LITERATURE REVIEWOrganizational and

LITERATURE REVIEW
Organizational and Psychological Empowerment
In the organizational literature, there are two widely discussed perspectives on employee
empowerment; these two are the structural (organizational) approach and the psychological
approach. The first approach is organizational empowerment which is about organizational
policies, practices and structures that provide employees with greater freedom and discretion
to make their own decisions and have more influence on their work (Mills & Ungson, 2003).
The other perspective, according to Peccei and Rosenthal (2001), is psychological
empowerment which takes a different view on empowerment and focuses on employees’
perceptions and cognitions. According to Spreitzer (1995), employees are actually
empowered when they have genuine perceptions of empowerment in their workplace.
Psoinos and Smithson (2002) explain that the psychological view focuses on perceptions of
power, competence, and self-efficacy. Accordingly, psychological empowerment is an
important component of workplace empowerment because it constitutes intrinsic task
motivation that is an important component of empowering work conditions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การทบทวนวรรณกรรมอำนาจองค์กร และจิตใจในวรรณคดีขององค์กร มีมุมมองที่โจษขานสองพนักงาน อำนาจ มีสองวิธี (องค์กร) โครงสร้างและจิตใจที่ แนวทางการ วิธีแรกคือ อำนาจองค์กรที่เกี่ยวกับองค์กร นโยบาย แนวทางปฏิบัติ และโครงสร้างที่ให้พนักงาน มีอิสระมากขึ้นและพิจารณา เพื่อทำการตัดสินใจของตนเอง และมีอิทธิพลมากต่อการทำงาน (โรงงานผลิต & Ungson, 2003) อื่น ๆ มุมมอง ตาม Peccei และโรเซนธอล (2001), เป็นจิตใจ อำนาจที่ใช้มุมมองต่าง ๆ ในอำนาจ และมุ่งเน้นพนักงาน ภาพลักษณ์คอร์รัปชันและ cognitions ตาม Spreitzer (1995), พนักงานมีจริง อำนาจเมื่อมีภาพลักษณ์ที่แท้จริงของอำนาจในการทำงาน Psoinos และ Smithson (2002) อธิบายว่า มุมมองทางจิตวิทยาเน้นภาพลักษณ์ของ อำนาจ ความสามารถ และ ประสิทธิภาพด้วยตนเอง ตาม อำนาจจิตใจเป็นการ สำคัญส่วนประกอบของอำนาจที่ทำงานเนื่องจากมันถืองาน intrinsic แรงจูงใจที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการกระจายอำนาจทำงานเงื่อนไข

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทบทวนวรรณกรรมองค์กรและเพิ่มขีดความสามารถทางจิตวิทยาในวรรณกรรมขององค์กรมีสองมุมมองที่กล่าวถึงกันอย่างแพร่หลายในการทำงานของพนักงานเพิ่มขีดความสามารถ; ทั้งสองเป็นโครงสร้าง (องค์กร) วิธีการทางจิตวิทยาและวิธีการ วิธีแรกคือการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์กรนโยบายการปฏิบัติและโครงสร้างที่ให้พนักงานที่มีเสรีภาพมากขึ้นและใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจของตัวเองและมีอิทธิพลมากขึ้นในการทำงานของพวกเขา(มิลส์และ Ungson, 2003). มุมมองอื่น ๆ ตามที่ Peccei และโรเซนธาล (2001) เป็นจิตวิทยาเพิ่มขีดความสามารถซึ่งจะมีมุมมองที่แตกต่างกันในการเสริมสร้างศักยภาพและมุ่งเน้นไปที่พนักงานรับรู้และcognitions ตามที่ Spreitzer (1995) พนักงานเป็นจริงอำนาจเมื่อพวกเขามีการรับรู้ของแท้เพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของพวกเขา. Psoinos และสมิท (2002) อธิบายว่ามุมมองทางจิตวิทยาที่มุ่งเน้นไปที่การรับรู้ของพลังความสามารถและประสิทธิภาพของตนเอง ดังนั้นการเพิ่มขีดความสามารถทางด้านจิตใจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการเสริมสร้างศักยภาพการทำงานเพราะถือว่าเป็นงานที่แท้จริงแรงจูงใจที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการเสริมสร้างศักยภาพของสภาพการทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการตรวจสอบองค์กรวรรณกรรมและวรรณคดีกับจิตวิทยา มีสองมุมมองในการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางพนักงาน
; ทั้งสองเป็นโครงสร้าง ( องค์การ ) แนวทางและวิธีการทางจิตวิทยา

วิธีแรกคือการเป็นองค์การที่เกี่ยวกับนโยบายขององค์การ
,การปฏิบัติและโครงสร้างที่ให้พนักงานที่มีเสรีภาพมากขึ้นและดุลยพินิจ
ในการตัดสินใจของตัวเอง และมีอิทธิพลมากขึ้นในงานของพวกเขา ( โรงงาน& ungson , 2003 )
มุมมองอื่น ๆ ตาม peccei และโรเซนธาล ( 2001 ) , การเสริมสร้างพลังอำนาจทางด้านจิตใจซึ่งจะมีมุมมองที่แตกต่างกันใน

การมุ่งเน้นพนักงานรับรู้และความคิด .ตาม spreitzer ( 1995 ) , พนักงานเป็นจริง
มีอํานาจเมื่อพวกเขามีการรับรู้ของพลังแท้ ในที่ทำงาน
psoinos และสมิธสัน ( 2002 ) อธิบายว่า ดูจิต เน้นการรับรู้ของ
พลัง ความสามารถ และการรับรู้ความสามารถของตนเอง . ดังนั้น การเสริมสร้างพลังอำนาจทางด้านจิตใจเป็นส่วนประกอบสำคัญของการเสริมสร้างพลังอำนาจการทำงาน

เพราะมันถือเป็นงานภายในแรงจูงใจที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการสภาพการทำงาน