ATC now equals average revenue and

ATC now equals average revenue and the firm makes normal profit. Imagine the
demand falls again to D2 and a price of P2. Equating MC to MR results in Q2 and average
revenue now equals AVC, with total revenue (P2 multiplied by Q2) just sufficient to
cover total variable costs (AVC multiplied by Q2). As total cost (TC) equals total variable
cost (TVC) plus total fixed cost (TFC), the firm makes a loss equal to TFC. Revenue is
now only sufficient to cover variable costs.
As we assume the firm remains in the industry, in the short run it is faced with one of
two choices: to produce and make either a profit or loss, or not produce and incur a loss
equal to fixed costs.We can now see from Figure 5.16 that with demand curve D2, a price of
P2 and an output of Q2, the firm is indifferent to producing or not producing as in either
case the firm makes a loss equal to fixed costs. However, if price fell below P2, for example
to P1 and an output of Q1, average revenue is now less than AVC and revenue from sales
does not even cover variable costs. Losses would be in excess of fixed costs if the firm were
to produce. It is therefore better to cease production and incur a loss of only fixed costs.
P2 is therefore defined as the shut-down price. This is the minimum price the firm
would accept to produce in the short run. If price fell below P2, the firm should cease
production in the short run and incur a loss equal to fixed cost. With price between P2
and P4, for example at P3 with the demand curve D3 in Figure 5.16, then although the
firm makes a loss, the revenue earned more than pays the burden of fixed costs (i.e. TR is
greater than TVC). However, with prices below P4, the firm makes less than normal
profit and would cease production and leave the industry in the long run. The above
relationships are summarised in Table 5.5.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ATC ขณะนี้เท่ากับรายได้เฉลี่ยและ บริษัท ที่ทำให้กำไรปกติ จินตนาการความต้องการ
ตกอีกครั้งเพื่อ d2 และราคาของ p2 เท่า MC ไปสู่​​ผลลัพธ์ที่นายรายได้
q2 และค่าเฉลี่ยในขณะนี้เท่ากับ AVC มีรายได้รวม (p2 คูณด้วย q2) เพียงแค่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย
ตัวแปรทั้งหมด (AVC คูณด้วย q2) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวม (TC) เท่ากับตัวแปรต้นทุน
(TVC) บวกกับต้นทุนคงที่ทั้งหมด (TFC)บริษัท ทำให้สูญเสียเท่ากับ tfc รายได้
ตอนนี้เหลือเพียงเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายเป็นตัวแปร
เราถือว่า บริษัท ยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมในระยะสั้นจะต้องเผชิญกับหนึ่งใน
สองตัวเลือก:. ในการผลิตและทำให้ทั้งกำไรหรือขาดทุนหรือไม่ได้รับการผลิตและ การสูญเสีย
เท่ากับ costs.we คงที่ขณะนี้สามารถดูได้จากรูปที่ 5.16 d2 กับเส้นอุปสงค์ราคาของ p2
และการส่งออกของไตรมาสที่ 2,บริษัท เป็นไม่แยแสกับการผลิตหรือไม่ผลิตเช่นในกรณี
ทั้ง บริษัท ทำให้สูญเสียเท่ากับต้นทุนคงที่ แต่ถ้าราคาลดลงต่ำกว่า p2 ตัวอย่างเช่น
p1 และเพื่อการส่งออกของไตรมาสที่ 1 ปี, รายได้เฉลี่ยอยู่ในขณะนี้น้อยกว่า AVC และรายได้จากการขาย
ไม่ได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตัวแปร ความสูญเสียที่จะอยู่ในส่วนที่เกินจากค่าใช้จ่ายคงที่หาก บริษัท มีการผลิต
มันจึงดีกว่าที่จะยุติการผลิตและการสูญเสียค่าใช้จ่ายคงที่เพียง.
