หลักการใช้ Present Simple Tense
การใช้ Present Simple Tense มีวิธีใช้ดังนี้ คือ
1. เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น
The earth moves round the sun.
Tigers are dangerous animals.
John is the youngest son.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัย ในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย คือ always, sometimes, generally, often, every day, every week, every month, etc. เช่น
My son sometimes plays tennis with his father.
He always gets up at eight o’clock.
The bus comes every ten minutes.
ในประโยคปฏิเสธ (Negative Form)มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ
1. ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น (can, may, must, will, shall) สามารถเติม not หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันที เช่น
She is a teacher. → She is not a teacher.
I can play baseball. → I cannot play baseball./ I can’t play baseball.
2. ในประโยค Present Simple Tense ที่ไม่มี Verb to be หรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ
2.1 ใช้ do not หรือ don’t (รูปย่อของ do not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ ที่ไม่ได้เติม s, es เช่น
We walk to school every day.
เป็น We do not walk to school every day.
หรือ We don’t walk to school every day.
The children always make a loud noise.
เป็น The children do not always make a loud noise.
หรือ The children don’t always make a loud noise.
2.2 ใช้ does not หรือ doesn’t (รูปย่อของ does not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s, es โดยตัด sหรือ es ก่อน เช่น
The baby sleeps well every night.
เป็น The baby does not sleeps well every night.
หรือ The baby doesn’t sleeps well every night.
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s, es ออก แล้วกลับมา ใช้ตัวเดิมก่อน เช่น
The baby cries every night.
เป็น The baby does not cry every night.
หรือ The baby doesn’t cry every night.
(ในที่นี้จะต้องตัด ies ออกก่อนแล้วกลับมาเติม y เหมือนเดิม เมื่อใช้ does not เช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน)
ในประโยคคำถาม (Interrogative Form) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ
1. ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be หรือกริยาช่วยตัวอื่นๆ ให้นำเอาคำกริยาช่วยในประโยค มาวางไว้หน้าประธาน แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น
You are a nurse. → Are you a nurse?
They can speak English. → Can they speak English?
2. ในประโยค Present Simple Tense ที่ไม่มี Verb to be หรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้
2.1 ใช้ do วางไว้หน้าประธาน (พหูพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้เติม s, es แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค
We have lunch at twelve. → Do we have lunch at twelve?
Susan and I play tennis every day. → Do Susan and I play tennis every day?
2.2 ใช้does วางไว้หน้าประธาน (เอกพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติม s, es โดยตัด s, es ออกเสียก่อน แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค
He often goes to the beach. → Does he often go to the beach?
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางตัวต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s และ es ออก แล้วกลับมาใช้รูปเดิมของคำกริยาเสียก่อนที่จะใช้ does วางไว้หน้าประธานของประโยค เช่น
Jennifer tries to climb the mountain. → Does Jennifer try to climb the mountain?
หมายเหตุ ลักษณะของคำถามแบบนี้ จะต้องตอบด้วย Yes. หรือ No.
