where V0 is the charge voltage, R i

where V0 is the charge voltage, R is the ballast resistance,
and C is the stray capacitance of the electrode system. With
the time constant of 14 ms obtained from Fig. 2, the stray
capacitance is determined to be about 14 pF. In this case, the
discharge is an arc, however, the amount of plasma is not
sufficient for generating a long plasma torch. Therefore, a
low ballast resistance (20 k) is adopted in order to generate
a strong arc discharge between the electrodes. Consequently,
a high amount of plasma can be produced.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่ V0 เป็นแรงดันประจุ R คือ ความต้านทานบัลลาสต์และ C คือ ความจุจรจัดของระบบไฟฟ้า ด้วยค่าคงเวลาของ 14 ms ได้จาก 2 รูป การหลงทางความจุถูกกำหนดเป็นประมาณ 14 pF. ในกรณีนี้ การปล่อยเป็นส่วนโค้ง อย่างไรก็ตาม จำนวนของพลาสม่าไม่เพียงพอสำหรับการสร้างพลาสม่ายาวไฟฉาย ดังนั้น การความต้านทานต่ำบัลลาสต์ (20 k) ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการปล่อยอาร์คแรงระหว่างขั้วไฟฟ้า ดังนั้นสามารถผลิตเป็นจำนวนเงินสูงของพลาสม่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่ V0 คือแรงดันค่าใช้จ่าย R คือความต้านทานบัลลาสต์,
และ C คือความจุจรจัดของระบบไฟฟ้า ด้วย
เวลาคงที่ 14 มิลลิวินาทีที่ได้รับจากรูป 2, จรจัด
ความจุมุ่งมั่นที่จะอยู่ที่ประมาณ 14 pF ในกรณีนี้
ปล่อยเป็นโค้ง แต่ปริมาณของพลาสม่าที่ไม่
เพียงพอสำหรับการสร้างพลาสม่าไฟฉายยาว ดังนั้นการ
ต้านทานต่ำบัลลาสต์ (20 K?) ถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง
การปลดปล่อยโค้งที่แข็งแกร่งระหว่างขั้วไฟฟ้า ดังนั้น
จำนวนเงินที่สูงของพลาสม่าสามารถผลิตได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่การผลิเป็นแรงดันค่า R คือความต้านทาน อับเฉาและ C เป็นลังถึงของระบบอิเล็กโทรด กับเวลาคงที่ของ 14 MS ได้จากรูปที่ 2 , หลงทางความจุว่าจะเป็นประมาณ 14 pf . ในกรณีนี้การอาร์ค อย่างไรก็ตาม ปริมาณของพลาสมาไม่ได้เพียงพอสำหรับผลิตไฟฉายพลาสม่ายาว ดังนั้นต่ำต้านทานบัลลาสต์ ( 20 K ) ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างแข็งแรงโค้งจำหน่ายระหว่างขั้วไฟฟ้า จากนั้นปริมาณสูงของพลาสมาสามารถผลิต