In 47 countries around the world, i

In 47 countries around the world, it is illegal for a parent, teacher, or anyone else to spank a child, and 124 countries prohibit corporal punishment in schools.1 Yet in all of North America, physical punishment by a parent, as long as it is not severe, is still seen by many as necessary discipline, and condoned, or sadly, even encouraged.
For the past several years, many psychiatrists, sociological researchers, and parents have recommended that we seriously consider banning the physical punishment of children. The most important reason, according to Dr. Peter Newell, coordinator of the organization End Punishment of Children (EPOCH)2, is that "all people have the right to protection of their physical integrity, and children are people too."

Those in favor of spanking say it is an effective method of discipline and hasn’t been shown to damage children in the long run. Those against it argue that spanking can cause children to become violent later in life and may increase the chances that they will experience anxiety and depression.

Kids who are spanked are also at a higher risk for committing juvenile crime, assaulting other kids, being depressed as an adult and hitting their dating or marital partner.


Use Logical Consequences

Withdraw from Conflict


Inform Children Ahead of Time

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 47 ประเทศทั่วโลก มันผิดกฎหมายสำหรับผู้ปกครอง ครู หรือใครจะตีก้นเด็ก และประเทศ 124 ห้ามมิให้ลงโทษทางกายใน schools.1 แต่ในทั้งหมดของทวีปอเมริกาเหนือ ลงโทษทางกายภาพ โดยผู้ปกครอง ตราบใดที่มันไม่รุนแรง จะยังคงเห็นเป็นวินัยจำเป็น ปราบปราม หรือเศร้า ได้รับการสนับสนุนผ่านมาหลายปี จิตแพทย์ นักวิจัยสังคมวิทยา และหลายพ่อแม่ได้แนะนำว่า เราพิจารณาอย่างจริงจังห้ามโทษทางกายภาพของเด็ก เหตุผลสำคัญที่สุด ตามดร.ปีเตอร์ Newell ผู้ประสานงานขององค์กรสิ้นสุดการลงโทษของเด็ก (ยุค) 2 เป็นที่ "ทุกคนมีสิทธิที่จะปกป้องความสมบูรณ์ทางกายภาพ และเด็กกำเกินไป"ผู้ที่อยู่ในความโปรดปรานของตบบอกว่า มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพของวินัย และยังไม่ได้รับการแสดงเพื่อทำลายเด็กในระยะยาว ผู้กับมันเถียงว่า ตบอาจทำให้เด็กกลายเป็นความรุนแรงต่อไปในชีวิต และอาจเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะพบความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า เด็กที่จะตีได้ยังความเสี่ยงสูงสำหรับการกระทำอาชญากรรมเยาวชน โจมตีเด็กคนอื่น ๆ ความหดหู่เป็นผู้ใหญ่ และตีคู่สมรส หรือคู่ค้าใช้ผลเชิงตรรกะถอนตัวออกจากความขัดแย้งแจ้งเด็กข้างหน้าของเวลา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แห่งใน 47 ประเทศทั่วโลกก็เป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับผู้ปกครองครูหรือคนอื่นที่จะตบเด็กและ 124 ประเทศห้ามการลงโทษทางร่างกายใน schools.1 แต่ในทุกทวีปอเมริกาเหนือ, การลงโทษทางร่างกายโดยผู้ปกครองตราบใดที่ มันไม่ได้เป็นอย่างรุนแรงจะยังคงเห็นโดยมากเป็นวินัยที่จำเป็นและให้อภัยหรือเศร้ายังสนับสนุนให้.
เป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมาหลายจิตแพทย์นักวิจัยทางสังคมวิทยาและผู้ปกครองได้แนะนำว่าเราพิจารณาอย่างจริงจังห้ามการลงโทษทางร่างกายของเด็ก เหตุผลที่สำคัญที่สุดตามที่ดร. ปีเตอร์ Newell ผู้ประสานงานขององค์กรการลงโทษสิ้นสุดของเด็ก (กาล) 2 นั่นคือ "คนทุกคนมีสิทธิที่จะป้องกันความสมบูรณ์ทางกายภาพของพวกเขาและเด็กที่มีคนมากเกินไป."

ผู้ที่อยู่ในความโปรดปราน ของบบอกว่ามันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพของการมีวินัยและยังไม่ได้รับการแสดงเพื่อสร้างความเสียหายให้เด็กในระยะยาว ผู้ที่ต่อต้านมันเถียงตบที่สามารถทำให้เด็กที่จะกลายเป็นความรุนแรงต่อไปในชีวิตและอาจเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะได้สัมผัสกับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า.

เด็ก ๆ ที่ได้รับการลงโทษนอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับการก่ออาชญากรรมเด็กและเยาวชนทำร้ายเด็กคนอื่น ๆ ถูกกดดันเป็น ผู้ใหญ่และกดเดทหรือคู่สมรสของพวกเขา.


ใช้ผลตรรกะ

ถอนออกจากความขัดแย้ง


แจ้งเด็กก่อนเวลา