1. Most people associate fear with

1. Most people associate fear with negative feelings, but it can actually be very positive as well. Fear is mething innate that we actually rely on to keep us safe when faced with danger. If we are confronted with a dangerous situation, we can unlock abilities that we often do not know we have. Understanding these secret superpowers can help you react to difficult situations better way.
2. In the past, humans faced danger on a daily basis so they learned to respond to it instantly in order to stay alive. Today the brain still reacts in the same way and makes you respond to a situation so quickly that you do it before you are aware of the situation. How you respond depends on the situation. If the danger is immediate a person might run or fight. If it's far away, the reaction might be to freeze (stand still).
3. Our response not only becomes faster when we are faced with danger, but we also benefit from fear by becoming stronger in dangerous situations. Under pressure, skills such as putting a key in a door usually become worse, but physical skills such as running and jumping tend to improve. If an angry dog chases you you will probably run faster. In a normal situation, we often only use 65% of our strength, but studies have shown that this can increase to as much as 85% in more dangerous situations.
4. When an immediate threat appears, our mind focuses on the things that are really important. The brain releases chemicals that make the mind more alert and active when attention is needed. If you know you are about to speak in front of 200 people, you are likely to be thinking about nothing else other than what you want to say. You are unlikely to be thinking about what you are going to have for dinner tonight.
5. When people have faced a fear, some have commented on the feeling of time slowing down something that actually lasts for one or two seconds can feel like 20 or 30 seconds. obviously time does not actually slow down, so what is happening to our brain? Well, no one knows for sure, but some attribute the feeling of time slowing down to the part of the brain that creates a more detailed memory. So when we look back at the event, the details make it feel like it lasted a long time.
6. The final superpower is one of fearlessness, in other words, not being worried or concerned about the situation. When faced with the most extreme dangers, many people do not actually feel scared at all. There is often a feeling of complete calm and almost no emotional reaction. It is only later, once the threat has gone, that people start to panic and feel nervous.
7. so if you find yourself in extreme dan in the future, remember the superhuman strengths we all possess. Whether it is strength, speed, or fearlessness that helps you, if you remain calm, you might just find out how powerful you really are

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. คนส่วนใหญ่กลัวเชื่อมโยงกับความรู้สึกเชิงลบ แต่มันจริงสามารถเป็นบวกมากเช่นกัน กลัว mething โดยธรรมชาติที่เราจริงที่ต้องพึ่งพาการให้เราปลอดภัยเมื่อต้องเผชิญกับอันตราย ถ้าเรากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเราสามารถปลดล็อคความสามารถที่เรามักจะไม่ทราบว่าเรามี ทำความเข้าใจเกี่ยวกับมหาอำนาจลับเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากทางที่ดีขึ้น.
2 ในอดีตมนุษย์ต้องเผชิญกับอันตรายในชีวิตประจำวันเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อการได้ทันทีเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ วันนี้สมองยังคงตอบสนองในทางเดียวกันและทำให้คุณตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็วว่าคุณทำมันก่อนที่คุณจะมีความตระหนักในสถานการณ์ วิธีการที่คุณตอบสนองขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากเป็นอันตรายทันทีคนอาจเรียกใช้หรือการต่อสู้ ถ้ามันห่างไกลปฏิกิริยาอาจจะมีการแช่แข็ง (ยืนนิ่ง).
3 ตอบสนองของเราไม่เพียง แต่จะกลายเป็นเร็วขึ้นเมื่อเรากำลังเผชิญกับอันตราย แต่เรายังได้รับประโยชน์จากความกลัวด้วยการกลายเป็นที่แข็งแกร่งในสถานการณ์ที่อันตราย ภายใต้ความกดดันเช่นทักษะการวางกุญแจในประตูมักจะกลายเป็นเลว แต่ทักษะทางกายภาพเช่นวิ่งและกระโดดมีแนวโน้มที่จะปรับปรุง หากสุนัขโกรธไล่คุณคุณอาจจะทำงานได้เร็วขึ้น ในสถานการณ์ปกติเรามักจะใช้เพียง 65% ของความแข็งแกร่งของเรา แต่การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่านี้สามารถเพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่ 85% ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น.
4 เมื่อเป็นภัยคุกคามร้ายแรงปรากฏขึ้นในใจของเรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ เผยแพร่สารเคมีในสมองที่ทำให้จิตใจตื่นตัวมากขึ้นและการใช้งานเมื่อต้องให้ความสนใจ ถ้าคุณรู้ว่าคุณกำลังจะพูดในด้านหน้าของ 200 คนคุณมีแนวโน้มที่จะคิดเกี่ยวกับอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่คุณต้องการจะพูด คุณไม่น่าจะมีความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับคืนนี้.
5 เมื่อคนต้องเผชิญหน้ากับความกลัวบางคนได้แสดงความคิดเห็นในความรู้สึกของเวลาที่ชะลอตัวลงบางสิ่งบางอย่างที่จริงเวลาหนึ่งหรือสองวินาทีสามารถรู้สึกเหมือน 20 หรือ 30 วินาที เห็นได้ชัดว่าเวลาไม่ได้จริงชะลอตัวลงดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสมองของเราหรือไม่ ดีไม่มีใครรู้แน่นอน แต่บางแอตทริบิวต์ความรู้สึกของเวลาที่จะชะลอตัวลงส่วนหนึ่งของสมองที่สร้างหน่วยความจำรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ดังนั้นเมื่อเรามองย้อนกลับไปในเหตุการณ์รายละเอียดทำให้มันรู้สึกเหมือนว่ามันจะกินเวลานาน.
6 มหาอำนาจสุดท้ายคือหนึ่งในความกลัวในคำอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกห่วงหรือกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ เมื่อต้องเผชิญกับอันตรายมากที่สุดหลายคนไม่จริงรู้สึกกลัวที่ทั้งหมด มักจะมีความรู้สึกของความสงบที่สมบูรณ์และเกือบจะไม่มีปฏิกิริยาทางอารมณ์ มันเป็นเพียงในภายหลังเมื่อภัยคุกคามได้หายไปว่าผู้คนเริ่มที่จะหวาดกลัวและความรู้สึกประสาท.
7 ดังนั้นถ้าคุณพบว่าตัวเองอยู่ในที่รุนแรงกว่าในอนาคตอย่าลืมจุดแข็งเหนือมนุษย์เราทุกคนมี ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงความเร็วหรือความกลัวที่จะช่วยให้คุณถ้าคุณอยู่ในความสงบคุณก็อาจจะหาวิธีที่มีประสิทธิภาพที่คุณเป็นจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . คนส่วนใหญ่เชื่อมโยงความกลัวกับความรู้สึกที่เป็นลบ แต่มันจริงสามารถเป็นบวกเช่นกัน ความกลัวเป็น mething แหล่งที่เราอาศัย เพื่อให้เราปลอดภัยเมื่อต้องเผชิญกับอันตราย ถ้าเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์อันตราย เราสามารถปลดล็อกความสามารถที่เรามักจะไม่รู้ว่าเราได้ ความเข้าใจพลังลับเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ยากขึ้นนะ2 . ในอดีต มนุษย์ต้องเผชิญกับอันตรายในแต่ละวันเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะตอบสนองทันทีเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ วันนี้สมองยังตอบสนองในแบบเดียวกัน และทำให้คุณตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วดังนั้นที่คุณทำก่อนที่คุณจะตระหนักถึงสถานการณ์ วิธีการที่คุณตอบสนองขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าอันตรายทันที คนที่จะหนีหรือสู้ ถ้ามันไกลมาก ปฏิกิริยาอาจจะแช่แข็ง ( ยืนนิ่งๆ )3 . การตอบสนองของเราไม่เพียง แต่จะเร็วขึ้นเมื่อเราต้องเผชิญกับอันตราย แต่เรายังได้รับประโยชน์จากความกลัวกลายเป็นแข็งแกร่งในสถานการณ์ที่อันตราย ภายใต้ความกดดัน ทักษะ เช่น การใส่คีย์ในประตูมักจะเป็นรุนแรง แต่ทักษะทางกายภาพ เช่น การวิ่ง การกระโดด มีแนวโน้มที่จะปรับปรุง ถ้าสุนัขโกรธไล่คุณคุณอาจจะวิ่งเร็วขึ้น ในสถานการณ์ปกติ เรามักจะใช้เพียง 65% ของความแข็งแกร่งของเรา แต่การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่านี้สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 85% ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น4 . เมื่อภัยคุกคามเร่งด่วนปรากฏ จิตของเรามุ่งเน้นในสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ สมองจะปล่อยสารเคมีที่ทำให้จิตใจตื่นตัวและกระตือรือร้นเมื่อความสนใจที่จำเป็น ถ้าคุณรู้ว่าคุณกำลังพูดอยู่หน้า 200 คน คุณอาจจะคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่คุณต้องการจะพูด คุณจะไม่น่าที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณมีสำหรับอาหารค่ำคืนนี้5 . เมื่อมีคนต้องเผชิญหน้ากับความกลัว บางคนมีความเห็นในความรู้สึกของเวลาที่ชะลอตัวลง สิ่งที่จริงเป็นเวลาหนึ่งหรือสองวินาทีก็รู้สึกเหมือน 20 หรือ 30 วินาที เห็นได้ชัดว่าเวลาไม่ได้จริง ๆ ช้าลง ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสมองของเรา ก็ไม่มีใครรู้แน่นอน แต่บางส่วนของความรู้สึกของเวลาที่ช้าลงเพื่อสมองส่วนที่สร้างความทรงจำที่รายละเอียดเพิ่มเติม ดังนั้น เมื่อเรามองย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ รายละเอียดทำให้มันรู้สึกเหมือนมันกินเวลานาน6 . ส่วนสุดท้ายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจความกล้าหาญ ในคำอื่น ๆไม่ได้เป็นห่วงหรือกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ เมื่อเผชิญกับอันตรายมากที่สุด หลายคนไม่ได้รู้สึกกลัวเลย มักจะมีความรู้สึกสงบ สมบูรณ์ และเกือบจะไม่มีอารมณ์ ปฏิกิริยา มันเป็นเพียงในภายหลังเมื่อภัยคุกคาม ไปแล้ว ผู้คนเริ่มหวาดกลัวและรู้สึกกังวล7 . ดังนั้นถ้าคุณพบว่าตัวเองในสุดโต่งแดนในอนาคต จำยอดมนุษย์จุดแข็งเราทุกคนมี ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่ง ความเร็ว หรือความกล้าหาญที่จะช่วยให้คุณ ถ้าคุณนิ่ง คุณอาจจะหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพคุณจริง ๆ