Tag : หลักการใช้, Present, Simple, Tense
หลักการใช้อยู่เครียดง่ายการใช้คือมีวิธีใช้ดังนี้เครียดง่ายอยู่1. เช่นเมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง การเคลื่อนไหวของโลกรอบพระอาทิตย์ เสือเป็นสัตว์ที่เป็นอันตราย จอห์นเป็นบุตรชายคนสุดท้อง 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำเป็นนิสัยในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วยคือเสมอ บาง ครั้ง ทั่วไป มักจะ ทุกวัน ทุก สัปดาห์ ทุกเดือน ฯลฯ เช่น ลูกชายของฉันบางครั้งเล่นเทนนิสกับพ่อของเขา เขามักจะได้ค่าที่แปดนาฬิกา รถจะมาทุกสิบนาที คือมีหลักการเปลี่ยนดังนี้ในประโยคปฏิเสธ (ลบแบบฟอร์ม) 1. ประโยคปัจจุบันที่มีเครียดง่ายกริยาจะ สามารถ อาจ ต้อง จะ ต้อง) กริยาช่วยตัวอื่นหรือสามารถเติมไม่หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันทีเช่น เธอเป็นครู →ที่เธอไม่ได้เป็นครู ฉันสามารถเล่นเบสบอล →ไม่สามารถเล่นเบสบอล / เล่นเบสบอล 2. ในประโยคอยู่ที่ไม่มีเครียดง่ายกริยาจะ หรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ 2.1 ใช้ทำไม่ได้หรือไม่ (รูปย่อของไม่วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่ไม่ได้เติม s, es เช่น เราเดินไปโรงเรียนทุกวัน ความที่เราไม่เดินไปโรงเรียนทุกวัน หรือเราไม่เดินไปโรงเรียนทุกวัน นอกจากนี้เด็กเสมอทำให้เสียงดัง ความที่เด็กมักจะทำให้เสียงดัง หรือเด็กไม่เสมอทำให้เสียงดัง 2.2 ใช้ไม่ได้หรือไม่ (รูปย่อของไม่ได้) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s, es โดยตัด sหรือ es ก่อนเช่น ทารกนอนด้วยทุกคืน ความที่เด็กไม่ได้นอนด้วยทุกคืน หรือทารกไม่นอนด้วยทุกคืน ในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s, es ออกแล้วกลับมาใช้ตัวเดิมก่อนเช่น ทารกร้องไห้ทุกคืน ความทารกร้องไห้ทุกคืน หรือเด็กไม่ร้องไห้ทุกคืน (ไม่ในที่นี้จะต้องตัด ies ออกก่อนแล้วกลับมาเติม y เหมือนเดิมเมื่อใช้ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกันเช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่น ๆ ไม่ได้) คือมีหลักการเปลี่ยนดังนี้ในประโยคคำถาม (Interrogative แบบฟอร์ม) 1. ประโยคปัจจุบันที่มีเครียดง่ายกริยาจะ หรือกริยาช่วยตัวอื่น ๆ ให้นำเอาคำกริยาช่วยในประโยคมาวางไว้หน้าประธานแล้วใส่เครื่องหมายคำถามเช่น คุณเป็นพยาบาล คุณพยาบาลใจ→ พวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษ →พวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษ 2. ในประโยคอยู่ที่ไม่มีเครียดง่ายกริยาจะ หรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้ 2.1 ใช้ทำวางไว้หน้าประธาน (พหูพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้เติม s, es แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค เรามีอาหารกลางวันที่สิบสอง →เรามีอาหารกลางวันที่สิบสองหรือไม่ ซูซานและเล่นเทนนิสทุกวัน →ซูซานทำและเล่นเทนนิสทุกวัน 2.2 ใช้does วางไว้หน้าประธาน (เอกพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติม s, es โดยตัด s, es ออกเสียก่อนแล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค เขามักจะไปชายหาด →ไม่เขามักจะไปชายหาด ในกรณีที่คำกริยาแท้บางตัวต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s และ es ออกแล้วกลับมาใช้รูปเดิมของคำกริยาเสียก่อนที่จะใช้ไม่วางไว้หน้าประธานของประโยคเช่น เจพยายามปีน →ไม่เจพยายามปีนหมายเหตุลักษณะของคำถามแบบนี้จะต้องตอบด้วยได้ หมายเลขแท็ก: หลักการใช้ ปัจจุบัน ง่าย เครียด
การแปล กรุณารอสักครู่..

หลักการใช้ปัจจุบันง่าย Tense
การใช้ปัจจุบันง่าย Tense มีวิธีใช้ดังนี้คือ
1 เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น
ย้ายโลกรอบดวงอาทิตย์.
เสือเป็นสัตว์ที่เป็นอันตราย.
จอห์นเป็นลูกชายคนสุดท้อง.
2 ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัยในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วยคือ เสมอบางครั้งโดยทั่วไปมักจะทุกวันทุกสัปดาห์ทุกเดือนและอื่น ๆ เช่น
ลูกชายของฉันบางครั้งเล่นเทนนิสกับเขา พ่อ.
