นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.comข้อเสนอของ กกต. โดยนายศุภชัย สมเจริญในยุ การแปล - นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.comข้อเสนอของ กกต. โดยนายศุภชัย สมเจริญในยุ ไทย วิธีการพูด

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.comข้อเส

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ข้อเสนอของ กกต. โดยนายศุภชัย สมเจริญในยุคนี้ อ้างอิงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลง ด้วยเจตนาที่ต้องการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ ด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ปิดช่องไม่ให้คนทุจริต เข้าสู่อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร และข้อเสนอนี้ได้ส่งถึง คสช.แล้ว ด้วยขั้นตอนนั้น จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายและยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรของสภาปฏิรูปประเทศต่อไป หากจะอ้างอิงที่มาของผู้แทนปวงชน ในส่วนของ ส.ส. โดยย้อนกลับไป ที่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 กำหนดให้มี ส.ส.ระบบเขต "แบบเขตเดียวเบอร์เดียว" รวม 400 คน และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อีก 100 คน ทั้งหมด 2 ระบบ 500 คน

ว่ากันว่า ต้นแบบที่มาของส.ส.นี้ มาจากประเทศเยอรมนี แต่หลังการบังคับใช้กับการจัดการเลือกตั้ง เมื่อปี 2544 และ ปี 2548 ส่งผลให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อดีและข้อเสียของระบบ รวมไปถึงเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ว่าเป็นชนวนเหตุของปัญหาทางการเมือง โดยเฉพาะช่องว่างที่เปิดทางให้เกิดการผูกขาด เกิดอิทธิพล เกิดการใช้เงิน และเกิดการครอบงำ รวมไปถึงกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร จนนำมาซึ่งเหตุของการยึดอำนาจรัฐประหารในปี 2549 ที่กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง

โดยเกิดขึ้นพร้อมกับรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่พลิกข้อบัญญัติเรื่องที่มาของส.ส. เป็นการเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ 400 คน และการเลือกตั้งแบบบัญชีสัดส่วน รวม 80 คน โดยแบบแบ่งเขตนั้น ให้กำหนดเขตเลือกตั้งขึ้นในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีจำนวนราษฎรทั้งประเทศ เป็นตัวกำหนดเขตพื้นที่และจำนวนส.ส. พร้อมระบุไว้ว่าทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครครบจำนวนสมาชิก ขณะที่แบบบัญชีสัดส่วนนั้น ให้แบ่งเป็นกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่มตามทะเบียบราษฎร์ และกำหนดให้แต่ละเขต เลือกส.ส.ได้ 10 คน ภายใต้ข้อบังคับว่า ทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครแบบบัญชีสัดส่วน และไม่จำเป็นต้องส่งทั้ง 8 กลุ่มจังหวัด แต่ต้องคำนึงถึงโอกาส สัดส่วนความเหมาะสมและความเท่าเทียมกัน และหลังการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 ฝ่ายการเมือง ในฐานะผู้ใช้กฎหมาย สะท้อนถึงความยากง่ายในเชิงปฏิบัติ พร้อมตั้งข้อครหาว่า เป็นการปิดกั้นมากกว่าการเปิดโอกาสพร้อมกันนั้นยังมีข้อสังเกตถึงการลิดลอนสิทธิเจ้าของอำนาจอธิปไตย นี่ละเหตุที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง ที่มาของส.ส. ให้กลับมามีจำนวน 500 คน โดยแบ่งเป็นเขต 375 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 125 คน และแม้จะต่างกับรัฐธรรมนูญ ปี 2540 แต่หลักการสำคัญกลับเหมือนกัน

375 คนหรือเขตนั้น ในทางทฤษฎีอาจยังคงเป็นแบบเขตใหญ่ แต่เป็นแบบเรียงเบอร์ แต่ในทางปฏิบัติ ไม่ต่างกับเขตเดียวเบอร์เดียว เพียงแต่เปลี่ยนวิธีคำนวณการกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ โดยยึดค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 375 หารด้วยจำนวนราษฎรทั้งประเทศ คิดเป็น 1 ส.ส. สิทธิ์ของผู้กากบาทเลือกตั้ง หนึ่งคนหนึ่งเสียง ที่เชื่อกันว่า เสมอภาคและเท่าเทียม และจากส .ส.แบบสัดส่วนที่เคยส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร 8 กลุ่ม ที่คิดคะแนนจากกลุ่มจังหวัดให้ผู้สมัครใน 8 บัญชีที่เสนอ เป็นการคิดคำนวณคะแนนจากทั้งประเทศ แล้วให้ลำดับ 125 ผู้สมัครในบัญชีเดียว แต่ส.ส.ตามคะแนนที่ได้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งส.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หรือในช่วง 7 ปีนี้ ที่กำลังจะมีการแก้ไขกันอีกครั้ง เพื่อลดอุปสรรค

แต่เมื่อสรุปภาพรวมแล้ว หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดูจะยังคงเดิมอยู่ หากแต่การจัดการเลือกตั้งหรือบุคคลที่ผ่านเข้าสู่กระบวนการ การเลือกตั้งต่างหาก ที่เปลี่ยนแปลงไปและกลายเป็นปัญหาหรืออุปสรรคให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา

จากข้อสังเกตเรื่องหลักเกณฑ์และคน ซึ่งเป็นที่มาของข้อเสนอ ข้อที่ 3 จาก 2 ข้อแรกในการกำหนดที่มาส.ส. นั้น คือการเสนอให้ ส.ส.มีวาระ ละ 4 ปี และให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระ หรือ 8 ปีเท่านั้น แต่ข้อเสนอทั้งหมดก็ยังไม่มีการสรุป รอสภาปฏิรูปประเทศสรุปแนวทางการปฏิรูปการเมืองอีกครั้ง
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ข้อเสนอของ กกต โดยนายศุภชัยสมเจริญในยุคนี้อ้างอิงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงด้วยเจตนาที่ต้องการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคปิดช่องไม่ให้คนทุจริต และข้อเสนอนี้ได้ส่งถึงคสชแล้วด้วยขั้นตอนนั้นจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายและยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรของสภาปฏิรูปประเทศต่อไปหากจะอ้างอิงที่มาของผู้แทนปวงชนในส่วนของส.ส โดยย้อนกลับไปที่รัฐธรรมนูญส.ส.ระบบเขตกำหนดให้มีปี 2540 "แบบเขตเดียวเบอร์เดียว" รวม 400 คนและส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออีก 100 คนทั้งหมด 2 ระบบฯลฯ แล้วแต่ 500 คน

ว่ากันว่าต้นแบบที่มาของส.สนี้มาจากประเทศเยอรมนีแต่หลังการบังคับใช้กับการจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 และปี 2548 ส่งผลให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อดีและข้อเสียของระบบรวมไปถึงเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องว่าเป็นชนวนเหตุของปัญหาทางการเมือง เกิดอิทธิพลเกิดการใช้เงินและเกิดการครอบงำรวมไปถึงกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารจนนำมาซึ่งเหตุของการยึดอำนาจรัฐประหารในปี ๒๕๔๙ ที่กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

ที่พลิกข้อบัญญัติเรื่องที่มาของส.สโดยเกิดขึ้นพร้อมกับรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นการเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ 400 คนและการเลือกตั้งแบบบัญชีสัดส่วนรวม 80 คนโดยแบบแบ่งเขตนั้นให้กำหนดเขตเลือกตั้งขึ้นในแต่ละจังหวัดซึ่งมีจำนวนราษฎรทั้งประเทศเป็นตัวกำหนดเขตพื้นที่และจำนวนส.ส พร้อมระบุไว้ว่าทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครครบจำนวนสมาชิกขณะที่แบบบัญชีสัดส่วนนั้นให้แบ่งเป็นกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่มตามทะเบียบราษฎร์และกำหนดให้แต่ละเขตเลือกส.สได้ 10 คนภายใต้ข้อบังคับว่าทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครแบบบัญชีสัดส่วนและไม่จำเป็นต้องส่งทั้ง 8 กลุ่มจังหวัดแต่ต้องคำนึงถึงโอกาสสัดส่วนความเหมาะสมและความเท่าเทียมกันและหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ในฐานะผู้ใช้กฎหมายสะท้อนถึงความยากง่ายในเชิงปฏิบัติพร้อมตั้งข้อครหาว่าเป็นการปิดกั้นมากกว่าการเปิดโอกาสพร้อมกันนั้นยังมีข้อสังเกตถึงการลิดลอนสิทธิเจ้าของอำนาจอธิปไตยนี่ละเหตุที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง ส. ให้กลับมามีจำนวน 500 คนโดยแบ่งเป็นเขต 375 คนและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 125 คนและแม้จะต่างกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่หลักการสำคัญกลับเหมือนกัน

