Can Religious People Occupy Public

Can Religious People Occupy Public Office?
Fundamentalists object that this view of the political process would exclude them from holding any public office. It would attempt to silence their First Amendment right to speak out on issues that concern themselves. Secularists, they assert, make it sound like a person is unfit to run for office by the very fact that the person is a member in good standing of a church.

This is not so, of course. The difference lies in the attitude the religious person holds toward his or her political duties. As John F. Kennedy said, when this question was raised about his Catholic faith and his duties if elected President:

"As a religious person, I am influenced in my moral attitudes by my religion, and this will affect my behavior as president. But I will in no way seek to use the powers of the state to force my religious and moral convictions upon people who do not share them."
And therein lies the essential difference. Of course! We would hope that every person we elect to public office would act under the influence of their moral attitudes and beliefs. One of the more important elements that enter into this choice is the public character and performance of the candidate. But this does not mean that an elected official should attempt to force his or her private religious convictions on others. When we see persons of a particular religious faith seeking public office on a certain platform couched in general moral terms, and then, upon being elected, trying to push through measures that promote religious practices because they believe those practices will produce the moral results, we are compelled to believe that those persons have a hidden agenda and have not been honest and forthright with the voting public. And this is the only thing that is really needed, the thing we have every right to demand: an honesty in a candidate's approach with a full disclosure of their intent, so that voters know what they are getting, and get what they voted for.

"The whole art of government consists in the art of being honest." --Thomas Jefferson: Rights of British America, 1774.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศาสนาประชาชนสามารถครอบครองสำนักงานสาธารณะFundamentalists วัตถุที่ มุมมองของกระบวนการทางการเมืองจะแยกพวกเขาจากถือสำนักงานสาธารณะใด ๆ มันจะพยายามเงียบขวาแก้ไขแรกพูดในประเด็นที่เกี่ยวข้องเอง Secularists พวกเขายืนยันรูป ทำเสียงเหมือนคนจะไม่เหมาะที่จะเรียกใช้ office โดยจริงอย่างที่ว่า คนที่เป็นสมาชิกในหลักฐานของโบสถ์ไม่มี ของหลักสูตร ความแตกต่างอยู่ในทัศนคติที่บุคคลทางศาสนาที่มีต่อหน้าที่ทางการเมืองของเขา หรือเธอ ขณะที่จอห์นเอฟเคนเนดี้กล่าวว่า เมื่อคำถามนี้ขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อคาทอลิกและหน้าที่ของเขาถ้ารับเลือกเป็นประธาน:"เป็นบุคคลทางศาสนา ฉันกำลังอิทธิพลในทัศนคติของฉันทางศีลธรรม โดยศาสนาของฉัน และจะมีผลต่อลักษณะการทำงานของฉันเป็นประธาน แต่ฉันจะในทางแสวงหาการใช้อำนาจของรัฐจะบังคับให้ฉันเรียนศาสนา และคุณธรรมตามคนที่แบ่งปันให้กัน"และ therein คือความแตกต่างที่สำคัญ แน่นอน! เราหวังว่า ทุกคนที่เราเลือกสาธารณะสำนักงานจะดำเนินการภายใต้อิทธิพลของความเชื่อทัศนคติคุณธรรม หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่เข้าสู่ทางเลือกนี้เป็นอักขระสาธารณะและประสิทธิภาพการทำงานของผู้สมัคร แต่นี้ไม่ได้หมายความ ว่า อย่างเป็นทางการป่าวควรพยายามบังคับให้เขา หรือเธอส่วนศาสนาเรียนคนอื่น โดยทั่วไปเมื่อเราเห็นคนเป็นเฉพาะศาสนาแสวงหาสำนักงานสาธารณะบนแพลตฟอร์ม couched เงื่อนไขคุณธรรม แล้ว เมื่อการเลือกตั้ง พยายามผลักดันผ่านมาตรการส่งเสริมปฏิบัติศาสนาเนื่องจากเชื่อว่า ผู้ปฏิบัติจะให้ผลลัพธ์ที่คุณธรรม เราจะได้ทำให้เชื่อว่า ท่านเหล่านั้นได้มีวาระซ่อนเร้น และไม่มีความซื่อสัตย์ และตรงไปตรงมากับประชาชนลงคะแนนเสียง และนี่คือสิ่งเดียวที่จำเป็นจริง ๆ สิ่งเรามีทุกขอ: อันความซื่อสัตย์ในแนวทางของผู้สมัครด้วยการเปิดเผยจุดประสงค์ของพวกเขา เต็มเพื่อให้รู้ว่าผู้ลงคะแนนจะได้รับ รับรู้ และสิ่งที่พวกเขาโหวตในการ"ศิลปะทั้งของรัฐบาลประกอบด้วยศิลปะการซื่อสัตย์" - Thomas Jefferson: สิทธิของอังกฤษอเมริกา 1774

