Allocation concealment" (defined as

Allocation concealment" (defined as "the procedure for protecting the randomization process so that the treatment to be allocated is not known before the patient is entered into the study") is important in RCTs.[39] In practice, in taking care of individual patients, clinical investigators in RCTs often find it difficult to maintain impartiality. Stories abound of investigators holding up sealed envelopes to lights or ransacking offices to determine group assignments in order to dictate the assignment of their next patient.[32] Such practices introduce selection bias and confounders (both of which should be minimized by randomization), thereby possibly distorting the results of the study.[32] Adequate allocation concealment should defeat patients and investigators from discovering treatment allocation once a study is underway and after the study has concluded. Treatment related side-effects or adverse events may be specific enough to reveal allocation to investigators or patients thereby introducing bias or influencing any subjective parameters collected by investigators or requested from subjects.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การปันส่วนสอดแนม" (กำหนดเป็น"ขั้นตอนในการปกป้องการ randomization เพื่อให้การรักษาที่สามารถปันส่วนไม่เป็นที่รู้จักก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้าสู่การศึกษา") เป็นสิ่งสำคัญใน RCTs [39] ในทางปฏิบัติ ในการดูแลของผู้ป่วยแต่ละราย สืบสวนทางคลินิกใน RCTs มักจะพบมันยากที่จะรักษาเมตตา มากเรื่องราวของนักสืบที่ถือขึ้นซองปิดผนึกการไฟสำนักงาน ransacking เพื่อตรวจสอบการกำหนดกลุ่มการเขียนตามคำบอกของผู้ป่วยของพวกเขาต่อไป[32] นั้นแนะนำอคติเลือกและ confounders (ทั้งที่ควรจะลดลงจากการ randomization), distorting ผลลัพธ์ของการศึกษาจึงอาจ[32] สอดแนมการปันส่วนพอควรกำจัดผู้ป่วยและการสืบสวนจากการค้นพบการปันส่วนการรักษา เมื่อศึกษาอยู่ในระหว่างดำเนิน และหลัง จากที่มีสรุปการศึกษา รักษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือผลข้างเคียงอาจเฉพาะพอที่จะแสดงการปันส่วนการสืบสวนผู้ป่วยแนะนำอคติ หรือมีอิทธิพลต่อพารามิเตอร์ตามอัตวิสัยจึงรวบรวมนัก หรือร้องขอจากเรื่อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การจัดสรรการปกปิด "(หมายถึง" ขั้นตอนในการปกป้องกระบวนการสุ่มเพื่อให้การรักษาที่ได้รับการจัดสรรไม่เป็นที่รู้จักก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้าสู่การศึกษา ") มีความสำคัญใน RCTs. [39] ในทางปฏิบัติในการดูแลบุคคล ผู้ป่วยที่นักวิจัยทางคลินิกในการ RCTs มักจะพบว่ามันยากที่จะรักษาความยุติธรรม. เรื่องมากของนักวิจัยถือซองจดหมายปิดผนึกเพื่อไฟหรือ ransacking สำนักงานเพื่อตรวจสอบการกำหนดกลุ่มเพื่อที่จะบอกให้เขียนตามที่ได้รับมอบหมายของผู้ป่วยต่อไปของพวกเขา. [32] การปฏิบัติดังกล่าวแนะนำอคติการเลือก และตัวแปร (ซึ่งทั้งสองควรจะลดลงโดยการสุ่ม) จึงอาจจะบิดเบือนผลการศึกษา. [32] การปกปิดการจัดสรรที่เพียงพอควรจะเอาชนะผู้ป่วยและผู้ตรวจสอบจากการค้นพบการจัดสรรการรักษาเมื่อการศึกษาเป็นกำลังและหลังจากการศึกษาได้ข้อสรุป. การรักษา ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อาจจะเฉพาะเจาะจงมากพอที่จะเปิดเผยการจัดสรรไปยังนักวิจัยหรือผู้ป่วยจึงแนะนำหรืออคติที่มีอิทธิพลต่อค่าส่วนตัวที่เก็บรวบรวมโดยนักวิจัยหรือการร้องขอจากวิชา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การปกปิดการจัดสรร " ( หมายถึง " กระบวนการเพื่อปกป้องกระบวนการควบคุม ดังนั้นการรักษาจะได้รับการจัดสรรเป็นที่รู้จักก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้าไปศึกษา " ) เป็นสิ่งสำคัญใน RCTs [ 39 ] ในการปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยแต่ละราย คลินิกใน RCTs มักจะพบว่ามันยากที่จะรักษาความเป็นกลาง .เรื่องราวมากมายของผู้ถือซองจดหมายประทับตราไฟ หรือรื้อค้นสำนักงานเพื่อตรวจสอบกลุ่มที่ได้รับมอบหมายเพื่อที่จะเขียนงานของผู้ป่วยของพวกเขาต่อไป [ 32 ] การปฏิบัติเช่นแนะนำอคติเลือกตัววัด ( ทั้งที่ควรจะลดโดยการสุ่ม ) จึงอาจจะบิดเบือนผลลัพธ์ของการศึกษา[ 32 ] เพียงพอจัดสรรปกปิดควรเอาชนะผู้ป่วยและนักวิจัยค้นพบการรักษาเมื่อศึกษาอยู่ระหว่างดำเนินการ และหลังเรียนได้ สรุปการรักษาที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียง หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเฉพาะเจาะจงมากพอที่จะเปิดเผยการจัดสรรให้ผู้ตรวจสอบ หรือผู้ป่วยจึงแนะนำอคติหรือมีอิทธิพลต่อตัวแปรที่เก็บรวบรวมโดยนักวิจัยหรือกลุ่มใด ๆที่ร้องขอจากคน