Haze and smoke problems with advers

Haze and smoke problems with adverse socio-economic and health impacts have become emerging new “disaster” issues over the last few years, especially in the North of Thailand. The unprecedented smoke haze that blanketed all areas in the northern highland region of Thailand is a recent problem that the local people must endure every year. Moreover, the smoke haze situation directly affects the air quality in many areas, including the provinces of Chiang Mai, Chiang Rai, Mae Hong Son, Lampang, Lamphun, Phrae, Nan and Phayao. Report No.10 from the Office of Disease Prevention and Control stated that from March 15 to March 22, 2007 (Health Information System Development Office, 2012), there were a total of 57,765 patients seeking treatment due to illness related to smoke haze in 8 provinces--Chiang Mai, Lamphun, Lampang, Mae Hong Son, Phayao, Chiang Rai, Phrae and Nan--or a daily average of 7,220 patients during that period of time. Over 90% of cases had general respiratory problems with slight symptoms. The highest number of patients, 18,412 cases, was in Chiang Rai followed by 13,936 cases in Lamphun and 8,399 cases in Chiang Mai respectively. A report from Chiang Rai Provincial Hospital indicated that since 2007, the number of patients was very high, with an average of 2,200 cases per day in March of each year (Khantipong, 2007, quoted in Manomaiphiboon, 2007).
The Particulate Matter of 10 microns in diameter or smaller (PM10) is considered the most significant air pollutant that leads to serious air pollution during the dry season, especially in northern Thailand. Major sources of PM10 are open burning (Manomaiphiboon, 2009; and Rayanakorn, 2010) and internal combustion exhaust from traffic. However, traffic density seems to be constant for the whole year, while open burning, mostly performed during the dry season, is found coincide with the peak of the annual haze episode in the upper northern region of Thailand (Chantara, 2012; Oanh Kim and Leelasakultum, 2011). The open burning in this region consists of forest fires and the burning of agricultural waste. These activities definitely emit a variety of air pollutants in the forms of both particulates and gases. In the case of Chiang Mai, it was discovered that 50% - 70% of PM10 came from forest fires and the burning of agricultural residues, 10% came from diesel engines, and the remainder came from dust that blew over from other sources (Rayanakorn, 2010 and Jiamjai, et al. 2010). According to a report from the Pollution Control Department, the level of PM10 measured at stations in northern Thailand started to rise above the standard level set by the Pollution Control Department (120 µg/m3) from February, with the highest levels of PM10 found in March of each year. Chiang Rai, especially in Mae Sai district is one of many provinces in northern Thailand that is facing very severe air pollution. The PM10 measurement recorded in Mae Sai during February to March 2007 was as high as 158 microgram per cubic meter or 120 microgram per cubic meter higher than the safe level. At the same time, based on the Air Quality Index (AQI), the province’s air quality level was measured at 135, higher than the national air quality standard for the pollutant at 100. The air pollution could affect the health of all people especially
for the risk group i.e. children under 5 years old, elderly people who are 60 years old and older, allergic patients and respiratory syndrome patients. The health report from Chiang Rai Provincial Public Health Office stated that during the mentioned period, there were 2,200 patients with respiratory syndrome admitted at the hospital. The statistic figure was unusually way up comparing to the previous years. Consequently, it was considered the highest ever recorded figure in the northern part of Thailand. Therefore, the government had declared the area “A Disaster Zone” after the haze hit the region in March 20, 2007.