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คนที่ทางศาสนาสามารถครอบครองสำนักงานสาธารณะ?
รากวัตถุที่มุมมองของกระบวนการทางการเมืองนี้จะแยกพวกเขาจากการถือใด ๆ สำนักงานสาธารณะ มันจะพยายามที่จะเงียบที่เหมาะสมก่อนการแก้ไขของพวกเขาจะพูดออกมาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง secularists พวกเขายืนยันให้เสียงเหมือนคนที่ไม่เหมาะที่จะใช้สำหรับสำนักงานจากความเป็นจริงมากว่าคนที่เป็นสมาชิกในสถานะที่ดีของคริสตจักร. นี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่นอน ความแตกต่างอยู่ในทัศนคติคนถือศาสนาที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ทางการเมืองของเขาหรือเธอ ขณะที่ John F. Kennedy กล่าวว่าเมื่อคำถามนี้ถูกยกขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อของเขาคาทอลิกและหน้าที่ของเขาถ้าการเลือกตั้งประธานาธิบดี: "ในฐานะที่เป็นคนเคร่งศาสนา, ฉันกำลังมีอิทธิพลต่อทัศนคติทางศีลธรรมของฉันโดยศาสนาของฉันและจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของฉันเป็นประธาน แต่. ผมจะไม่มีทางหาทางที่จะใช้อำนาจของรัฐที่จะบังคับความเชื่อทางศาสนาและทางศีลธรรมของเราเหนือคนที่ไม่ได้ใช้ร่วมกัน. "และอยู่ในนั้นแตกต่างที่สำคัญ แน่นอน! เราหวังว่าทุกคนที่เราเลือกที่จะสำนักงานสาธารณะจะทำหน้าที่ภายใต้อิทธิพลของทัศนคติทางศีลธรรมของพวกเขาและความเชื่อ หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญมากที่ใส่ลงไปในทางเลือกนี้เป็นตัวละครที่สาธารณะและประสิทธิภาพการทำงานของผู้สมัคร แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการควรพยายามที่จะบังคับให้ศาสนาความเชื่อมั่นของเขาหรือเธอส่วนตัวกับคนอื่น ๆ เมื่อเราเห็นคนที่มีความเชื่อทางศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังมองหาสำนักงานสาธารณะบนแพลตฟอร์มบางสำนวนในแง่ศีลธรรมทั่วไปและจากนั้นเมื่อได้รับการเลือกตั้งพยายามที่จะผลักดันผ่านมาตรการที่ส่งเสริมการปฏิบัติทางศาสนาเพราะพวกเขาเชื่อว่าการปฏิบัติเหล่านั้นจะให้ผลลัพธ์ที่มีคุณธรรมเรา จะถูกบังคับให้เชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นมีวาระซ่อนเร้นและไม่ได้รับความซื่อสัตย์และตรงไปตรงกับประชาชนออกเสียงลงคะแนน และนี่คือสิ่งเดียวที่มีความจำเป็นจริงๆสิ่งที่เรามีสิทธิที่จะทุกความต้องการ: ความซื่อสัตย์สุจริตในแนวทางของผู้สมัครที่มีการเปิดเผยข้อมูลเต็มรูปแบบของความตั้งใจของพวกเขาเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้รับและได้รับสิ่งที่พวกเขาลงคะแนนให้"ศิลปะทั้งของรัฐบาลประกอบด้วยในงานศิลปะของความซื่อสัตย์." --Thomas เจฟเฟอร์สัน: สิทธิของอังกฤษอเมริกา 1774

