Abstinence is the only method to co

Abstinence is the only method to completely prevent pregnancy and sexually transmitted infections (STIs). However, the consistent and correct use of latex condoms is also an effective method for preventing the transmission of STIs and pregnancy (Davis, Sloan, MacMaster, & Kilbourne, 2007). According to Bobrova, Sergeev, Grechukhina, & Kapiga (2005), correct and consistent condom use can reduce HIV transmission by 87%. Health education may be a potential proactive approach that could be used to assist in the prevention of STIs and unplanned pregnancies.
STIs are a major public health issue costing the nation billions of dollars in direct medical costs (Centers for Disease Control and Prevention (CDC), 2013). STIs continue to be a major concern for young adults throughout the United States. Half of all new STIs in the United States occur among young people aged 15 to 24 years (Weinstock, Berman, & Cates, 2004). Some of the possible long term consequences associated with STIs include scarred uterine tissue, ectopic pregnancy, infertility, brain damage, and in some cases death (AVERT, 2011).
According to the CDC (2009), young adults age 13-24 account for 26% of new HIV infections. Thirty-nine percent of all new HIV infections diagnosed in 2009 were among 13 to 29 year olds (CDC, 2011). It is reported that women 15-19 years old in the United States have the highest rates of Gonorrhea and Chlamydia transmission, followed by women ages 20-24 (CDC, 2011). Due to various behavioral, cultural and biological factors, young people are at higher risk for STIs, including HIV/AIDS than any other group (CDC, 2012; Gullette & Lyons, 2005).
Nearly one million young women in the United States under the age of 20 become pregnant each year (Planned Parenthood Federation of America (PPFA), 2011). Unplanned pregnancies have long-term effects on the lives of both parents and unborn children, including emotional and financial constraints. In addition, in many cases, unplanned pregnancies become a barrier to continuing education for many young parents. Furthermore, children born as the result of unplanned pregnancies tend to have lower cognitive scores, lower grade point averages, and are less likely to have college aspirations compared to those children born of planned pregnancies (The National Campaign to Prevent Teen and Unplanned Pregnancy (NCPTUP), 2008). Young adults, ages 18 to 24, are most affected by unplanned pregnancies and STIs. This age range is similar to the average age of college students.
Health education begins in elementary school settings and continues on many college campuses. Understanding the barriers to condom use will allow for more targeted programs aimed at increasing condom use among college students.
The current University’s Foundational Studies requirement at this mid-western university includes a Health and Wellness course which includes instruction on STIs and pregnancy prevention. Both abstinence and condom use are presented as prevention methods. This particular course was one of two options every student must complete to fulfill the Health and Wellness Foundational Studies requirement. Therefore, students in the course represent a cross section of the University student population and the course provides an opportunity to conduct survey students. The current study examines reported condom use as well as reported barriers to condom use among students enrolled in a required Foundational Studies freshmen Health and Wellness course at a mid-western university. In addition, the study also examines if students were taught to put on a condom and if there was an association between having been taught to put on a condom and actual reported condom use among those who reported having been sexually active. The study provides valuable information needed to develop effective and targeted STIs and pregnancy prevention programs on campuses.