Nevertheless, Chiang Rai had not only faced the problem with burned area locally but also from its neighboring countries. It was found that the neighboring countries had a number of burned areas as well. The burned area in GMS Countries had caused Trans boundary haze effect which covered the whole Chiang Rai. At the present, haze and smoke problems in Chiang Rai are still considered critical. The report from the Pollution Control Department indicated that the maximum 24-hour PM10 value measured at Chiang Rai Station was 357.46 µg/m3 on March 19, 2012. PM10 value at this station was almost three to four times higher than the standard level (Pollution Control Department, 2012). To study the possibility of the impact of the open burning conducted in neighboring countries, the author decided to classify the burned area by analyzing the Maximum Likelihood and Supervised Classification from the multi spectral satellite data as of March 26, 2007 and April 10, 2010 employed by Landsat 5TM. Additionally, daily backward trajectories of air mass arriving in Chiang Rai at an altitude of 500 meters on March 1 to March 31, 2007 and 2010 were calculated using HYSPLIT Model developed by the Air Resources Laboratory of the United States National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมฆหมอก และควันปัญหาร้ายสังคมเศรษฐกิจ และกระทบต่อสุขภาพได้เป็น ประเด็น "ภัยพิบัติ" ใหม่เกิดขึ้นช่วงไม่กี่ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางเหนือของไทย เมฆหมอกควันเป็นประวัติการณ์คลุมทุกพื้นที่ในราบสูงภาคเหนือเป็นปัญหาล่าสุดที่ประชาชนต้องทนทุกปี นอกจากนี้ สถานการณ์เมฆหมอกควันโดยตรงมีผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย Mae Hong Son ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน และพะเยารวมทั้ง น.รายงานจากสำนักงานป้องกันโรคและการควบคุมระบุว่า จาก 15 22 มีนาคมมีนาคม 2007 (สุขภาพสำนักพัฒนาระบบข้อมูล 2012), มีจำนวนผู้ป่วย 57,765 ไม่รักษาเนื่องจากการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับเมฆหมอกควัน 8 จังหวัด - เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง Mae Hong Son พะเยา เชียงราย แพร่ และ น่าน - หรือเฉลี่ยต่อวันของผู้ป่วย 7,220 ที่ช่วงเวลา กว่า 90% ของกรณีมีปัญหาทางเดินหายใจทั่วไป มีอาการเล็กน้อย จำนวนสูงสุดของผู้ป่วย กรณี 18,412 อยู่ในจังหวัดเชียงรายตามกรณี 13,936 ในลำพูนและกรณี 8,399 ในเชียงใหม่ตามลำดับ รายงานจากโรงพยาบาลจังหวัดเชียงรายเชียงใหม่ระบุว่า 2550 จำนวนผู้ป่วยสูงมาก โดยเฉลี่ยกรณี 2200 ต่อวันในเดือนมีนาคมของทุกปี (Khantipong, 2007 การเสนอราคาใน Manomaiphiboon, 2007) ฝุ่นเรื่องของ 10 microns เส้นผ่านศูนย์กลาง หรือขนาดเล็ก (PM10) ถือเป็นมลพิษอากาศที่สำคัญที่นำไปสู่มลพิษทางอากาศที่รุนแรงในฤดูแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือ แหล่งสำคัญของ PM10 จะเขียนเปิด (Manomaiphiboon, 2009 และ Rayanakorn, 2010) และสันดาปภายในท่อไอเสียจากการจราจร อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นของจราจรดูเหมือน จะคงตลอดทั้งปี ในขณะที่เปิดเขียน ส่วนใหญ่ดำเนินการในฤดูแล้ง พบสอดคล้องกับจุดสูงสุดของปีฝนตกพรำตอนบนภาคเหนือของประเทศไทย (บริการ 2012 คิม Oanh ก Leelasakultum, 2011) เขียนเปิดในภูมิภาคนี้ประกอบด้วยไฟป่าและการเผาไหม้ของเสียการเกษตร กิจกรรมเหล่านี้ปล่อยสารมลพิษอากาศในรูปแบบของฝุ่นละอองและก๊าซต่าง ๆ แน่นอน ในกรณีของเชียงใหม่ มันถูกค้นพบว่า 50% - 70% ของ PM10 มาจากไฟป่าและการเผาไหม้ตกค้างทางการเกษตร 10% มาจากเครื่องยนต์ดีเซล และส่วนเหลือมาจากฝุ่นที่ได้พัดผ่านจากแหล่งอื่น ๆ (Rayanakorn, 2010 และ Jiamjai, et al. 2010) รายงานจากกรมควบคุมมลพิษ ระดับของ PM10 วัดที่สถานีในภาคเหนือเริ่มสูงขึ้นเหนือระดับมาตรฐานที่กำหนด โดยกรมควบคุมมลพิษ (120 ไมโครกรัมเป็น เครื่อง/m3) จากเดือนกุมภาพันธ์ ระดับสูงสุดของ PM10 พบในเดือนมีนาคมของทุกปี เชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอแม่สายเป็นหนึ่งในหลายจังหวัดในภาคเหนือที่กำลังเผชิญมลพิษทางอากาศรุนแรงมาก วัด PM10 ที่บันทึกในแม่สายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึง 2007 มีนาคมสูง 158 microgram ต่อลูกบาศก์เมตรหรือ 120 microgram ต่อลูกบาศก์เมตรสูงกว่าระดับปลอดภัยได้ ในเวลาเดียวกัน อยู่ในอากาศคุณภาพดัชนี (AQI), ระดับคุณภาพอากาศของจังหวัดเป็นวัดที่สูงกว่าอากาศแห่งชาติคุณภาพมาตรฐานมลพิษที่ 100, 135 มลพิษทางอากาศอาจมีผลต่อสุขภาพของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับความเสี่ยงเช่นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุคนที่มีอายุ 60 ปี และผู้ป่วยเก่า แพ้ และผู้ป่วยกลุ่มอาการทางเดินหายใจ รายงานสุขภาพสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดของจังหวัดเชียงรายระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว มี 2200 ผู้ป่วยกลุ่มอาการทางเดินหายใจที่ยอมรับในโรงพยาบาล ตัวเลขสถิติผิดปกติวิธีเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ดังนั้น มันถูกพิจารณารูปที่เคยบันทึกไว้สูงสุดในภาคเหนือของประเทศไทย ดังนั้น รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่ "เขตภัยพิบัติ A" หลังจากฝนตกพรำตีภูมิภาค 20 มีนาคม 2007 อย่างไรก็ตาม เชียงรายมีไม่เท่าประสบปัญหา กับเครื่องเขียนตั้ง แต่ จากฝิ่นนั้น จะพบว่า ประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนพื้นที่เขียนด้วย พื้นที่เขียนในประเทศ GMS ได้เกิดผลกระทบจากหมอกควันขอบทรานส์ซึ่งครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย ปัจจุบัน เมฆหมอกและปัญหาควันเชียงรายยังคงถือเป็นสำคัญ รายงานจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ค่าสูงสุดของ PM10 24 ชั่วโมงวัดที่เชียงใหม่เชียงรายสถานีถูกไมโครกรัมเป็นเครื่อง m3 357.46 เมื่อ 19 มีนาคม 2012 ค่า PM10 ที่สถานีนี้ได้เกือบสามถึงสี่เท่าสูงกว่าระดับมาตรฐาน (กรมควบคุมมลพิษ 2012) การศึกษาความเป็นไปได้ของผลกระทบของการเปิดเขียนดำเนินในประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ตัดสินใจในการจัดประเภทพื้นที่เขียน โดยวิเคราะห์ความเป็นไปได้สูงสุดและการจัดประเภทแบบมีผู้สอนจากข้อมูลดาวเทียมสเปกตรัมหลาย ณ 26 มีนาคม 2007 และ 10 เมษายน 2010 ว่า Landsat 5TM นอกจากนี้ trajectories ย้อนหลังประจำวันของมวลอากาศในจังหวัดเชียงรายเดินทางมาถึงระดับความสูง 500 เมตรในวันที่ 1 มีนาคมถึง 31 มีนาคม 2007 และ 2010 ถูกคำนวณโดยใช้แบบจำลอง HYSPLIT พัฒนา โดยห้องปฏิบัติการทรัพยากรอากาศของสหรัฐอเมริกาชาติมหาสมุทรและบรรยากาศจัดการ (NOAA)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปัญหาหมอกควันและควันกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์จะเกิดใหม่ " ภัยพิบัติ " ปัญหากว่าไม่กี่ปีล่าสุด โดยเฉพาะในภาคเหนือ ทำให้มีควันหมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดในภาคเหนือของภูมิภาคไฮแลนด์ของประเทศไทยเป็นปัญหาล่าสุดที่ประชาชนต้องอดทน ทุก ปี นอกจากนี้ควันหมอกสถานการณ์มีผลโดยตรงต่อคุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน และพะเยา 10 รายงานจากสำนักงานป้องกันและควบคุมโรค กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมถึง 22 มีนาคม 2550 ( สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ 2012 ) จำนวน 57 ,เขารับการรักษาเนื่องจากการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับควันหมอกควันใน 8 จังหวัด -- เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา เชียงราย แพร่ และน่าน หรือเฉลี่ยรายวันของ 7220 ป่วยในช่วงเวลาดังกล่าว กว่า 90% ของกรณีมีทั่วไปปัญหาทางเดินหายใจ มีอาการเล็กน้อย จำนวนมากที่สุดของผู้ป่วย 18412 กรณี อยู่เชียงราย ตามด้วย 13936 ราย ลำพูน 8399 กรณีและเชียงใหม่ตามลำดับ รายงานจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงราย พบว่า ตั้งแต่ปี 2007 จำนวนผู้ป่วยสูงมาก เฉลี่ย 2 , 200 รายต่อวันในเดือนมีนาคมของแต่ละปี ( พร หลินประเสริฐ , 2007 , ที่ยกมาใน manomaiphiboon , 2007 )