p2 ถูกกำหนดไว้จึงเป็นราคาปิดลง นี้เป็นราคาที่ต่ำสุด
บริษัท จะยอมรับในการผลิตในระยะสั้น หากราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า p2 บริษัท ควรจะยุติการผลิต
ในระยะสั้นและการสูญเสียเท่ากับต้นทุนคงที่ ที่มีราคาระหว่าง p2
และ P4,ตัวอย่างเช่นที่ p3 กับ d3 เส้นอุปสงค์ในรูป 5.16 แล้วแม้ว่า บริษัท
ทำให้สูญเสียรายได้ที่ได้รับมากกว่าจ่ายภาระของต้นทุนคงที่ (เช่น TR
เป็นมากกว่า TVC) แต่ด้วยราคาที่ต่ำกว่า P4 บริษัท ทำให้กำไรน้อยกว่าปกติ
และจะยุติการผลิตและการออกจากอุตสาหกรรมในระยะยาว ความสัมพันธ์
ข้างต้นได้สรุปไว้ในตารางที่ 5.5

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ATC ตอนนี้เท่ากับรายได้เฉลี่ย และบริษัททำให้กำไรปกติ จินตนาการ
ความต้องอยู่อีกกับ D2 ราคา p 2 MC equating เพื่อนายผลไตรมาสที่ 2 และค่าเฉลี่ย
รายได้เท่ากับ AVC ตอนนี้ มีรายได้รวม (p 2 คูณไตรมาสที่ 2) พอถึง
ครอบคลุมต้นทุนผันแปรรวม (AVC คูณไตรมาสที่ 2) รวมเป็นทุน (TC) เท่ากับรวมแปร
(TVC) ต้นทุนรวมคงที่ (TFC), ต้นทุนรวม บริษัททำให้สูญเสียเท่ากับ TFC รายได้
ขณะนี้เพียงพอครอบคลุมต้นทุนผันแปร
เราสมมติว่า บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรม ในระยะสั้น นั้นจะประสบกับหนึ่ง
สองตัวเลือก: การผลิต และกำไรหรือขาดทุน หรือไม่ผลิต และขาดทุนกำไร
เท่ากับต้นทุนคงที่ขณะนี้เราสามารถดูจากรูปที่ 5.16 ซึ่งความต้องการเส้นโค้ง D2 ราคา
p 2 และ ที่ส่งออกของไตรมาสที่ 2 บริษัทจะสนใจการผลิตหรือไม่ผลิตในหรือ
กรณีบริษัททำให้สูญเสียเท่ากับต้นทุนคง อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาตกต่ำ p 2 ตัวอย่าง
P1 และ output ของไตรมาสที่ 1 รายได้เฉลี่ยขณะนี้น้อยกว่า AVC และรายได้จากการขาย
ได้แม้แต่ครอบคลุมถึงต้นทุนผันแปร ขาดทุนจะเกินกว่าต้นทุนคงที่ถ้าบริษัท
การผลิต จึงให้หยุดการผลิต และการขาดทุนของเท่าคงต้นทุนกำไร
p 2 จึงถูกกำหนดเป็นปิดลง นี้เป็นราคาขั้นต่ำบริษัท
จะยอมรับการผลิตในระยะสั้น ถ้าราคาตกต่ำ p 2 บริษัทควรหยุด
ผลิตในระยะสั้นการทำงาน และขาดทุนเท่ากับต้นทุนคงที่กำไร ราคาระหว่าง p 2
และ P4 เส้นเช่น ที่ P3 กับความโค้งดี 3 ในรูปที่ 5.16 แล้วแม้ว่าการ
บริษัททำให้สูญเสีย รายได้ได้รับมากกว่าจ่ายภาระของต้นทุนคงที่ (เช่น TR เป็น
มากกว่า TVC) อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาต่ำกว่า P4 บริษัททำน้อยกว่าปกติ
กำไร และจะหยุดผลิต และปล่อยให้อุตสาหกรรมในระยะยาว ด้านบน
ความสัมพันธ์เป็น summarised ในตาราง 5.5

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ATC ตอนนี้เท่ากับรายได้โดยเฉลี่ยและบริษัทที่สามารถทำกำไรตามปกติ ลองจินตนาการถึงน้ำตก
ความต้องการอีกครั้งกับ D 2 และราคาของ P 2 ทำงานเท่า MC นายผลในไตรมาสที่ 2 และ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้โดยเฉลี่ยแล้วเท่ากับ AVC โดยรายได้ทั้งหมด( P 2 คูณด้วย Q 2 )เพียงเพียงพอที่จะ
ซึ่งจะช่วยปรับเปลี่ยนฝาครอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด( AVC ทวีมากขึ้นโดยไตรมาสที่ 2 ) เป็นยอดรวมค่าใช้จ่าย( Tc )เท่ากับยอดรวมปรับ
ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย( TVC ควบคุมร่วม)บวกกับค่าใช้จ่ายรวม( TFC )บริษัทที่ทำให้สูญเสียได้เท่ากับ tfc.
ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ปัจจุบันนี้มีเพียงเพียงพอที่จะลดต้นทุนผันแปร.
เนื่องจากเราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่อยู่ในระยะสั้นที่จะมีกำลังเผชิญหน้ากับหนึ่งใน
สองทางเลือกในการผลิตและทำให้ทั้งกำไรหรือขาดทุนหรือไม่มีและมีการสูญเสีย
เท่ากับค่าใช้จ่ายคงที่เราสามารถดูจากรูปที่ 5.16 ที่มีความต้องการปรับตามความโค้งมน D 2 ราคา
P 2 และเอาต์พุตของไตรมาสที่ 2 แล้วบริษัทที่ไม่เป็นการผลิตหรือไม่เป็นการผลิตทั้งในกรณีบริษัท
ซึ่งจะช่วยทำให้การขาดทุนเท่ากับค่าใช้จ่ายคงที่ อย่างไรก็ตามหากราคาลดลงด้านล่าง P 2 ตัวอย่างเช่น
ไปที่ P 1 และเอาต์พุตของไตรมาสที่ 1 รายได้โดยเฉลี่ยน้อยกว่ารายได้จากการขายและ AVC
ไม่ครอบคลุมต้นทุนผันแปรได้ ความเสียหายก็จะเป็นในส่วนของค่าใช้จ่ายคงที่หากบริษัทมี
ซึ่งจะช่วยในการผลิตดังนั้นจึงได้ดียิ่งขึ้นเพื่อหยุดการผลิตและมีการสูญเสียเท่านั้นค่าใช้จ่ายคงที่.
P 2 จึงกำหนดเป็นราคาปิดลง โรงแรมแห่งนี้คือราคาต่ำสุดที่บริษัท
ซึ่งจะช่วยจะยอมรับในการผลิตในระยะสั้น หากราคาลดลงด้านล่าง P 2 บริษัทที่ควรจะหยุดการผลิต
ซึ่งจะช่วยในระยะสั้นและมีการสูญเสียที่เท่ากับต้นทุนคงที่ พร้อมด้วยราคาระหว่าง P 2
และ P 4ยกตัวอย่างเช่นใน P 3 ที่มีความโค้งมนตามความต้องการที่ D 3 ในรูปที่ 5.16 แล้วแม้ว่า
ซึ่งจะช่วยให้บริษัทที่ทำให้สูญเสียรายได้ที่ได้รับมากกว่าจะจ่ายเงินชดเชย ภาระ ของค่าใช้จ่ายคงที่(เช่น TR คือ
มากกว่า TVC ควบคุมร่วม) แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังพร้อมด้วยราคาด้านล่าง P 4 บริษัทที่ทำให้น้อยลงกว่าปกติ
มีกำไรและจะหยุดการผลิตและทำให้อุตสาหกรรมที่อยู่ในระยะยาวได้ ทางด้านบน
ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับที่จะสรุปในตาราง 5.5