The Yeti or Abominable Snowman is a

The Yeti or Abominable Snowman is a staple of legend, mythology and mystery.

An ape like creature, taller than a human, that inhabits the Himalayan region of Nepal or Tibet.

The search to find the yeti can be traced back to Alexander the Great who demanded from villagers in the Indus Valley that he see one for himself. The villagers - even then - were unable to oblige.

But now the ancient mystery of the yeti may have been solved, using the science of DNA.

Despite being long thought of as a myth, a British scientist has concluded that the legendary creature may in fact be a sub-species of brown bear.

Tests on hair samples were found to have a genetic match with an ancient polar bear, with scientists believing there could be a sub species of brown bear in the High Himalayas that has long been mistaken for the mythical beast.

Oxford University genetics professor Bryan Sykes set out to collect and test "yeti" hair samples to find out which species they came from.

In particular he analysed hairs from two unknown animals, one found in the Western Himalayan region of Ladakh and the other from Bhutan, 800 miles to the east.

The 'myth' of the yeti is thought to have originated in Tibet and spread throughout the region along the trade routes to Nepal via the Sherpa. However, mystery primates are recorded on every continent on earth, with the exception of Antarctica.

After subjecting the hairs to the most advanced DNA tests available and comparing the results to other animals' genomes stored on the GenBank database, Professor Sykes found that he had a 100% match with a sample from an ancient polar bear jawbone found in Svalbard, Norway, that dates back at least 40,000 years - and probably around 120,000 years - a time when the polar bear and closely related brown bear were separating as different species.

Professor Sykes believes that the most likely explanation is that the animals are hybrids - crosses between polar bears and brown bears. The species are closely related and are known to interbreed where their territories overlap.

The professor said: "This is an exciting and completely unexpected result that gave us all a surprise. There's more work to be done on interpreting the results. I don't think it means there are ancient polar bears wandering around the Himalayas.

"But we can speculate on what the possible explanation might be. It could mean there is a sub species of brown bear in the High Himalayas descended from the bear that was the ancestor of the polar bear. Or it could mean there has been more recent hybridisation between the brown bear and the descendent of the ancient polar bear."

A photograph of a "yeti' footprint, taken by British climber Eric Shipton at the base of Everest, sparked global mania after it was taken in 1951.

Legendary mountaineer Reinhold Messner, who became the first man to climb Everest without oxygen, has studied yetis since he had a terrifying encounter with a mysterious creature in Tibet in 1986.

His own research backs up the Prof Sykes' theory. He uncovered an image in a 300-year-old Tibetan manuscript of a "Chemo" - another local name for the yeti, with text alongside it which was translated to read: "The yeti is a variety of bear living in inhospitable mountainous areas."

Prof Sykes added: "Bigfootologists and other enthusiasts seem to think that they've been rejected by science. Science doesn't accept or reject anything, all it does is examine the evidence and that is what I'm doing."

His investigations features in a new three-part Channel 4 documentary series, Bigfoot Files, which starts on Sunday.