375 คนหรือเขตนั้นในทางทฤษฎีอาจยังคงเป็นแบบเขตใหญ่แต่เป็นแบบเรียงเบอร์แต่ในทางปฏิบัติไม่ต่างกับเขตเดียวเบอร์เดียวเพียงแต่เปลี่ยนวิธีคำนวณการกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่โดยยึดค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 375 สคิดเป็น 1สสิทธิ์ของผู้กากบาทเลือกตั้งหนึ่งคนหนึ่งเสียงที่เชื่อกันว่าเสมอภาคและเท่าเทียมและจากส.สแบบสัดส่วนที่เคยส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร 8 กลุ่มที่คิดคะแนนจากกลุ่มจังหวัดให้ผู้สมัครใน 8 บัญชีที่เสนอเป็นการคิดคำนวณคะแนนจากทั้งประเทศแล้วให้ลำดับ 125 ผู้สมัครในบัญชีเดียวแต่ส.สตามคะแนนที่ได้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแม้จะมีการปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งส.ส เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหรือในช่วง 7 ปีนี้ที่กำลังจะมีการแก้ไขกันอีกครั้งเพื่อลดอุปสรรค

แต่เมื่อสรุปภาพรวมแล้วหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดูจะยังคงเดิมอยู่หากแต่การจัดการเลือกตั้งหรือบุคคลที่ผ่านเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งต่างหากที่เปลี่ยนแปลงไปและกลายเป็นปัญหาหรืออุปสรรคให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา

ข้อแรกในการกำหนดที่มาส.สจากข้อสังเกตเรื่องหลักเกณฑ์และคนซึ่งเป็นที่มาของข้อเสนอข้อที่ 3 จาก 2 นั้นคือการเสนอให้ส.สมีวาระล่ะ 4 ปีและให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระหรือ 8 ปีเท่านั้นแต่ข้อเสนอทั้งหมดก็ยังไม่มีการสรุปรอสภาปฏิรูปประเทศสรุปแนวทางการปฏิรูปการเมืองอีกครั้ง
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ข้อเสนอของ กกต. โดยนายศุภชัย สมเจริญในยุคนี้ อ้างอิงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลง ด้วยเจตนาที่ต้องการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ ด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ปิดช่องไม่ให้คนทุจริต เข้าสู่อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร และข้อเสนอนี้ได้ส่งถึง คสช.แล้ว ด้วยขั้นตอนนั้น จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายและยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรของสภาปฏิรูปประเทศต่อไป หากจะอ้างอิงที่มาของผู้แทนปวงชน ในส่วนของ ส.ส. โดยย้อนกลับไป ที่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 กำหนดให้มี ส.ส.ระบบเขต "แบบเขตเดียวเบอร์เดียว" รวม 400 คน และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อีก 100 คน ทั้งหมด 2 ระบบ 500 คน

ว่ากันว่า ต้นแบบที่มาของส.ส.นี้ มาจากประเทศเยอรมนี แต่หลังการบังคับใช้กับการจัดการเลือกตั้ง เมื่อปี 2544 และ ปี 2548 ส่งผลให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อดีและข้อเสียของระบบ รวมไปถึงเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ว่าเป็นชนวนเหตุของปัญหาทางการเมือง โดยเฉพาะช่องว่างที่เปิดทางให้เกิดการผูกขาด เกิดอิทธิพล เกิดการใช้เงิน และเกิดการครอบงำ รวมไปถึงกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร จนนำมาซึ่งเหตุของการยึดอำนาจรัฐประหารในปี 2549 ที่กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง

โดยเกิดขึ้นพร้อมกับรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่พลิกข้อบัญญัติเรื่องที่มาของส.ส. เป็นการเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ 400 คน และการเลือกตั้งแบบบัญชีสัดส่วน รวม 80 คน โดยแบบแบ่งเขตนั้น ให้กำหนดเขตเลือกตั้งขึ้นในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีจำนวนราษฎรทั้งประเทศ เป็นตัวกำหนดเขตพื้นที่และจำนวนส.ส. พร้อมระบุไว้ว่าทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครครบจำนวนสมาชิก ขณะที่แบบบัญชีสัดส่วนนั้น ให้แบ่งเป็นกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่มตามทะเบียบราษฎร์ และกำหนดให้แต่ละเขต เลือกส.ส.ได้ 10 คน ภายใต้ข้อบังคับว่า ทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครแบบบัญชีสัดส่วน และไม่จำเป็นต้องส่งทั้ง 8 กลุ่มจังหวัด แต่ต้องคำนึงถึงโอกาส สัดส่วนความเหมาะสมและความเท่าเทียมกัน และหลังการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 ฝ่ายการเมือง ในฐานะผู้ใช้กฎหมาย สะท้อนถึงความยากง่ายในเชิงปฏิบัติ พร้อมตั้งข้อครหาว่า เป็นการปิดกั้นมากกว่าการเปิดโอกาสพร้อมกันนั้นยังมีข้อสังเกตถึงการลิดลอนสิทธิเจ้าของอำนาจอธิปไตย นี่ละเหตุที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง ที่มาของส.ส. ให้กลับมามีจำนวน 500 คน โดยแบ่งเป็นเขต 375 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 125 คน และแม้จะต่างกับรัฐธรรมนูญ ปี 2540 แต่หลักการสำคัญกลับเหมือนกัน

375 คนหรือเขตนั้น ในทางทฤษฎีอาจยังคงเป็นแบบเขตใหญ่ แต่เป็นแบบเรียงเบอร์ แต่ในทางปฏิบัติ ไม่ต่างกับเขตเดียวเบอร์เดียว เพียงแต่เปลี่ยนวิธีคำนวณการกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ โดยยึดค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 375 หารด้วยจำนวนราษฎรทั้งประเทศ คิดเป็น 1 ส.ส. สิทธิ์ของผู้กากบาทเลือกตั้ง หนึ่งคนหนึ่งเสียง ที่เชื่อกันว่า เสมอภาคและเท่าเทียม และจากส .ส.แบบสัดส่วนที่เคยส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร 8 กลุ่ม ที่คิดคะแนนจากกลุ่มจังหวัดให้ผู้สมัครใน 8 บัญชีที่เสนอ เป็นการคิดคำนวณคะแนนจากทั้งประเทศ แล้วให้ลำดับ 125 ผู้สมัครในบัญชีเดียว แต่ส.ส.ตามคะแนนที่ได้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งส.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หรือในช่วง 7 ปีนี้ ที่กำลังจะมีการแก้ไขกันอีกครั้ง เพื่อลดอุปสรรค

แต่เมื่อสรุปภาพรวมแล้ว หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดูจะยังคงเดิมอยู่ หากแต่การจัดการเลือกตั้งหรือบุคคลที่ผ่านเข้าสู่กระบวนการ การเลือกตั้งต่างหาก ที่เปลี่ยนแปลงไปและกลายเป็นปัญหาหรืออุปสรรคให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา

จากข้อสังเกตเรื่องหลักเกณฑ์และคน ซึ่งเป็นที่มาของข้อเสนอ ข้อที่ 3 จาก 2 ข้อแรกในการกำหนดที่มาส.ส. นั้น คือการเสนอให้ ส.ส.มีวาระ ละ 4 ปี และให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระ หรือ 8 ปีเท่านั้น แต่ข้อเสนอทั้งหมดก็ยังไม่มีการสรุป รอสภาปฏิรูปประเทศสรุปแนวทางการปฏิรูปการเมืองอีกครั้ง
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
นำเสนอข่าวโดยทีมงานสนุก . com

ข้อเสนอของกกต .โดยนายศุภชัยสมเจริญในยุคนี้อ้างอิงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงด้วยเจตนาที่ต้องการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคปิดช่องไม่ให้คนทุจริตและข้อเสนอนี้ได้ส่งถึงคสช .แล้วด้วยขั้นตอนนั้นจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายและยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรของสภาปฏิรูปประเทศต่อไปหากจะอ้างอิงที่มาของผู้แทนปวงชนในส่วนของส . ส .โดยย้อนกลับไปที่รัฐธรรมนูญ . 2540 กำหนดให้มีส . ส . ระบบเขต " แบบเขตเดียวเบอร์เดียว " รวม 400 คนและส . ส . ระบบบัญชีรายชื่ออีก 100 คนทั้งหมด 2 ระบบ 500 คน