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สามารถศาสนาคนครอบครองสำนักงานสาธารณะ ?
fundamentalists วัตถุมุมมองนี้ของกระบวนการทางการเมืองที่จะแยกพวกเขาจากถือใด ๆสาธารณะสำนักงาน มันพยายามที่จะเงียบถูกแก้ไขครั้งแรกของพวกเขาที่จะพูดในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง secularists พวกเขาอ้างทำเสียงเหมือนคน ไม่เหมาะที่จะทำงานสำหรับสำนักงานโดยความจริงที่ว่าคนที่เป็นสมาชิกในสถานะที่ดีของคริสตจักรที่ .

นี้ไม่ได้แน่นอน ความแตกต่างอยู่ในทัศนคติของบุคคลทางศาสนาถือต่อ ของเขาหรือเธอ หน้าที่ทางการเมือง ขณะที่ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ กล่าวว่า เมื่อคำถามนี้ถูกยกขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อคาทอลิกของเขาและหน้าที่ของเขา ถ้าเลือกประธาน :

" เป็นคนศาสนาผมได้รับอิทธิพลในทัศนคติเชิงจริยธรรมของฉัน ศาสนาของฉัน และนี้จะมีผลต่อพฤติกรรมของฉันเป็นประธาน แต่ผมจะไม่พยายามที่จะใช้อำนาจของรัฐที่จะบังคับความเชื่อทางศาสนาและคุณธรรมแก่คนที่ไม่ใช้ของฉัน "
" โกหกและความแตกต่างที่สำคัญ . แน่นอน !เราก็หวังว่า ทุกๆ คน เราเลือกให้ราชการจะกระทำภายใต้อิทธิพลของทัศนคติ คุณธรรม จริยธรรม และ ความเชื่อ หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่ระบุในตัวเลือกนี้คือตัวละครสาธารณะและความสามารถของผู้สมัคร แต่นี้ไม่ได้หมายความว่าการเลือกข้าราชการควรพยายามที่จะบังคับความเชื่อทางศาสนาของเขาหรือเธอ ส่วนคนอื่น ๆเมื่อเราเห็นคนศรัทธาในศาสนาโดยเฉพาะการสำนักงานสาธารณะบนแพลตฟอร์มบางสำนวนในแง่จริยธรรมทั่วไปแล้ว เมื่อมีการเลือก พยายามผลักดันมาตรการส่งเสริมการปฏิบัติทางศาสนา เพราะพวกเขาเชื่อว่าการปฏิบัตินั้นจะผลิตผลทางจริยธรรมเราถูกบังคับให้เชื่อว่า บุคคลเหล่านั้น มีวาระซ่อนเร้น และไม่ได้ถูกซื่อสัตย์และตรงไปตรงมากับประชาชนที่มีสิทธิออกเสียง . และนี่คือสิ่งเดียวที่ต้องการจริงๆ สิ่งที่เราทุกคนมีสิทธิที่จะเรียกร้อง : ความซื่อสัตย์ในผู้สมัครเข้าใกล้กับการเปิดเผยข้อมูลเต็มรูปแบบของความตั้งใจของพวกเขา ดังนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้รับและได้รับสิ่งที่พวกเขาโหวต

" ศิลปะทั้งหมดของรัฐบาลประกอบด้วยในศิลปะของการซื่อสัตย์ . " -- โทมัสเจฟเฟอร์สัน : สิทธิของอังกฤษอเมริกา 1774 .