A book by Prof Sykes about his research, The Yeti Enigma: A DNA Detective Story, is to be published next spring.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เยติหรือมนุษย์หิมะ Abominable มีตั๋วเย็บกระดาษ ของตำนาน ตำนานลึกลับเป็นลิงเหมือนสิ่งมีชีวิต มนุษย์ ที่จำพวกพรายน้ำภูมิภาคหิมาลัยเนปาลหรือทิเบตสูงกสามารถติดตามค้นหาเพื่อค้นหาเยติกลับกับอเล็กซานเดอร์มหาราชที่เรียกร้องขอจากชาวบ้านในการสินธุว่า เขาเห็นตัวเอง ชาวบ้าน -แล้วได้ - ไม่สามารถไว้แต่ตอนนี้ ลึกลับโบราณของเยติอาจมีการ แก้ไข โดยใช้ศาสตร์ของดีเอ็นเอแม้จะเป็นระยะยาวคิดว่า เป็นตำนาน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้สรุปว่า สิ่งมีชีวิตในตำนานในความเป็นจริงอาจเป็นสปีชีส์ย่อยของหมีสีน้ำตาลทดสอบตัวอย่างผมพบจะมีพันธุกรรมตรงกับหมีขั้วโลกโบราณ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อาจมีชนิดย่อยของหมีสีน้ำตาลเทือกเขาหิมาลัยสูงที่มีดาวตามปกตินานสำหรับสัตว์ในตำนานมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดพันธุศาสตร์ศาสตราจารย์ Bryan Sykes ตั้งออกไปเก็บ และทดสอบตัวอย่างผม "เยติ" เพื่อค้นหาสายพันธุ์ที่พวกเขามาจากโดยเฉพาะ เขา analysed เส้นขนจากสัตว์ไม่รู้จักสอง หนึ่งพบในหิมาลัยตะวันตกภูมิภาคของลาดัคและอื่น ๆ จากประเทศภูฏาน 800 ไมล์ตะวันออก'ตำนาน' ของเยติเป็นความคิดที่มีต้นกำเนิดในทิเบต และกระจายไปทั่วภูมิภาคตามเส้นทางการค้าสู่เนปาลทางเชอร์ปา อย่างไรก็ตาม primates ลึกลับถูกบันทึกไว้ในทุกทวีปบนโลก ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกาหลังจากที่เส้นผมให้ดีเอ็นเอทันการแล้วก็กดชัตเตอร์ทดสอบว่าง และศาสตราจารย์ Sykes เปรียบเทียบผลลัพธ์ไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ GenBank genomes ของสัตว์อื่น ๆ พบว่า เขามีตรง 100% มีตัวอย่างจากกระดูกขากรรไกรเป็นหมีขั้วโลกโบราณที่พบในสฟาลบาร์ นอร์เวย์ กลับวันที่น้อย 40000 ปี - และคงประมาณ 120000 ปี - เวลาเมื่อหมีขั้วโลกและหมีสีน้ำตาลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดได้แยกเป็นสายพันธุ์ต่าง ๆศาสตราจารย์ Sykes เชื่อว่า คำอธิบายที่เป็นสัตว์ลูกผสม - ตัดระหว่างหมีขั้วโลกและหมีสีน้ำตาล พันธุ์มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด และทราบว่า interbreed ที่ทับซ้อนเขตแดนของตนอาจารย์กล่าวว่า: "นี้ได้ผลลัพธ์ไม่คาดคิดอย่างสมบูรณ์ และน่าตื่นเต้นที่เราทุกคนประหลาดใจ เพิ่มเติมงานบนทำนายผลได้ ผมไม่คิดว่า มันหมายความว่า มีหมีขั้วโลกโบราณรอบ ๆ เทือกเขาหิมาลัย"แต่เราสามารถคาดการณ์ในสิ่งที่อธิบายได้อาจจะ มันอาจหมายถึง มีชนิดย่อยของหมีสีน้ำตาลเทือกเขาหิมาลัยสูงที่สืบเชื้อสายจากหมีที่เป็นบรรพบุรุษของหมีขั้วโลก หรืออาจหมายความว่า มี hybridisation ล่าสุดระหว่างหมีสีน้ำตาลและโหนดสืบทอดของหมีขั้วโลกโบราณ"ภาพของการ "เยติ ' รอยเท้า นำ โดยอังกฤษเถาวัลย์ Eric Shipton ที่เอเวอเรสต์ จุดประกายคลั่งไคล้ทั่วโลกหลังจากที่มันถูกนำในปีค.ศ.ตำนาน mountaineer ไรน์โฮลด์เมสเนอร์ ที่กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ปีนเอเวอเรสต์ไม่ มีออกซิเจน ได้ศึกษา yetis เนื่องจากเขาได้พบความน่ากลัวกับสิ่งมีชีวิตลึกลับในทิเบตในปี 1986งานวิจัยของเขาเองสำรองของ Sykes ศาสตราจารย์ทฤษฎี เขาเปิดรูปภาพในแบบฉบับทิเบตอายุ 300 ปีของการ "Chemo" - ชื่อท้องถิ่นอื่นในเยติ กับข้อความควบคู่ไปกับมันซึ่งแปลอ่าน: "เยติเป็นหมีที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขาต้องหลากหลาย"ศาสตราจารย์ Sykes เพิ่ม: "Bigfootologists และผู้ที่ชื่นชอบอื่น ๆ ดูเหมือนจะ คิดว่า พวกเขาได้ถูกปฏิเสธ โดยวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับ หรือปฏิเสธสิ่ง ทั้งหมดมันไม่ได้ตรวจสอบหลักฐาน และที่ว่าฉันทำ"เขาตรวจสอบคุณลักษณะในใหม่ 3 ส่วน 4 ช่องสารคดีชุด Bigfoot ไฟล์ ซึ่งเริ่มต้นในวันอาทิตย์หนังสือ โดยศาสตราจารย์ Sykes เกี่ยวกับงานวิจัยของเขา Yeti ปริศนา: เรื่องราวนักสืบ DNA A จะประกาศฤดูใบไม้ผลิถัดไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เยติหรือหิมะเป็นแก่นของตำนานตำนานและความลึกลับ. ลิงเหมือนสิ่งมีชีวิตอันสูงกว่ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคเทือกเขาหิมาลัยของเนปาลหรือทิเบต. ค้นหาเพื่อค้นหาเยติที่สามารถตรวจสอบกลับไปเล็กซานเดอร์มหาราชที่ เรียกร้องจากชาวบ้านในลุ่มแม่น้ำสินธุว่าเขาเห็นหนึ่งสำหรับตัวเอง ชาวบ้าน - ได้แล้ว - ไม่สามารถที่จะบังคับ. แต่ตอนนี้ความลึกลับโบราณของเยติอาจจะได้รับการแก้ไขโดยใช้วิทยาศาสตร์ของดีเอ็นเอ. แม้จะเป็นความคิดที่ยาวนานของการเป็นตำนานนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้ข้อสรุปว่าสัตว์ในตำนานอาจใน ความเป็นจริงจะเป็นสายพันธุ์ย่อยของหมีสีน้ำตาล. การทดสอบตัวอย่างผมพบว่ามีการแข่งขันทางพันธุกรรมที่มีหมีขั้วโลกโบราณกับนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจจะมีสายพันธุ์ย่อยของหมีสีน้ำตาลในเทือกเขาหิมาลัยสูงที่ได้รับการเข้าใจผิดว่าเป็น สัตว์ในตำนาน. พันธุศาสตร์ Oxford University ศาสตราจารย์ไบรอัน Sykes ออกไปเก็บรวบรวมและทดสอบ "เยติ" ตัวอย่างผมเพื่อหาที่สายพันธุ์ที่พวกเขามาจาก. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาวิเคราะห์เส้นขนจากสัตว์ทั้งสองไม่รู้จักหนึ่งที่พบในภูมิภาคหิมาลัยตะวันตกของลาดัคห์และ จากภูฏาน 800 ไมล์ไปทางทิศตะวันออก. ว่า 'ตำนาน' ของเยติเป็นความคิดที่จะเกิดขึ้นในทิเบตและแผ่กระจายไปทั่วภูมิภาคตามเส้นทางการค้าไปเนปาลผ่านเชอร์ปา อย่างไรก็ตามบิชอพลึกลับจะถูกบันทึกในทวีปทุกคนบนโลกยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา. หลังจากหนอนบ่อนไส้ขนเพื่อที่ทันสมัยที่สุดในการทดสอบดีเอ็นเอที่มีอยู่และการเปรียบเทียบผลให้จีโนมของสัตว์อื่น ๆ ที่เก็บไว้ในฐานข้อมูล GenBank ศาสตราจารย์ Sykes พบว่าเขามี การแข่งขัน 100% มีตัวอย่างจากกระดูกขากรรไกรหมีขั้วโลกโบราณที่พบในสวาลบาร์ด, นอร์เวย์, ว่าวันที่กลับมาอย่างน้อย 40,000 ปี - และอาจรอบ 120,000 ปีที่ - เวลาที่หมีขั้วโลกและเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดหมีสีน้ำตาลที่ถูกแยกออกเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างกันศาสตราจารย์ Sykes เชื่อว่าคำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดว่าสัตว์เป็นลูกผสม - ข้ามระหว่างหมีขั้วโลกและหมีสีน้ำตาล . สายพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและเป็นที่รู้จักในการผสมพันธุ์ที่ดินแดนของพวกเขาทับซ้อนอาจารย์กล่าวว่า.. "นี่คือผลที่น่าตื่นเต้นและไม่คาดคิดอย่างสมบูรณ์ที่ให้พวกเราทุกคนแปลกใจที่มีการทำงานมากขึ้นที่จะต้องทำในการตีความผลที่ฉันทำไม่ได้ คิดว่ามันหมายความว่ามีหมีขั้วโลกโบราณเดินไปรอบ ๆ เทือกเขาหิมาลัย. "แต่เราสามารถคาดการณ์ในสิ่งที่อธิบายได้อาจจะ มันอาจหมายถึงมีสายพันธุ์ย่อยของหมีสีน้ำตาลในเทือกเขาหิมาลัยสูงสืบเชื้อสายมาจากหมีที่เป็นบรรพบุรุษของหมีขั้วโลก หรือมันอาจหมายถึงได้มีการ hybridisation ล่าสุดระหว่างหมีสีน้ำตาลและสืบเชื้อสายมาจากหมีขั้วโลกโบราณ. "การถ่ายภาพของ" รอยเท้าเยติ 'ถ่ายโดยนักปีนเขาชาวอังกฤษเอริค Shipton ที่ฐานของเอเวอร์เรสที่จุดประกายความบ้าคลั่งทั่วโลกหลังจากที่มัน ได้รับการดำเนินการในปี 1951 ตำนานโฮลด์เมสเนอร์ภูเขาซึ่งกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่จะปีนเอเวอร์เรสโดยไม่ใช้ออกซิเจนได้ศึกษา Yetis นับตั้งแต่ที่เขามีการเผชิญหน้าที่น่าสะพรึงกลัวกับสิ่งมีชีวิตลึกลับในทิเบตในปี 1986 งานวิจัยของพระองค์สำรองทฤษฎีศ Sykes ' เขาเปิดภาพใน 300 ปีที่เขียนด้วยลายมือของทิเบต "Chemo" ซึ่งเป็นอีก - ชื่อท้องถิ่นสำหรับเยติที่มีข้อความข้างซึ่งแปลที่จะอ่านว่า "เยติคือความหลากหลายของหมีที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เป็นภูเขาที่ไม่เอื้ออำนวย "ศาสตราจารย์Sykes เพิ่ม:". Bigfootologists และผู้ที่ชื่นชอบอื่น ๆ ดูเหมือนจะคิดว่าพวกเขาได้รับการปฏิเสธจากวิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธอะไรทั้งหมดก็ไม่สามารถตรวจสอบหลักฐานและนั่นคือสิ่งที่ฉันทำ ". การสืบสวนของเขา คุณสมบัติใหม่ในสามส่วน 4 ช่องสารคดีชุดบิ๊กฟุตไฟล์ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์. หนังสือโดยศาสตราจารย์ Sykes เกี่ยวกับการวิจัยของเขา Yeti ปริศนา: เป็นเรื่องราวของนักสืบดีเอ็นเอคือการได้รับการเผยแพร่ต่อไปในฤดูใบไม้ผลิ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เยติหรือมนุษย์หิมะ เป็นหลักของตำนาน , ตำนานลึกลับ

ลิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่ามนุษย์ ที่อาศัยอยู่ในเขตหิมาลัยเนปาลหรือทิเบต

ค้นหาเยติสามารถ traced กลับไปที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชที่เรียกร้องจากชาวบ้านในหุบเขาสินธุที่เขาเห็น หนึ่งสำหรับตัวเอง ชาวบ้าน - แล้ว - ไม่บังคับ

แต่ตอนนี้ลึกลับโบราณของเยติอาจได้รับการแก้ไขโดยใช้วิทยาศาสตร์ดีเอ็นเอ

แม้จะถูกเชื่อว่าเป็นตำนาน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ข้อสรุปว่า สัตว์ประหลาดในตำนานอาจในความเป็นจริงจะเป็นซับสปีชีส์ของหมีสีน้ำตาล

ผมทดสอบตัวอย่าง พบว่ามีพันธุกรรมตรงกับโบราณที่หมีขั้วโลกกับนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจจะมีซับสปีชีส์ของหมีสีน้ำตาลในที่สูงเทือกเขาหิมาลัยที่ได้รับการเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ร้ายในตำนาน

มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดพันธุศาสตร์ ศาสตราจารย์ไบรอัน Sykes ตั้งค่าออกเพื่อรวบรวมและทดสอบ " ตัวอย่างขนเยติ " เพื่อหาชนิดที่พวกเขาจากมา

โดยเฉพาะเขาวิเคราะห์เส้นผมจากสองที่ไม่รู้จัก สัตว์หนึ่งที่พบในตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย Ladakh และภูมิภาคอื่น ๆ จากภูฏาน , 800 ไมล์ทางตะวันออก

' ตำนาน ' ของ Yeti น่าจะมาจากทิเบต และแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคตามเส้นทางการค้าไปยังประเทศเนปาล ผ่าน ทาง เชอร์ปา อย่างไรก็ตาม ลึกลับ มนุษย์จะถูกบันทึกไว้ในทุกทวีปบนโลก ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา .

หลังจากที่ subjecting เส้นผมเพื่อที่ทันสมัยที่สุดของการทดสอบดีเอ็นเอที่มีอยู่และเปรียบเทียบผลลัพธ์กับสัตว์อื่น ๆที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลจีโนมขนาด ศาสตราจารย์ ไซค์ พบว่าเขามี 100% ตรงกับตัวอย่างจากหมีกระดูกขากรรไกรโบราณที่พบในสฟาลบาร์ , นอร์เวย์ , วันที่กลับไปอย่างน้อย 40 , 000 ปี และประมาณ 120