ว่ากันว่าต้นแบบที่มาของส . ส .นี้มาจากประเทศเยอรมนีแต่หลังการบังคับใช้กับการจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 2548 ส่งผลให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อดีและข้อเสียของระบบรวมไปถึงเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องว่าเป็นชนวนเหตุของปัญหาทางการเมืองและ .เกิดอิทธิพลเกิดการใช้เงินและเกิดการครอบงำรวมไปถึงกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารจนนำมาซึ่งเหตุของการยึดอำนาจรัฐประหารในปีที่กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ชื่อเรื่อง
โดยเกิดขึ้นพร้อมกับรัฐธรรมนูญ . 2550 ที่พลิกข้อบัญญัติเรื่องที่มาของส . ส .เป็นการเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ 400 คนและการเลือกตั้งแบบบัญชีสัดส่วนรวม 80 คนโดยแบบแบ่งเขตนั้นให้กำหนดเขตเลือกตั้งขึ้นในแต่ละจังหวัดซึ่งมีจำนวนราษฎรทั้งประเทศเป็นตัวกำหนดเขตพื้นที่และจำนวนส . ส .พร้อมระบุไว้ว่าทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครครบจำนวนสมาชิกขณะที่แบบบัญชีสัดส่วนนั้นให้แบ่งเป็นกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่มตามทะเบียบราษฎร์และกำหนดให้แต่ละเขตเลือกส . ส .ได้ 10 คนภายใต้ข้อบังคับว่าทุกพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครแบบบัญชีสัดส่วนและไม่จำเป็นต้องส่งทั้ง 8 กลุ่มจังหวัดแต่ต้องคำนึงถึงโอกาสสัดส่วนความเหมาะสมและความเท่าเทียมกันและหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2554ในฐานะผู้ใช้กฎหมายสะท้อนถึงความยากง่ายในเชิงปฏิบัติพร้อมตั้งข้อครหาว่าเป็นการปิดกั้นมากกว่าการเปิดโอกาสพร้อมกันนั้นยังมีข้อสังเกตถึงการลิดลอนสิทธิเจ้าของอำนาจอธิปไตยนี่ละเหตุที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงส . ให้กลับมามีจำนวน 500 คนโดยแบ่งเป็นเขต 375 คนและส . ส . แบบบัญชีรายชื่อ 125 คนและแม้จะต่างกับรัฐธรรมนูญ . 2540 แต่หลักการสำคัญกลับเหมือนกัน

375 คนหรือเขตนั้นในทางทฤษฎีอาจยังคงเป็นแบบเขตใหญ่แต่เป็นแบบเรียงเบอร์แต่ในทางปฏิบัติไม่ต่างกับเขตเดียวเบอร์เดียวเพียงแต่เปลี่ยนวิธีคำนวณการกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่โดยยึดค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 375คิดเป็น 1 ส .ส . สิทธิ์ของผู้กากบาทเลือกตั้งหนึ่งคนหนึ่งเสียงที่เชื่อกันว่าเสมอภาคและเท่าเทียมและจากส . ส .แบบสัดส่วนที่เคยส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร 8 กลุ่มที่คิดคะแนนจากกลุ่มจังหวัดให้ผู้สมัครใน 8 บัญชีที่เสนอเป็นการคิดคำนวณคะแนนจากทั้งประเทศแล้วให้ลำดับ 125 ผู้สมัครในบัญชีเดียวแต่ส . ส .ตามคะแนนที่ได้ said studies 10 ปีที่ผ่านมาแม้จะมีการปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งส . ส . เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหรือในช่วง 7 ปีนี้ที่กำลังจะมีการแก้ไขกันอีกครั้งเพื่อลดอุปสรรค

แต่เมื่อสรุปภาพรวมแล้วหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดูจะยังคงเดิมอยู่หากแต่การจัดการเลือกตั้งหรือบุคคลที่ผ่านเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งต่างหากที่เปลี่ยนแปลงไปและกลายเป็นปัญหาหรืออุปสรรคให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา

จากข้อสังเกตเรื่องหลักเกณฑ์และคนซึ่งเป็นที่มาของข้อเสนอข้อที่ 3 จาก 2 ข้อแรกในการกำหนดที่มาส . ส . นั้นคือการเสนอให้ส . ส .มีวาระละ 4 . และให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระค็อค 8 ปีเท่านั้นแต่ข้อเสนอทั้งหมดก็ยังไม่มีการสรุปรอสภาปฏิรูปประเทศสรุปแนวทางการปฏิรูปการเมืองอีกครั้ง
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: