ประเพณีดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นเมืองในอเมริกาหรือที่เรียกกันว่า เผ่าอินเดียนแดง มีการสร้งงานหัตถกรรมของชนเผ่าที่เชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางดักจับความฝัน เรียกกันว่า “Dreamcatcher” มีความหมายถึง “ตาข่ายดักฝัน” หรือ “เครื่องดักความฝัน” หัตถกรรมอินเดียนแดงครั้งนี้เชื่อกันมาแต่โบราณว่าจะช่วยกรองความฝันให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายสลายไป ลักษณะของตาข่ายดักความฝันหรือเครื่องดักความฝันจะเป็นห่วงวงกลม ด้านในถักทอเป็นตาข่าย ด้านข้างประดับประดาด้วยขนนก ลูกปัด รวมทั้งเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆอื่นๆ
ตาข่ายดักฝันมีที่มาจากอินเดียนแดงเผ่าโอจิบวี (Ojibwe) หรือชนเผ่าชิปเปว่า (Chippewa) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา ชนเผ่าชิปเปว่ามีความเชื่อกันว่า แมงมุมมีพลังอำนาจวิเศษที่สามารถทอใยดักจับความฝันได้เหมือนกับที่พวกมันทอใยแมงมุมดักจับสัตว์กินเป็นอาหารนั่นเอง แม้ว่าเวลาที่มีการคิดสร้างตาข่ายดักฝันไม่มีใครรู้ว่ามีมาแต่เมื่อไหร่ แต่ก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าน่าจะก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไม่นาน
ชนเผ่าโอจิบวีเป็นอีกชนเผ่าหนึ่งที่นิยมประดิษฐ์สร้างตาข่ายดักฝันไว้เป็นจำนวนมาก กลายเป็นว่า ตาข่ายดักฝันเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชนเผ่าต่างๆที่เป็นกลุ่มน้อยอยู่ในอเมริกา จนกระทั่งมันกลายมาเป็นของขวัญของกำนัลจากร้านขายของที่ระลึกในเขตที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียนแดงในปัจจุบัน
วัฒนธรรมของอินเดียนแดง ซึ่งปัจจุบันจะไม่เรียกว่า “อินเดียนแดง” แล้ว แต่จะเรียกกันว่า “ขนนก” เป็นสัญลักษณ์ของ “อากาศ” และ “ลมหายใจ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต กรรมวิธีการทำเครื่องดักฝันจะทำมาจากเกลียวเชือกจากต้นวิลโลว์ มาถักทอเป็นโครงวงกลมโดยมีตาข่ายอยู่ด้านใน ด้านล่างก็จะประดับประดาตกแต่งด้วยขนนกแบบต่างๆ ดังนั้น ตาข่ายดักฝันหรือเครื่องดักฝัน จึงกลายมาเป็นเครื่องรางมงคลที่นิยมห้อยแขวนไว้เหนือเปลเด็ก ในทางคติความเชื่อก็คือ เครื่องหมายนำอากาศเข้าสู่ลมหายใจและนำโชคดีมาให้เด็กๆส่วนในทางจิตวิทยาก็คือ ตาข่ายดักฝันประดับขนนกเหล่านี้จะทำหน้าที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาที่จับจ้องการแกว่งไกวของขนนกที่ส่ายไหวดั่งระบำขนนก จะช่วยให้ทารกมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อต่างๆได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันมันคือเครื่องรางที่ช่วยกรองฝันดีมาสู่เด็กๆ และสกัดกั้นฝันร้ายไม่ให้มากล้ำกลาย แต่ถึงกะนั้น ก็มีวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่นำไปแขวนประดับไว้เหนือเตียงนอน จนกลายเป็นแฟชั่นเลียนแบบอย่างหนึ่ง แต่ทว่า การดักจับความฝันคงทำไม่ได้กับนิสัยของพวกเขา เพราะวัยผู้ใหญ่นั้นจิตใจไม่ได้ใสสะอากเหมือนพวกเด็กๆ เครื่องดักฝันจึงอาจช่วยอะไรไม่ได้เลย
ยังมีเครื่องรางต่างๆมากมายที่เชื่อว่ามีอำนาจพิทักษ์ความฝัน ซึ่งถูกนำมาใช้ห้อยแขวนเหนือเตียงของทารกและเด็กๆเพื่อปกป้องให้พ้นจากฝันร้ายและพลังอันชั่วร้ายที่มองไม่เห็นได้สำเร็จ แต่หลายๆคนกลับนิยมเลือกตาข่ายดักฝันด้วยเพราะมนุษย์สัมผัสได้ถึงอำนาจเร้นลับจากสิ่งชั่วร้ายที่อาจซ่อนตัวอยู่ในกระจก ต้นไม้ หรือกรอบหน้าต่าง ดังนั้น การแขวน “ตาข่ายดักฝัน” ก็เพื่อช่วยปกป้องเด็กๆให้พ้นจากภัยมืด เพราะฝันร้ายเหล่านั้นจะถูกกักไว้ในตาข่ายไม่ให้ออกไปไหนอีกเลย จนกระทั่งถึงยามฟ้าสาง ฝันร้ายก็จะมลายหายไปเอง ส่วนฝันดีก็จะถูกกรองให้ผ่านรูตาข่ายไปสู่เด็กๆตลอดยามราตรี