Demographic and BSE Data analysis s

Demographic and BSE
Data analysis showed no significant correlation among age, marital status, education, and family history of breast cancer. the finding were in accord with similar studies on AA women. In contrast to graham's study, this study's finding revealed decrease BSE frequency associate with young adults (19 and younger), older adults (60 and older), and marital status (windowed). Young women (age 20-29) has the highest frequency score in a year(32.6%), followed by the 40-49 range. the results demonstrate that as age increase, frequency decrease.
In contrast, Graham's reported that AA women over 40 perceive breast cancer to be a greater threat and, therefore, were more motivate than younger women regarding breast cancer prevention and early screening measures such as BSE and mammograms. data analysis indicated that decrease BSE frequency was associated not only with the 60 and older women but also 20 and younger group as well. The younger women may understandably not view cancer as a threat, thus perceiving compliance with BSE practice as a was of time. A possible explanation could be that the older AA women may lack the motivation to practice breast screening and health promoting activities because they may perceive a lack of control over the outcome of a potential disease, like breast cancer, and also may have no understanding ot the benefits of BSE or the confidence to do it correctly.
Additionally, the older women may be focused on chronic diseases that take priority over seemingly simple tasks such as BSE. Champion examined factors that predicted mammography and BSE in a group of low-income AA women and found that low frequency of BSE was associated with marriage and widowhood.
In summary, the results of this study suggested that breast cancer screening practices among AA women are complex and difficult to generalize. Health care providers should continue their efforts to increase the knowledge base of this population by making cultural appropriate learning tools available. They should also implement measures to improve the cultural competence of health professionals delivering care to this group.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประชากรและ BSE
การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญอายุสถานภาพสมรสการศึกษาและประวัติครอบครัวของมะเร็งเต้านม การค้นพบอยู่ในสอดคล้องกับการศึกษาที่คล้ายกันบนผู้หญิง AA ในทางตรงกันข้ามกับการศึกษาของเกรแฮมการศึกษานี้พบว่าลดลงร่วม BSE ความถี่เปิดเผยกับผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว (19 และต่ำกว่า) ผู้สูงอายุ (60 และรุ่นเก่า) และสถานภาพสมรส (หน้าต่าง)หญิงสาว (อายุ 20-29 ปี) มีคะแนนความถี่ที่สูงที่สุดในปี (32.6%) ตามด้วยช่วง 40-49 ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าในขณะที่อายุเพิ่มขึ้นลดลงความถี่.
ในทางตรงกันข้าม, เกรแฮมรายงานว่าผู้หญิง AA กว่า 40 รับรู้มะเร็งเต้านมเป็นภัยคุกคามมากขึ้นและดังนั้นถูกกระตุ้นมากขึ้นกว่าผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าที่เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและมาตรการการคัดกรองในช่วงต้นเช่น BSE และ mammograms การวิเคราะห์ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการลดลงของ BSE ความถี่มีความสัมพันธ์ไม่เพียง แต่กับ 60 และผู้สูงอายุผู้หญิง แต่ยัง 20 และกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่าเช่นกัน ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าอาจเข้าใจไม่ได้ดูว่าเป็นภัยคุกคามโรคมะเร็ง,จึงปฏิบัติตามการรับรู้กับการปฏิบัติ BSE เป็นเป็นเวลา คำอธิบายที่เป็นไปได้อาจเป็นไปได้ว่าผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า AA อาจขาดแรงจูงใจในการฝึกการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมและกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเพราะพวกเขาอาจรับรู้การขาดการควบคุมผลของโรคที่อาจเกิดขึ้นเช่นโรคมะเร็งเต้านม,และอาจจะมีความเข้าใจ ot ประโยชน์ของ BSE หรือความเชื่อมั่นที่จะทำมันได้อย่างถูกต้องไม่.
นอกจากนี้ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าอาจจะมุ่งเน้นไปที่โรคเรื้อรังที่สำคัญกว่างานที่ดูเหมือนง่ายๆเช่น BSE แชมป์การตรวจสอบปัจจัยที่คาดการณ์ไว้และตรวจเต้านม BSE อยู่ในกลุ่มรายได้ต่ำผู้หญิง AA และพบว่าความถี่ต่ำของ BSE มีความสัมพันธ์กับการแต่งงานและการเป็นม่าย.
ในการสรุปผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติเต้านมคัดกรองมะเร็งในกลุ่มผู้หญิงที่ AA มีความซับซ้อนและยากที่จะพูดคุย ให้บริการดูแลสุขภาพควรดำเนินการต่อความพยายามที่จะเพิ่มฐานความรู้ของประชากรกลุ่มนี้โดยการทำให้วัฒนธรรมการเรียนรู้เครื่องมือที่เหมาะสมสามารถใช้ได้พวกเขายังควรใช้มาตรการเพื่อปรับปรุงความสามารถทางวัฒนธรรมของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพการส่งมอบการดูแลไปยังกลุ่มนี้.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Demographic และ BSE
วิเคราะห์ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างอายุ สถานภาพสมรส การศึกษา และประวัติครอบครัวของมะเร็งเต้านม ค้นหาที่อยู่ในสอดคล้องกับการศึกษาคล้ายกับผู้หญิง AA ตรงข้ามศึกษากราแฮม นี้ศึกษาค้นหาความถี่ BSE ลดเปิดเผยสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ (19 และอายุ), ผู้ใหญ่สูงอายุ (60 และมากกว่า), และสถานภาพ (เรียง) หญิงสาว (อายุ 20-29) มีคะแนนความถี่สูงสุดในการ year(32.6%) ตาม 40-49 ช่วงนั้นแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เป็นอายุเพิ่มขึ้น ลดลงความถี่
ตรงกันข้าม แกรแฮมของรายงานการว่า AA ผู้หญิงกว่า 40 สังเกตมะเร็งเต้านมเป็นภัยคุกคามต่อมากกว่า และ จึง ได้มากกว่าการจูงใจมากกว่าผู้หญิงอายุน้อยกว่าเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม และตรวจวัดเช่น BSE และ mammograms ก่อน วิเคราะห์ข้อมูลระบุว่า ความถี่ลดลง BSE คือเกี่ยวข้อง ใช่ 60 และเก่า แต่ 20 และอายุน้อยกว่ากลุ่มเช่น ผู้หญิงอายุน้อยกว่าอาจด้วยความเข้าใจไม่ดูมะเร็งเป็นคาม perceiving BSE ปฏิบัติเป็นการปฏิบัติตามดังนั้น การมีเวลา คำอธิบายที่เป็นไปได้อาจจะว่า ผู้หญิง AA เก่าอาจขาดแรงจูงใจการฝึกตรวจเต้านมและส่งเสริมกิจกรรมเนื่องจากพวกเขาอาจสังเกตการขาดการควบคุมผลลัพธ์ของโรคเป็นไปได้ เช่นมะเร็งเต้านม สุขภาพ และอาจยัง ไม่เข้าใจ ot ทรง BSE หรือความเชื่อมั่นที่จะทำได้อย่างถูกต้อง.
นอกจากนี้ ผู้หญิงคนเก่าอาจจะมุ่งเน้นในโรคเรื้อรังที่มีความสำคัญมากกว่างานดูเหมือนง่ายเช่น BSE ได้ แชมป์ตรวจสอบปัจจัยที่ทำนาย mammography และ BSE ในกลุ่ม AA แนซ์ผู้หญิง และพบว่า ความถี่ต่ำของ BSE คือเกี่ยวข้องกับงานแต่งงานและ widowhood.
ในสรุป ผลของการศึกษานี้แนะนำวิธีตรวจมะเร็งเต้านมสตรี AA ซับซ้อน และยากที่จะทั่วไป ผู้ให้บริการสุขภาพควรดำเนินความพยายามที่เพิ่มฐานความรู้ของประชากรนี้ โดยการทำให้วัฒนธรรมเรียนรู้เครื่องมือที่เหมาะสม พวกเขายังควรนำมาตรการเพื่อการปรับปรุงความสามารถทางวัฒนธรรมของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพดูแลการจัดส่งสินค้ากลุ่มนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิเคราะห์ข้อมูล
BSE ประชากรและไม่มีทีท่าว่าความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญในอายุการศึกษา สถานภาพ การสมรสและประวัติครอบครัวของโรคมะเร็งเต้านมด้วยการหาที่อยู่ในหลักเกณฑ์โดยการศึกษาความเหมือนกับผู้หญิง AA ในทางตรงกันข้ามกับการศึกษาของเกรแฮมของการศึกษานี้การค้นหาพบเชื่อมโยงลดลงความถี่ BSE ผู้ใหญ่หนุ่ม( 19 และอายุน้อยกว่า)ผู้ใหญ่รุ่นเก่า( 60 และรุ่นเก่า)และ สถานภาพ การสมรส(หน้าต่างขนาดใหย่)หนุ่มหญิง(อายุ 20-29 20-29 20-29 20-29 )มีคะแนนความถี่สูงที่สุดในปีที่( 32.6% )ตามด้วย 40-49 ช่วงที่ได้ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเป็นการลดความถี่เพิ่มขึ้นอายุ.
ในความเปรียบต่างของเกรแฮมรายงานว่าผู้หญิงมากกว่า 40 AA เห็นว่าโรคมะเร็งเต้านมมีการคุกคามมากขึ้นและดังนั้นจึงเป็นมากกว่าช่วยกระตุ้นให้มากกว่าคนอายุน้อยกว่าผู้หญิงเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมและป้องกันการคัดกรองช่วงต้นมาตรการเช่นโรควัวบ้าและ mammograms .การวิเคราะห์ข้อมูลระบุว่าลดลงความถี่เป็นโรควัวบ้าที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีเพียง 60 และรุ่นเก่ากว่าผู้หญิงแต่ยังมี 20 และน้อยกว่ากลุ่มเป็นอย่างดี. ผู้หญิงอายุน้อยอาจจะดูเป็นมะเร็งเป็น ภัย คุกคามผลประโยชน์ขัดแย้งกันไม่ได้ดังนั้นจึงเห็นด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบการปฏิบัติ BSE เป็นที่เป็นของเวลา คำอธิบายที่เป็นไปได้อาจว่าผู้หญิง AA รุ่นเก่าที่อาจไม่มีแรงบันดาลใจที่การปฏิบัติกิจกรรมการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และคัดกรอง สุขภาพ ก็อาจจะเข้าใจว่าการขาดการควบคุมมากกว่าผลที่ได้รับจากโรคที่อาจเกิดขึ้นเช่นโรคมะเร็งเต้านมและนอกจากนั้นยังอาจจะไม่มีความรู้ความเข้าใจ OT สิทธิประโยชน์ของ BSE หรือความมั่นใจที่จะทำได้อย่างถูกต้อง.
นอกจากนี้ผู้หญิงรุ่นเก่าที่อาจจะให้ความสำคัญกับโรคเรื้อรังที่มีลำดับความสำคัญมากกว่างานแสดงท่าทางเรียบง่ายเช่นโรควัวบ้า ผู้ตรวจสอบมีปัจจัยที่คาดว่าโรควัวบ้าและเครื่องตรวจเต้านมในกลุ่มของผู้หญิง AA มีรายได้น้อยและพบว่าความถี่ต่ำของโรควัวบ้ามีความเกี่ยวข้องกับความเป็นม่ายและการแต่งงานกับ.
ในการสรุปข้อมูลผลการศึกษานี้แนะนำว่าการสรรหาเป็นมะเร็งเต้านมในผู้หญิง AA มีความซับซ้อนและยากที่จะเหวี่ยงแห ผู้ให้บริการด้านการดูแล สุขภาพ ควรดำเนินการต่อความพยายามของพวกเขาที่จะเพิ่มความรู้พื้นฐานของประชากรนี้ได้โดยการทำให้การเรียนการสอนที่เหมาะสมทางวัฒนธรรมจัดให้บริการควรจะใช้มาตรการในการปรับปรุงความสามารถทางวัฒนธรรมของผู้เชี่ยวชาญด้าน สุขภาพ ให้การดูแลในกลุ่มนี้ยัง.