The SMOG Readability FormulaG Harry

The SMOG Readability Formula

G Harry McLaughlin created the SMOG Readability Formula in 1969 through an article, SMOG Grading – A New Readability Formula in the Journal of Reading. SMOG Readability Formula estimates the years of education a person needs to understand a piece of writing. McLaughlin created this formula as an improvement over other readability formulas. You may come across SMOG as an acronym for Simple Measure of Gobbledygook, but it’s widely believed the title is a nod to Robert Gunning’s FOG Index.

** ( Use our free SMOG Readability Calculator to grade your text using the SMOG formula).

McLaughlin started his career as a sub-editor of the Mirror newspaper in London, but spent much of his life in Applied Psychology. He left the newspaper to pursue a doctorate in psycholinguistics at the University of London. He wrote a thesis titled, “What Makes Prose Understandable.” After teaching human communications at City University of London, he moved to Toronto, Canada where McLaughlin taught briefly at York University and then to the University of Syracuse, where he published his SMOG Formula in 1969.

The SMOG Readability Formula

Step 1: Take the entire text to be assessed.

Step 2: Count 10 sentences in a row near the beginning, 10 in the middle, and 10 in the end for a total of 30 sentences.

Step 3: Count every word with three or more syllables in each group of sentences, even if the same word appears more than once.

Step 4: Calculate the square root of the number arrived at in Step 3 and round it off to nearest 10.

Step 4: Add 3 to the figure arrived at in Step 4 to know the SMOG Grade, i.e., the reading grade that a person must have reached if he is to understand fully the text assessed.

SMOG grade = 3 + Square Root of Polysyllable Count

The SMOG Formula is considered appropriate for secondary age (4th grade to college level) readers.

The premises of McLaughlin’s SMOG Formula are:

1. A sentence is defined as a string of words punctuated with a period, an exclamation mark, or a question mark.

2. Consider long sentences with a semi-colon as two sentences.

3. Words with hyphen are considered as a single word.

4. Proper nouns, if polysyllabic should be counted.

5. Numbers that are written should be counted. If written in numeric form, they should be pronounced to determine if they are polysyllabic.

6. Abbreviations should be read as though unabbreviated to determine if they are polysyllabic. However, abbreviations should be avoided unless commonly known.

7. If the text being graded is shorter than 30 sentences, follow the steps below:

i. Count all the polysyllabic words in the text

ii. Count the number of sentences in the text.

iii. Divide the figures obtained in i. by the figure obtained in ii. to arrive at Average Polysyllabic Words per sentence.

iv. Multiply the figure obtained in iii. with the average number of sentences short of 30.

v. Add the figure obtained in iv. to the total number of polysyllabic words.

vi. Compare the number of polysyllabic words in the SMOG Conversion Table.


SMOG Conversion Table
 Total Polysyllabic Word Count  Approximate Grade Level (+1.5 Grades)
 1 - 6  5
 7 - 12  6
 13 - 20  7
 21 - 30  8
 31 - 42  9
 43 - 56  10
 57 - 72  11
 73 - 90  12
 91 - 110  13
 111 - 132  14
 133 - 156  15
 157 - 182  16
 183 - 210  17
 211 - 240  18


McLaughlin validated his formula against the McCall-Crabbs passages. He used a 100% correct-score criterion, whereas most formulas test for around 50%-75% comprehension. His formula generally predicts scores at least two grades higher than the Dale-Chall formula. Harry is on a mission to improve upon his SMOG formula; he has published his new formula on his Web Page, where you can paste and test your documents at (http://webpages.charter.net/ghal/SMOG.html)