อนุภาคของ 10 ไมครอนในเส้นผ่าศูนย์กลางหรือขนาดเล็ก ( PM10 ) คือการพิจารณาที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศมลพิษทางอากาศรุนแรงในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะในภาคเหนือของไทย แหล่งที่มาของ PM10 เปิดการเผาไหม้ ( manomaiphiboon , 2009 ; และดำรงค์ , 2010 ) และไอเสียที่เผาไหม้ภายในจากการจราจร อย่างไรก็ตามความหนาแน่นของการจราจรดูเหมือนจะคงที่ตลอดทั้งปี ในขณะที่การเผาไหม้เปิด ส่วนใหญ่ดำเนินการในช่วงฤดูแล้งพบตรงกับจุดสูงสุดของตอนหมอกประจำปีในเขตภาคเหนือตอนบน ( บุญตา , 2012 ; oanh คิมและ leelasakultum , 2011 ) การเผาไหม้เปิดในภูมิภาคนี้ประกอบด้วย ไฟป่า และการเผาของเสียทางการเกษตรกิจกรรมเหล่านี้ต้องปล่อยความหลากหลายของมลพิษอากาศในรูปแบบของอนุภาคและก๊าซ ในกรณีของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ร้อยละ 50 - 70 % ของ PM10 ที่มาจากไฟป่าและการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ร้อยละ 10 มาจากเครื่องยนต์ดีเซล และส่วนที่เหลือมาจากฝุ่นที่พัดผ่านจากแหล่งอื่น ๆ ( ดำรงค์ 2010 และเจียมใจ , et al . 2010 )ตามรายงานจากกรมควบคุมมลพิษ ระดับ PM10 วัดที่สถานีในภาคเหนือเริ่มสูงขึ้นเหนือระดับมาตรฐานที่กำหนดโดยกรมควบคุมมลพิษ ( 120 µ g / m3 ) จากเดือนกุมภาพันธ์ มีระดับสูงสุดของ PM10 พบในเดือนมีนาคมของทุกปี เชียงรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอแม่สายเป็นหนึ่งของหลายจังหวัดในภาคเหนือ ที่ต้องเผชิญมลภาวะอากาศที่รุนแรงมาก . และ PM10 วัดบันทึกไว้ในแม่สาย ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2550 สูงถึง 158 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าระดับที่ปลอดภัย ในเวลาเดียวกัน ตามดัชนีคุณภาพอากาศ ( แผ่นพับ )ของจังหวัดระดับคุณภาพอากาศวัดที่ 135 สูงกว่ามาตรฐานคุณภาพอากาศแห่งชาติสำหรับสารมลพิษที่ 100 มลพิษทางอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก
สำหรับอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจสุขภาพรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ระหว่างปี มีผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ 2200 เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สถิติตัวเลขผิดปกติขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงถือว่าสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ว่า ในภาคเหนือของประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลได้ประกาศเขตภัยพิบัติ โซนหลังหมอกควันเข้าเขตในวันที่ 20 มีนาคม 2550
แต่เชียงรายมีไม่เพียง แต่ประสบกับปัญหากับพื้นที่เผาในประเทศ แต่ยังมาจากประเทศเพื่อนบ้าน . พบว่าประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนของพื้นที่ไฟไหม้เช่นกันการเผาในพื้นที่กลุ่มประเทศได้เกิดหมอกควันข้ามเขตแดนผลซึ่งครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย ปัจจุบัน ปัญหาหมอกควัน และควันในเชียงรายยังถือว่าวิกฤต รายงานจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า บริการวัดค่า PM10 สูงสุดที่เชียงรายได้ 357.46 µกรัม / ลบ . ม. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555ค่า PM10 ที่สถานีนี้ สูงกว่าระดับมาตรฐานเกือบสามถึงสี่ครั้ง ( กรม ควบคุมมลพิษ 2012 ) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของผลกระทบจากการเผาไหม้เปิดดำเนินการในประเทศเพื่อนบ้าน ผู้เขียนตัดสินใจแยกพื้นที่เผาโดยวิเคราะห์ความน่าจะเป็นสูงสุด และการดูแลจากมัลติสเปกตรัมดาวเทียมข้อมูลณวันที่ 26 มีนาคม2550 และ 10 เมษายน 2553 การจ้างงาน โดยดาวเทียม 5tm . นอกจากนี้ ทุกวัน ย้อนกลับวิถีมวลอากาศมาถึงเชียงราย ที่ระดับความสูง 500 เมตร ในวันที่ 1 มีนาคม ถึง 31 มีนาคม 2007 และ 2010 ) คำนวณโดยใช้แบบจำลอง hysplit พัฒนาโดยห้องปฏิบัติการวิจัยทรัพยากรทางอากาศของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติการบริหาร ( NOAA )