ปัจจุบันปัญหาการดื้อยาปฎิชีวนะเป็นปัญหาใหญ่ทั้งในประเทศไทยเเละต่างประเทศโดยที่ผ่านมามีการใช้ยาปฎิชีวนะหลายชนิดนำมาเพื่อใช้ในการรักษาโรคการใช้ยาปฎิชีวนะเมื่อไม่ได้ผลซึ่งปกติยาปฎิชีวนะไม่ก่อให้เกิดการดื้อยสแต่เนื่องจากการการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อแบคทีเรียการดื้อยาได้โดยในหลายครั้งควรส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงยาปฏิชีวนะมีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียซึ่งยาปฏิชีวนะไม่สามารถที่จะกำจัดเชื้อไวรัสได้และโรคอื่นๆเช่นโรคไข้หวัดเป็นหวัดธรรมดาการใช้ยาปฏิชีวนะในศตวรรษที่ 21 ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยการปราศจากยาปฏิชีวนะจะทำให้การรักษาโรคอย่างเช่นมะเร็งการปลูกถ่ายอวัยวะและการคลอดบุตรเป็นอันตรายอย่างยิ่งการใช้ยาปฏิชีวนะโดยสิ้นเปลืองก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาที่ไม่จำเป็นและสามารถนำไปสู่การดื้อยาที่รุนแรงมากซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการดื้อยาได้คือการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมส่งผลให้เกิดการดื้อยาได้สาเหตุที่ 2 ประชาชนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะส่งผลให้เกิดการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องเช่นประชาชนซื้อยาปฏิชีวนะมาใช้เองโดยที่ไม่ได้รู้ถึงวิธีการใช้ให้ถูกต้องซึ่งเมื่อใช้ไม่ถูกต้องอาจจะเกิดการดื้อยาอย่างรุนแรงจนต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่แพงขึ้นไปอีกการแก้ไขปัญหาของสาเหตุนี้จะเกิดขึ้นได้จะต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเพราะรัฐบาลเป็นตัวหลักในการช่วยให้เกิดการใช้ยาปฏิชีวนะลดลงได้ดังนั้นรัฐบาลควรที่จะมีวิธีการแก้ไขดังนี้วิธีแก้ไขที่ 1 คือรัฐบาลจะต้องสั่งการให้โรงพยาบาลทั้งประเทศแนะนำการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างทั่วถึงกับประชาชนเพราะการให้คำแนะนำเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเข้าใจถึงการใช้ยาปฏิชีวนะได้มากที่สุดวิธีที่ 2 รัฐบาลควรมีนโยบายในการกำหนดการใช้ยาปฏิชีวนะโดยสั่งการให้โรงพยาบาลควบคุมปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะให้เหมาะสมและควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้นวิธีที่ 3 ประชาชนรัฐบาลโรงพยาบาลจะต้องช่วยกันจำกัดการใช้ยาปฏิชีวนะซึ่งจะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมของการใช้ยาปฏิชีวนะได้สรุปแล้วการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมและการที่ประชาชนไม่มีความรู้เรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะส่งผลรุนแรงได้ดังนั้นจึงควรที่จะแก้ไขโดยทำตามนโยบายของรัฐเช่นรับฟังวิธีการใช้ยาปฏิชีวนะและการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะของรัฐบาลถ้าหากประชาชนร่วมมือกับรัฐบาลจะทำให้เกิดการใช้ยาปฏิชีวนะลดลง
การแปล กรุณารอสักครู่..