** ( Use our free SMOG Readability Calculator to grade your text using the SMOG formula).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สูตรอ่านหมอกควันแม็กลาฟลินแฮร์รี่ G สร้างหมอกควันอ่านสูตร 1969 ผ่านบทความ หมอกควัน Grading – A อ่านสูตรใหม่ในสมุดรายวันอ่าน หมอกควันอ่านสูตรประเมินปีการศึกษาที่บุคคลต้องเข้าใจชิ้น แม็กลาฟลินสร้างสูตรนี้เป็นการปรับปรุงมากกว่าสูตรอื่น ๆ อ่าน คุณอาจเจอหมอกควันเป็นคำย่อสำหรับวัดอย่าง Gobbledygook แต่แพร่หลายเชื่อชื่อเรื่องคือ พยักหน้าโรเบิร์ตนกันนิ่งของหมอกดัชนี ** (การคำนวณอ่านหมอกควันของเราฟรีเพื่อเกรดข้อความของคุณโดยใช้สูตรหมอกควัน)แม็กลาฟลินเริ่มต้นอาชีพของเขาเป็นบรรณาธิการย่อยของหนังสือพิมพ์กระจกในลอนดอน แต่ใช้เวลามากของชีวิตในการใช้จิตวิทยา เขาออกหนังสือพิมพ์ไล่เอกในภาษาศาสตร์เชิงจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เขาเขียนวิทยานิพนธ์ชื่อว่า "สิ่งที่ทำให้ Understandable ร้อยแก้ว" หลังจากสอนมนุษย์สื่อสารที่มหาวิทยาลัยลอนดอนเมือง เขาย้าย ไปโตรอนโต แคนาดาที่แม็กลาฟลินสอนสั้น ๆ ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และ การมหาวิทยาลัยของซีรา คิวส์ ที่เขาเผยแพร่สูตรเขาหมอกควันใน 1969 สูตรอ่านหมอกควัน ขั้นตอนที่ 1: นำข้อความทั้งหมดได้รับการประเมิน ขั้นตอนที่ 2: นับ 10 ประโยคในแถวใกล้ต้น 10 ตรงกลาง และ 10 ในสุดจำนวน 30 ประโยค ขั้นตอนที่ 3: นับทุกคำที่ มีพยางค์สาม หรือมากกว่าในแต่ละกลุ่มของประโยค ถ้าคำเดียวกันปรากฏขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ขั้นตอนที่ 4: คำนวณค่ารากที่สองของหมายถึงในขั้นตอนที่ 3 และปัดเศษที่ใกล้ที่สุด 10 ขั้นตอนที่ 4: เพิ่มถึง 3 รูปแบบในขั้นตอนที่ 4 รู้เกรดหมอกควัน เช่น เกรดอ่านคนต้องมาถึงถ้าจะเข้าใจเต็มข้อที่ประเมิน หมอกควันเกรด = 3 + ตารางรากของ Polysyllable นับ สูตรหมอกควันถือว่าเหมาะสมกับอายุรอง (เกรด 4 ระดับวิทยาลัย) อ่าน สถานที่ของสูตรของแม็กลาฟลินหมอกควันจะ: 1. ประโยคเป็นกำหนดเป็นสายอักขระคำ punctuated กับระยะเวลา อัศเจรีย์ เครื่องหมายคำถาม 2. พิจารณาประโยคยาว ด้วยเครื่องหมายอัฒภาคเป็นประโยค 2 ประโยค 3. คำ ด้วยยัติภังค์จะถือว่าเป็นคำเดียว 4. คำวิสามานยนาม ถ้า polysyllabic ควรจะตรวจนับ 5. เลขที่เขียนควรจะตรวจนับ ถ้าเขียนในฟอร์มตัวเลข พวกเขาควรออกเสียงเพื่อกำหนดว่า จะมี polysyllabic 6. คำย่อควรจะอ่านว่า unabbreviated เพื่อตรวจสอบว่ามี polysyllabic อย่างไรก็ตาม คำย่อควรจะหลีกเลี่ยงเว้นแต่ที่รู้จักกันทั่วไป 7. ถ้าข้อความการเรียนสั้นกว่า 30 ประโยค ทำตามขั้นตอนด้านล่าง: i. จำนวนทั้งหมด polysyllabic คำในข้อความ ครั้งที่สองนับจำนวนประโยคในข้อความ iii. แบ่งตัวเลขที่รับใน i. โดยตัวเลขที่ได้รับในครั้งที่สอง บรรลุคำเฉลี่ย Polysyllabic ต่อประโยค iv. คูณตัวเลขที่รับใน iii มีจำนวนเฉลี่ยของประโยคขาด 30 v. เพิ่มตัวเลขที่รับใน iv จำนวนรวมของคำ polysyllabic vi. เปรียบเทียบจำนวนคำ polysyllabic ในตารางการแปลงหมอกควัน หมอกควันแปลงตาราง รวมระดับชั้นการศึกษาโดยประมาณนับคำ Polysyllabic (+ 1.5 คะแนน) 1 - 6 5 7 - 12 6 13 - 20 7 21 - 30 8 31 - 42 9 43 - 56 10 57 - 72 11 73 - 90 12 91 - 110 13 111 - 132 14 133 - 156 15 157 - 182 16 183 - 210 17 211 - 240 18แม็กลาฟลินตรวจสอบสูตรของเขากับทางเดินแม็กคอล Crabbs เขาใช้เกณฑ์คะแนนถูกต้อง 100% ในขณะที่ส่วนใหญ่สูตรทดสอบสำหรับประมาณ 50-75% ความเข้าใจ สูตรของเขาโดยทั่วไปทำนายคะแนนน้อยสองเกรดสูงกว่าสูตร Chall เดล แฮร์รี่อยู่ในพันธกิจที่จะปรับปรุงสูตรของเขาหมอกควัน เขาได้เผยแพร่สูตรใหม่ของเขาในหน้าเว็บของเขา ซึ่งคุณสามารถวาง และทดสอบเอกสารที่ (http://webpages.charter.net/ghal/SMOG.html) ** (การคำนวณอ่านหมอกควันของเราฟรีเพื่อเกรดข้อความของคุณโดยใช้สูตรหมอกควัน)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หมอกควันอ่านสูตร

g แฮร์รี่กิ้นสร้างหมอกควันอ่านสูตรใน 1969 ผ่านบทความ หมอกควันระดับ–สูตรการอ่านใหม่ในวารสารอ่าน หมอกควันอ่านสูตรประมาณปีของการศึกษาบุคคลต้องเข้าใจว่า ชิ้นส่วนของการเขียน กลุ่มที่สร้างขึ้น สูตรนี้เป็นสูตรปรับปรุงใหม่อ่านอื่น ๆคุณอาจเจอหมอกควันเป็นอักษรย่อสำหรับวัดที่เรียบง่ายของอวัยวะเพศชาย แต่ก็เชื่อกันอย่างกว้างขวางชื่อเรื่องคือ nod โรเบิร์ตดัชนีหมอกกระจุย .

* * * * * ( ใช้เครื่องคิดเลขหมอกควันอ่านฟรีของเราเกรดข้อความของคุณโดยใช้หมอกควันสูตร )

กิ้นเริ่มอาชีพของเขาเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ซบกระจกในลอนดอน แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของเขาในจิตวิทยาประยุกต์ .เขาทิ้งหนังสือพิมพ์เพื่อติดตามปริญญาเอกด้านภาษาศาสตร์เชิงจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยแห่งลอนดอน เขาเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง " อะไรทำให้ร้อยแก้วเข้าใจ . " หลังจากการสอนมนุษย์ การสื่อสารที่มหาวิทยาลัยในเมืองลอนดอน เขาได้ย้ายไปโตรอนโต , แคนาดาที่กิ้นสอนสั้น ๆที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กและจากนั้นไปที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ที่เขาเผยแพร่สูตรหมอกควันใน 1969

หมอกควันอ่านสูตร

ขั้นตอนที่ 1 : เอาข้อความทั้งหมดจะถูกประเมิน

ขั้นตอนที่ 2 : นับ 10 ประโยคในแถวใกล้ต้น 10 ตรงกลาง และ 10 ใน สิ้นสุด รวม 30 ประโยค

ขั้นตอนที่ 3 : นับทุกคําสามพยางค์หรือมากกว่าในแต่ละกลุ่มของประโยค ถ้าคำที่ปรากฏมากกว่าหนึ่งครั้ง