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ละเว้นเป็นเพียงวิธีการเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และติดเชื้อทางเพศนำส่ง (STIs) อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ใช้ latex ยางอนามัยสอดคล้อง และถูกต้องนั้นยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการส่งผ่านของ STIs และตั้งครรภ์ (Davis สโลน MacMaster, & Kilbourne, 2007) ตาม Bobrova, Sergeev, Grechukhina และ Kapiga (2005), ใช้ถุงยางที่ถูกต้อง และสอดคล้องสามารถลดชไอ 87% การศึกษาสุขภาพอาจจะวิธีการเชิงรุกมีศักยภาพที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยในการป้องกัน STIs และตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผน STIs เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญชาติพันล้านดอลลาร์ในทุนแพทย์โดยตรง (ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคและการป้องกัน (CDC), 2013) การคำนวณต้นทุน STIs ยัง กังวลสำคัญสำหรับผู้ใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกา ครึ่งหนึ่งของ STIs ใหม่ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาวอายุ 15-24 ปี (Weinstock, Berman, & Cates, 2004) บางระยะยาวที่ได้ผลที่เกี่ยวข้องกับ STIs รวมแผลเป็นเนื้อเยื่อมดลูก ตั้งครรภ์นอกมดลูก มีบุตรยาก สมอง และ ในบางกรณีตาย (AVERT, 2011)ตาม CDC (2009), ผู้ใหญ่อายุ 13-24 บัญชี 26% ของการติดเชื้อเอชไอวีใหม่ สามสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดใหม่เอชไอวีเชื้อการวินิจฉัยในปี 2009 ได้ระหว่าง 13 ถึง 29 ปีอายุ (CDC, 2011) แต่ก็มีรายงานว่า หญิง 15-19 ปีในสหรัฐอเมริกามีราคาสูงสุดของหนองใน และ Chlamydia ส่ง ตาม ด้วยผู้หญิงอายุ 20-24 (CDC, 2011) เนื่องจากพฤติกรรม วัฒนธรรม และชีวภาพปัจจัยต่าง ๆ คนหนุ่มสาวมีความเสี่ยงสูงสำหรับ STIs รวมทั้งเอชไอวี/เอดส์กว่าอื่น ๆ กลุ่มใด ๆ (CDC, 2012 Gullette และรส 2005) หญิงสาวเกือบหนึ่งล้านในสหรัฐอเมริกาอายุ 20 ครรภ์ในแต่ละปี (วางแผนครอบครัวแห่งสหพันธรัฐของอเมริกา (PPFA), 2011) ตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนชีวิตของพ่อแม่และเด็กทารก รวมถึงข้อจำกัดทางการเงิน และอารมณ์ผลระยะยาวได้ ในหลายกรณี ไม่ได้วางแผนตั้งครรภ์กลายเป็น อุปสรรคต่อการศึกษาต่อเนื่องสำหรับผู้ปกครองในการ นอกจากนี้ เด็กที่เกิดเป็นผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนมักจะ มีคะแนนรับรู้ต่ำลง ลดค่าเฉลี่ยเกรดจุด และมีแนวโน้มจะมีความปรารถนาวิทยาลัยเปรียบเทียบกับเด็กที่เกิดมาของแผนการตั้งครรภ์ (เดอะแห่งชาติส่งเสริมการขายเพื่อป้องกันไม่ให้วัยรุ่นและไม่ได้วางแผนตั้งครรภ์ (NCPTUP), 2008) ผู้ใหญ่ วัย 18 ถึง 24 ได้รับผลกระทบ โดยไม่ได้วางแผนตั้งครรภ์และ STIs ช่วงอายุนี้จะคล้ายกับอายุเฉลี่ยของนักเรียน สุขภาพการศึกษาเริ่มต้นในการตั้งค่าของโรงเรียนประถมศึกษา และต่อหลายวิทยาเขตวิทยาลัย เข้าใจอุปสรรคการใช้ถุงยางจะช่วยให้เพิ่มเติมเป้าหมายโปรแกรมมุ่งเพิ่มการใช้ถุงยางอนามัยในหมู่นักเรียนวิทยาลัย ความต้องการศึกษา Foundational ของมหาวิทยาลัยปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นกลางมีหลักสูตรสุขภาพซึ่งรวมถึงคำแนะนำในการป้องกันการตั้งครรภ์และ STIs ละเว้นและใช้ถุงยางมีแสดงเป็นวิธีการป้องกัน หลักสูตรนี้โดยเฉพาะเป็นหนึ่งในสองตัวเลือกที่นักเรียนทุกต้องสมบูรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของสุขภาพและสุขภาพการศึกษา Foundational ดังนั้น ส่วนข้ามประชากรนักศึกษามหาวิทยาลัยหมายถึงนักศึกษาในหลักสูตร และหลักสูตรให้โอกาสในการดำเนินการสำรวจนักเรียน การศึกษาปัจจุบันใช้ถุงยางอนามัยรายงานการตรวจสอบ ตลอดจนรายงานอุปสรรคการใช้ถุงยางอนามัยระหว่างนักศึกษาในการศึกษา Foundational เฟรชเมนสุขภาพหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นกลาง นอกจากนี้ การศึกษานอกจากนี้ยังตรวจสอบ ถ้านักเรียนถูกสอนใส่ถุงยาง และ ถ้ามีการเชื่อมโยงระหว่างมีการสอนการใส่ถุงยางอนามัยและถุงยางอนามัยรายงานจริงใช้ในหมู่ผู้ที่รายงานมีการใช้งานทางเพศ การศึกษาช่วยให้ข้อมูลจำเป็นในการพัฒนาประสิทธิภาพ และเป้าหมาย STIs และโปรแกรมป้องกันการตั้งครรภ์ในวิทยาเขต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเลิกบุหรี่เป็นวิธีเดียวที่จะสมบูรณ์ป้องกันการตั้งครรภ์และการติดเชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) อย่างไรก็ตามการใช้ที่สอดคล้องและถูกต้องของถุงยางอนามัยน้ำยางยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศและการตั้งครรภ์ (เดวิส, สโลน MacMaster และ Kilbourne 2007) ตาม Bobrova, Sergeev, Grechukhina และ Kapiga (2005), การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องและสอดคล้องกันสามารถลดการติดเชื้อ HIV โดย 87% การศึกษาสุขภาพอาจจะเป็นวิธีการเชิงรุกที่มีศักยภาพที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศและการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน.
โรคติดต่อทางเพศเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญต้นทุนพันล้านประเทศชาติดอลลาร์ในค่าใช้จ่ายทางการแพทย์โดยตรง (ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) , 2013) โรคติดต่อทางเพศยังคงเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใหม่ในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาวอายุ 15-24 ปี (Weinstock, Berman, และเคทส์, 2004) บางส่วนของผลกระทบระยะยาวที่เป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมถึงแผลเป็นเนื้อเยื่อมดลูกตั้งครรภ์นอกมดลูก, ภาวะมีบุตรยาก, ความเสียหายของสมองและในบางกรณีการตาย (หลีกเลี่ยง, 2011).
ตามที่ CDC (2009), คนหนุ่มสาวอายุ 13-24 บัญชีสำหรับ 26% ของการติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละสามสิบเก้าของการติดเชื้อเอชไอวีใหม่ทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยในปี 2009 เป็นหนึ่งในกลุ่ม 13-29 ปี olds (CDC, 2011) มีรายงานว่าผู้หญิง 15-19 ปีในประเทศสหรัฐอเมริกามีอัตราสูงสุดของโรคหนองในหนองในเทียมและการส่งผ่านตามด้วยผู้หญิงวัย 20-24 (CDC, 2011) เนื่องจากปัจจัยต่างๆพฤติกรรมทางวัฒนธรรมและทางชีวภาพของคนหนุ่มสาวที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งเอชไอวี / เอดส์กว่ากลุ่มอื่น ๆ (CDC, 2012; Gullette และลียง, 2005).
เกือบหนึ่งล้านคนหนุ่มสาวในสหรัฐอเมริกาภายใต้ อายุ 20 จะตั้งครรภ์ในแต่ละปี (สหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกา (PPFA), 2011) การตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนจะมีผลกระทบระยะยาวต่อชีวิตของทั้งพ่อและแม่และเด็กในครรภ์รวมทั้งข้อ จำกัด ทางอารมณ์และการเงิน นอกจากนี้ในหลายกรณีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาต่อเนื่องสำหรับพ่อแม่ของหนุ่มสาวจำนวนมาก นอกจากนี้เด็กที่เกิดมาเป็นผลมาจากการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนมีแนวโน้มที่จะมีคะแนนความรู้ความเข้าใจที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำกว่าและมีโอกาสน้อยที่จะมีแรงบันดาลใจที่วิทยาลัยเมื่อเทียบกับเด็กเหล่านี้เกิดจากการตั้งครรภ์การวางแผน (แคมเปญแห่งชาติเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์วัยรุ่นและไม่ได้วางแผน (NCPTUP ) 2008) คนหนุ่มสาวอายุ 18-24 ได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนและโรคติดต่อทางเพศ ช่วงอายุนี้จะคล้ายกับอายุเฉลี่ยของนักศึกษา.
สุขศึกษาในการตั้งค่าเริ่มต้นที่โรงเรียนประถมศึกษาและยังคงในมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอุปสรรคในการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยให้โปรแกรมที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มการใช้ถุงยางอนามัยในหมู่นักศึกษา.
ความต้องการการศึกษาพื้นฐานของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยกลางตะวันตกรวมถึงหลักสูตรสุขภาพและสุขภาพซึ่งรวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศและการป้องกันการตั้งครรภ์ ทั้งการเลิกบุหรี่และการใช้ถุงยางอนามัยจะนำเสนอเป็นวิธีการป้องกัน หลักสูตรนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหนึ่งในสองตัวเลือกที่นักเรียนทุกคนต้องดำเนินการเพื่อตอบสนองด้านสุขภาพและสุขภาพพื้นฐานความต้องการการศึกษา ดังนั้นนักเรียนในหลักสูตรแทนข้ามส่วนของประชากรนักศึกษามหาวิทยาลัยและหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้นักเรียนที่จะดำเนินการสำรวจ การศึกษาในปัจจุบันการตรวจสอบรายงานการใช้ถุงยางอนามัยรวมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่รายงานถึงการใช้ถุงยางอนามัยในหมู่นักเรียนนักศึกษาลงทะเบียนเรียนในการศึกษาพื้นฐานที่จำเป็นนักศึกษาหลักสูตรสุขภาพและสุขภาพที่มหาวิทยาลัยกลางตะวันตก นอกจากนี้การศึกษายังตรวจสอบถ้านักเรียนได้รับการสอนที่จะใส่ในถุงยางอนามัยและถ้ามีความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับการสอนที่จะใส่ในถุงยางอนามัยและใช้ถุงยางอนามัยที่เกิดขึ้นจริงรายงานในหมู่ผู้ที่ได้รับรายงานที่มีเพศสัมพันธ์ ศึกษาให้ข้อมูลที่มีค่าที่จำเป็นในการพัฒนาติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมายและโปรแกรมการป้องกันการตั้งครรภ์ในมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเลิกบุหรี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสมบูรณ์ป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ( STI ) อย่างไรก็ตาม ที่สอดคล้องและถูกต้องใช้ยางถุงยางอนามัยยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการส่งผ่านของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ ( เดวิส สโลน เมิ่กแมสเตอร์&คิลเบิร์น , 2550 ) ตาม bobrova sergeev grechukhina & , , , kapiga ( 2005 )ถูกต้องและสอดคล้องการใช้ถุงยางอนามัยสามารถลดการติดเชื้อ HIV โดย 87% การศึกษาสุขภาพอาจจะมีศักยภาพเชิงรุกแนวทางที่สามารถใช้เพื่อช่วยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน .
STI เป็นปัญหาสาธารณสุข ที่สำคัญต้นทุนประเทศพันล้านดอลลาร์ในค่าใช้จ่ายทางการแพทย์โดยตรง ( ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ( CDC ) , 2013 )โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังเป็นปัญหาหลักสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วสหรัฐอเมริกา ครึ่งหนึ่งของ STI ใหม่ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นในหมู่เยาวชนอายุ 15 - 24 ปี ( Weinstock Berman & , เคส , 2004 ) บางส่วนของที่สุดผลกระทบในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงแผลเป็นเนื้อเยื่อมดลูก ตั้งครรภ์ ectopic , ภาวะมีบุตรยาก , สมองเสียหาย และในบางกรณีตาย ( หลีกเลี่ยง , 2011 ) .
