeg แหล่งรวม sourceend )
,กับค่าก่อนหน้าและเขียนแต่ละผลไปยังปลายทางช่วงเริ่มต้นด้วย destbeg .
-
ดังนั้นค่า A1 A2 A3 . . . พวกเขาคำนวณเหมือนกัน

A1 , A1 A2 A1 A2 A3 , . . .

หรือ A1 , A1 และ A2 A1 A2 A3 OP OP . . .
ตามลำดับ
- แบบฟอร์มทั้งสองคืนตำแหน่ง หลังจากล่าสุดเขียนค่าในช่วงปลายทาง ( จึงตัดสินใจเดินทางไปเขา -
ment ที่ไม่ได้เขียนทับ )
- RST จึงเทียบเท่ากับการแปลงรูปแบบของลำดับของค่าสัมพัทธ์เป็นลำดับ
ค่าสัมบูรณ์ ในการนี้ ขั้นตอนวิธี partial_sum() เป็นส่วนเติมเต็มของ adjacent_difference() ขั้นตอนวิธี
( เห็นหน้าแล้ว )
- แหล่งที่มาและปลายทางช่วงอาจจะเหมือนกัน
- โทรต้องมั่นใจว่า ช่วงปลายมีขนาดใหญ่พอ หรือใส่ iterators ใช้
- OP ไม่ควรปรับเปลี่ยนผ่านอาร์กิวเมนต์
- ความซับซ้อน : เชิงเส้น ( numelems เรียกร้องของผู้ประกอบการหรือ OP ( ตามลำดับ )

โปรแกรมต่อไปนี้แสดงให้เห็นตัวอย่างของการใช้ partial_sum() :

/ / /

#อัลกอ partialsum1.cpp รวมถึง " algostuff เอชพีใช้ namespace std . "
;
1 {

main() เวกเตอร์ < int > coll

;