เขามักจะได้รับการขึ้นที่ 8:00.
รถบัสมาทุกสิบนาที.
ในประโยคปฏิเสธ (แบบลบ) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้คือ
1 ประโยคปัจจุบันง่าย Tense ที่มีกริยาจะเป็นหรือกริยาช่วยตัวอื่น (สามารถอาจจะต้องจะต้อง) ไม่สามารถเติมหลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันที เช่น
เธอเป็นครู →เธอไม่ได้เป็นครู.
ฉันสามารถเล่นเบสบอล →ฉันไม่สามารถเล่น baseball./ ฉันไม่สามารถเล่นเบสบอล.
2 ในปัจจุบันประโยคง่าย Tense ที่ไม่มีคำกริยาจะเป็นหรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ
2.1 ใช้ทำไม่ได้หรือทำไม่ได้ (รูปย่อของไม่) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่ไม่ ได้เติม s, es เช่น
เราเดินไปโรงเรียนทุกวัน.
เป็นเราไม่ได้เดินไปโรงเรียนทุกวัน.
หรือเราไม่ได้เดินไปโรงเรียนทุกวัน.
เด็กเสมอให้เสียงดัง.
เป็นเด็กไม่เคยทำให้เสียงดัง .
หรือเด็กที่ไม่เคยทำให้เสียงดัง.
2.2 ใช้ไม่ได้หรือไม่ได้ (รูปย่อของไม่ได้) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s, ES โดยตัด s หรือ ES ก่อนเช่น
ทารกนอนหลับได้ดี ทุกคืน.
เป็นทารกไม่ได้นอนกันทุกคืน.
หรือทารกไม่ได้นอนกันทุกคืน.
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, ES จะต้องตัด s, ES ออกแล้วกลับ มาใช้ตัวเดิมก่อนเช่น
ทารกร้องไห้ทุกคืน.
เป็นทารกไม่ร้องไห้ทุกคืน.
หรือทารกไม่ร้องไห้ทุกคืน.
(ในที่นี้จะต้องตัด IES ออกก่อนแล้วกลับมาเติม Y เหมือนเดิมเมื่อใช้ ไม่ได้เช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่น ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน )
ในประโยคคำถาม (Interrogative แบบฟอร์ม) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้คือ
1 ประโยคปัจจุบันง่าย Tense ที่มีกริยาจะเป็นหรือกริยาช่วยตัวอื่น ๆ ให้นำ เอาคำกริยาช่วยในประโยคมาวางไว้หน้าประธานแล้วใส่เครื่องหมายคำถามเช่น
คุณเป็นพยาบาล →คุณพยาบาล?
พวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ →พวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ไหม
2 ในประโยคปัจจุบันง่าย Tense ที่ไม่มีคำกริยาจะเป็นหรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้
2.1 ใช้ทำวางไว้หน้าประธาน (พหูพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้ เติม S, ES แล้วใส่เครื่องหมาย คำถามท้ายประโยค
เรามีอาหารกลางวันที่สิบสอง →เรามีอาหารกลางวันที่สิบสอง?
ซูซานและผมเล่นเทนนิสทุกวัน →ทำซูซานและผมเล่นเทนนิสทุกวัน?
2.2 ใช้ไม่วางไว้หน้าประธาน (เอกพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติม S, ES โดยตัด S, ES ออกเสียก่อนแล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้าย ประโยค
เขามักจะไปที่ชายหาด . → แต่เขามักจะไปที่ชายหาด?
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางตัว ต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม S, ES จะต้องตัด s และ ES ออกแล้วกลับมาใช้รูปเดิมของ คำกริยาเสียก่อนที่จะใช้ ไม่ได้วางไว้ หน้าประธานของประโยคเช่น
เจนนิเฟอร์พยายามที่จะปีนขึ้นไปบนภูเขา →เจนนิเฟอร์ไม่พยายามที่จะปีนภูเขาหรือไม่
หมายเหตุลักษณะของคำถามแบบนี้จะต้อง ตอบด้วย ใช่ หรือเลขที่
Tag: หลักการใช้ปัจจุบันง่ายเครียด
การแปล กรุณารอสักครู่..