ตามที่ CDC ( 2009 ) เยาวชนอายุ 13-24 บัญชีสำหรับ 26% ของการติดเชื้อเอชไอวีใหม่ . สามสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีใหม่ 2009 ระหว่างอายุ 13 ถึง 29 ปี ( CDC , 2011 ) มีรายงานว่าหญิง 15-19 ปี ในสหรัฐอเมริกามีอัตราสูงสุดของโรคหนองในและ Chlamydia ส่ง ตามด้วยผู้หญิงอายุ 20-24 ( CDC , 2011 ) เนื่องจากพฤติกรรมต่าง ๆ ,วัฒนธรรมและปัจจัยทางชีวภาพ , คนหนุ่มสาวที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งโรคเอดส์ มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ( CDC , 2012 ; gullette & Lyons , 2005 )
เกือบหนึ่งล้านหญิงสาวในสหรัฐอเมริกาภายใต้อายุ 20 ตั้งครรภ์ในแต่ละปี ( สหพันธ์วางแผนครอบครัวของอเมริกา ( ppfa ) , 2011 )การตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนจะมีผลระยะยาวต่อชีวิตของทั้งผู้ปกครองและเด็กในครรภ์ รวมถึงข้อจำกัดทางอารมณ์และทางการเงิน . นอกจากนี้ ในหลายกรณี การตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน กลายเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาสำหรับผู้ปกครองเด็กมากมาย นอกจากนี้ เด็กเกิดเป็นผลของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน มีแนวโน้มลดการคิดคะแนน ลดเกรดเฉลี่ยและมีโอกาสน้อยที่จะมีแรงบันดาลใจวิทยาลัยเมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์วางแผนแคมเปญแห่งชาติเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์วัยรุ่นและไม่ได้วางแผน ( ncptup ) , 2008 ) หนุ่มสาวอายุ 18 ถึง 24 , ได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ . ช่วงอายุนี้คล้ายคลึงกับอายุเฉลี่ยของนักศึกษา .
สุขศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา และยังคงมีการตั้งค่าเริ่มต้นในมหาวิทยาลัยมากมาย เข้าใจอุปสรรคในการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยเพิ่มเป้าหมายโปรแกรมที่มุ่งเพิ่มการใช้ถุงยางอนามัยของนักเรียนวิทยาลัย .
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยการศึกษาความต้องการพื้นฐานที่มหาวิทยาลัยนี้กลางรวมถึงสุขภาพและสุขภาพหลักสูตรซึ่งรวมถึงเรื่อง STI และการป้องกันการตั้งครรภ์ และทั้งการใช้ถุงยางอนามัยจะแสดงเป็นวิธีการป้องกันหลักสูตรนี้โดยเฉพาะเป็นหนึ่งในสองตัวเลือก นักเรียนทุกคนต้องสมบูรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการการศึกษาสุขภาพพื้นฐาน ดังนั้น นักศึกษาในหลักสูตรแสดงภาคตัดขวางของมหาวิทยาลัย นักเรียน ประชากร และหลักสูตรให้มีโอกาสนำนักศึกษาสำรวจการศึกษาปัจจุบันตรวจสอบรายงานการใช้ถุงยางอนามัย ตลอดจนรายงานอุปสรรคในการใช้ถุงยางอนามัยของนักเรียนในการศึกษาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตรพื้นฐานสุขภาพที่กลางตะวันตกมหาวิทยาลัย นอกจากนี้นอกจากนี้การตรวจสอบถ้าการสอนใส่ถุงยางและมีความสัมพันธ์ระหว่างที่มีการสอนใส่ถุงยางและเกิดขึ้นจริงรายงานการใช้ถุงยางอนามัยของผู้ที่รายงานว่า มีการใช้งานทางเพศ การศึกษาให้ข้อมูลที่มีคุณค่าที่จำเป็นเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และเป้าหมาย STI และโปรแกรมป้องกันการตั้งครรภ์ในวิทยาเขต .