ขั้นตอนที่ 4 :คำนวณรากที่สองของเลขมาถึงในขั้นตอนที่ 3 และไปรอบๆใกล้ 10

ขั้นที่ 4 : เพิ่ม 3 รูปมาถึงในขั้นตอนที่ 4 ว่าหมอกควันเกรด เช่น เกรด อ่านที่คนต้องมาถึง ถ้าจะเข้าใจข้อความที่ประเมิน

หมอกควันเกรด = 3 รากที่สองของตัวนำยิ่งยวดนับ

หมอกควันสูตรก็ถือว่าเหมาะสมสำหรับระดับอายุ ( ม. 4 ถึงระดับวิทยาลัย ) ผู้อ่าน

ของสถานที่ของกลุ่มหมอกควันสูตร :

1 ประโยคที่ถูกกำหนดเป็นสตริงของคำคั่นด้วยระยะเวลา เครื่องหมายอัศเจรีย์หรือเครื่องหมายคำถาม

2 พิจารณาประโยคยาวกับกึ่งลำไส้ใหญ่เป็นสองประโยค

3 คำที่มีเครื่องหมายยัติภังค์ถือเป็นคำเดียว

4 .คำนามที่เหมาะสม ถ้าพยางค์ ควรนับ

5 ตัวเลขที่เขียนควรนับ ถ้าเขียนในรูปแบบตัวเลขที่พวกเขาควรจะออกเสียงเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขามีหลายพยางค์

6 คำย่อที่ควรอ่าน แต่ unabbreviated เพื่อตรวจสอบว่าพวกเขามีหลายพยางค์ อย่างไรก็ตาม คำย่อที่ควรหลีกเลี่ยงเว้นแต่รู้จักกันทั่วไป .

7ถ้าข้อความที่ถูกให้คะแนนมันสั้นกว่า 30 ประโยค ทำตามขั้นตอนด้านล่าง :

ผมนับทุกพยางค์คำพูดในข้อความ

2 นับประโยคในข้อความ

III แบ่งตัวเลขได้เหมือนกัน โดยรูปที่ได้ใน 2 ถึงมีคำยากต่อประโยค

4 . คูณตัวเลขได้ในอัตราเฉลี่ยของ 3 กับประโยคสั้นๆ 30

โวลต์ ใส่รูปได้ 4 . จำนวนรวมของคำยาก .

6 เปรียบเทียบจำนวนของคำยากในหมอกควันการแปลงตาราง



ทำไมตารางการแปลงหมอกควันรวมคำหลายพยางค์นับอะไรประมาณเกรดระดับ ( 1.5 คะแนน )
5
1 - 6       6
7 - 12 13 - 20 รึเปล่า
7 21 - 30     -   31 8
9
ครั้งที่ 42 43 - 56 10
   57 - 72 รึเปล่า 11
ไหม 73 - 90     91 - 110 12

111 - 132   13   14   15   133 - 156

157 -   16    182 183 - 210 รึเปล่า

211 - 240    17 18


กลุ่มตรวจสอบของเขาสูตรกับแม็คคอล crabbs passages เขาใช้ถูกต้อง 100% คะแนนเกณฑ์ ในขณะที่ส่วนใหญ่สูตรทดสอบประมาณ 50% - 75% ความเข้าใจ สูตรของเขาโดยทั่วไปคาดการณ์คะแนนอย่างน้อยสองเกรดสูงกว่าเดลชาร์ลสูตร แฮร์รี่อยู่ในภารกิจที่จะปรับปรุงสูตรหมอกควันของเขาเขาได้เผยแพร่สูตรใหม่ของเขาบนหน้าเว็บของเขาที่คุณสามารถวางและทดสอบเอกสารของคุณที่ ( http://webpages.charter.net/ghal/smog.html )


* * * * * ( ใช้เครื่องคิดเลขหมอกควันอ่านฟรีของเราเกรดข้อความของคุณโดยใช้หมอกควันสูตร )