หลักการใช้ปัจจุบันกาลการใช้ปัจจุบันกาลมีวิธีใช้ดังนี้ความ1 . เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริงเช่นโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เสือเป็นสัตว์อันตรายจอห์น เป็นลูกชายคนเล็ก2 . ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำเป็นนิสัยในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วยความเสมอ บางครั้ง มัก มัก ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ฯลฯ เช่นลูกชายของฉันบางครั้งเล่นเทนนิสกับพ่อเขาเขามักจะตื่นนอนตอน 8 โมงรถจะมาทุกๆสิบนาทีในประโยคปฏิเสธ ( รูปแบบเชิงลบ ) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ความ1 . ประโยคปัจจุบันกาลที่มีกริยาเป็นค็อคกริยาช่วยตัวอื่น ( สามารถ อาจ จะ จะ จะ ) สามารถเติมไม่หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันทีเช่นเธอเป็นครู → keyboard - key - name เธอไม่ใช่ครูผมสามารถเล่นเบสบอล → keyboard - key - name ผมไม่สามารถเล่นเบสบอลได้ ผมไม่สามารถเล่นเบสบอล2 . ในประโยคปัจจุบันกาลที่ไม่มีกริยาจะหรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ2.1 ใช้ไม่ค็อคไม่ ( รูปย่อของไม่ได้ ) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่ไม่ได้เติม s , es เช่นเราเดินไปโรงเรียนทุกวันเป็นเราไม่เดินไปโรงเรียนทุกวันค็อค เราไม่ต้องเดินไปโรงเรียนทุกวันเด็กชอบทำเสียงดังเป็นเด็กไม่ทำให้เสียงดังค็อคเด็กมักจะไม่ส่งเสียงดัง2.2 ใช้ไม่ได้ค็อคไม่ได้ ( รูปย่อของไม่ได้ ) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s , es โดยตัด s es ก่อนเช่นค็อคเด็กหลับสบายทุกคืนเป็นทารกไม่นอนด้วยทุกคืนค็อคลูกไม่ได้หลับสบายทุกคืนในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s , es จะต้องตัด s , es ออกแล้วกลับมาใช้ตัวเดิมก่อนเช่นทารกร้องไห้ทุกคืนเป็นทารกไม่ร้องไห้ทุกคืนค็อคลูกไม่ร้องไห้ทุกคืน( ในที่นี้จะต้องตัด IES ออกก่อนแล้วกลับมาเติม Y เหมือนเดิมเมื่อใช้ไม่ได้เช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่นๆที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน )ในประโยคคำถาม ( รูปแบบประโยคคำถาม ) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ความ1 . ประโยคปัจจุบันกาลที่มีกริยาจะหรือกริยาช่วยตัวอื่นๆให้นำเอาคำกริยาช่วยในประโยคมาวางไว้หน้าประธานแล้วใส่เครื่องหมายคำถามเช่นคุณเป็นพยาบาล → keyboard - key - name คุณพยาบาลพวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ → keyboard - key - name สามารถพูดภาษาอังกฤษ2 . ในประโยคปัจจุบันกาลที่ไม่มีกริยาจะหรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้2.1 ใช้ทำวางไว้หน้าประธาน ( พหูพจน์ ) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้เติม s , es แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยคเราทานอาหารกลางวันที่ 12 → keyboard - key - name เราทานอาหารกลางวันที่ 12 ?ซูซาน ผมเล่นเทนนิสทุกวัน → keyboard - key - name แล้วซูซานและฉันเล่นเทนนิสทุกวัน2.2 ใช้ไม่วางไว้หน้าประธาน ( เอกพจน์ ) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติม s , es โดยตัด s , es ออกเสียก่อนแล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยคเขามักจะไปที่ชายหาด → keyboard - key - name เค้าไปบ่อย ๆ
การแปล กรุณารอสักครู่..
