THE DARA PIROM PALACE MUSEUM locate

THE DARA PIROM PALACE MUSEUM located in the Dara Rasamee Border Patrol Police Camp in Mae Rim District in Chiangmai Province opened to the public on December 9, in remembrance of the day of the Princess' passing in 1933.

The Dara Pirom Palace was built after King Vajiravudh (or Rama VI) gave the petition to Jao Dara Rasamee to return to her childhood home city of Chiangmai after King Chulalongkorn (Rama V) passed away. Jao Dara Rasamee used her home at the palace to perform many good deeds in the fields of agriculture, culture and the arts. She also supported Buddhism and was a major influence in developing Lanna's handicrafts which are still making Chiangmai famous today.

She had her own experimental farm called "Suan Jao Sabuy" where she developed her strong interest in agriculture and helping the farmers in the North. She started planting new species of roses which she had obtained from an England Rose Club of which she was an avid member. Her favorite species of rose was a large pink with a strong fragrance. She named the rose in remembrance of her Royal husband ("Chulalongkorn") before the King had passed away. In her will, Jao Dara Rasamee passed her property to her descendants. Later, Chulalongkorn University purchased the property from them.

Jao Dara Rasamee was the King's favorite concubine not only because she was very charming but also because she was instrumental in building a good relationship between the Chakri dynasty of Siam and the Lanna dynasty in the North. Dara Pirom Palace of Jao Dara Rasamee is a great heritage that is protected by the Chulalongkorn University. The University thought it was very important to renovate the Dara Pirom Palace and restore it to its former splendor and to establish a museum as a visual reminder to the younger generation about how greatly Jao Dara Rasamee influenced the political atmosphere of her time with her diplomacy, promoting of the arts and pioneering agriculture methods.

By October 1998, the Dara Pirom Palace was considerably worn down but the building structure is still strong and the architectural design stands out clearly. The palace has been used as a case study of buildings that have Western architectural influence in Thailand. As part of the renovation, the entire exterior and interior of the palace have been repainted in their original colors and the gardens have been recreated to restore the atmosphere of the original palace gardens.

Chulalongkorn University cooperated with members of the Royal Lanna family to collect various things that Jao Dara Rasamee used in her life. Working together, they were able to recover some 270 pieces of furniture, decorative items, and personal effects of the princess which had previously adorned the original palace. These items are now on display showing the typical palace decor at the time of her life.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดาราภิรมย์สพระราชวังพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในชายแดน dara ลาดตระเวนรัศมีค่ายตำรวจในอำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่เปิดให้ประชาชนเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมในความทรงจำของวันที่ผ่านเจ้าหญิงใน 1933.

ดาราภิรมย์สพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากที่กษัตริย์วชิราวุธ (หรือพระรามหก) ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้เจ้าดารารัศมีจะกลับไปยังเมืองบ้านเกิดของเธอในวัยเด็กของเชียงใหม่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า (จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ล่วงลับไปแล้ว เจ้าดารารัศมีที่ใช้ในบ้านของเธอที่พระราชวังจะดำเนินการกระทำที่ดีมากในด้านของการเกษตรวัฒนธรรมและศิลปะเธอยังได้รับการสนับสนุนพระพุทธศาสนาและเป็นอิทธิพลสำคัญในการพัฒนาหัตถกรรมล้านนาซึ่งยังคงทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีชื่อเสียงในวันนี้.

เธอมีฟาร์มทดลองของเธอเองที่เรียกว่า "สวนเจ้าสบาย" ที่เธอพัฒนาความสนใจที่แข็งแกร่งของเธอในการเกษตรและการช่วยเหลือเกษตรกรในภาคเหนือ .เธอเริ่มปลูกสายพันธุ์ใหม่ของดอกกุหลาบที่เธอได้รับจากสโมสรอังกฤษกุหลาบซึ่งเธอเป็นสมาชิกตัวยง สายพันธุ์ที่ชื่นชอบของเธอคือกุหลาบสีชมพูขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นหอมที่แข็งแกร่ง เธอตั้งชื่อดอกกุหลาบในความทรงจำของสามีของเธอพระราช ("จุฬาลงกรณ์") ก่อนที่กษัตริย์ได้ล่วงลับไปแล้ว ในตัวเธอจะเจ้าดารารัศมีผ่านสถานที่ให้บริการของเธอเพื่อลูกหลานของเธอ ต่อมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซื้อทรัพย์สินจากพวกเขา.

รัศมีเจ้า dara เป็นนางสนมคนโปรดของกษัตริย์ไม่เพียงเพราะเธอเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก แต่ยังเพราะเธอเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างราชวงศ์จักรีแห่งสยามและล้านนาในราชวงศ์เหนือดาราภิรมย์สวังของเจ้าดารารัศมีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ดีที่มีการป้องกันโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพื่อบูรณะพระราชวังดาราภิรมย์สและเรียกคืนไปยังความงดงามของอดีตและสร้างพิพิธภัณฑ์เป็นตัวเตือนภาพเพื่อรุ่นน้องอย่างมากเกี่ยวกับวิธีการเจ้าดารารัศมีมีอิทธิพลต่อบรรยากาศทางการเมืองของเวลาของเธอกับการเจรจาต่อรองของเธอ การส่งเสริมศิลปะและวิธีการที่เป็นผู้บุกเบิกการเกษตร.

โดยตุลาคม 1998,ดาราภิรมย์สพระราชวังสวมลงอย่างมาก แต่โครงสร้างอาคารที่ยังคงแข็งแกร่งและการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด พระราชวังถูกนำมาใช้เป็นกรณีศึกษาของอาคารที่มีอิทธิพลสถาปัตยกรรมตะวันตกในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุง,ทั้งภายนอกและภายในของพระราชวังได้รับการทาสีในสีเดิมของพวกเขาและสวนได้รับการสร้างขึ้นเพื่อเรียกคืนบรรยากาศของสวนในพระราชวังเดิม.

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความร่วมมือกับสมาชิกของพระราชวงศ์ล้านนาในการเก็บรวบรวมสิ่งต่างๆที่ dara Jao รัศมีที่ใช้ในชีวิตของเธอ การทำงานร่วมกัน,พวกเขาก็สามารถที่จะกู้คืนบางส่วน 270 ชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งและของใช้ส่วนตัวของเจ้าหญิงซึ่งได้ประดับก่อนหน้าพระราชวังเดิม รายการเหล่านี้อยู่ในขณะนี้บนจอแสดงผลแสดงให้เห็นถึงการตกแต่งพระราชวังทั่วไปที่เวลาในชีวิตของเธอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พิพิธภัณฑ์พาภิรมย์ดาราที่อยู่ในค่ายตำรวจตระเวนชายแดนของดารา Rasamee ในอำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่เปิดสาธารณะบน 9 ธันวาคม ในรำลึกวันโตของเจ้าหญิงในปี 1933

ดาราภิรมย์วังถูกสร้างขึ้นหลังจากที่กษัตริย์วชิราวุธ (หรือพระรามหก) ให้คำขอ Rasamee ดาราเจ้ากลับเธอเด็กบ้านเมืองเชียงใหม่หลังมหาจุฬาลงกรณ์ (จุลจอมเกล้า) สวรรคต Rasamee ดาราเจ้ากันเธอบ้านที่วังจะทำความดีมากในด้านของศิลปะ และวัฒนธรรม เกษตร เธอยังสนับสนุนพระพุทธศาสนา และมีอิทธิพลสำคัญในการพัฒนาหัตถกรรมของล้านนาซึ่งจะยังคงทำให้เชียงใหม่มีชื่อเสียงวันนี้

เธอมีฟาร์มทดลองของตนเองเรียกว่า "สวนเจ้าสบาย" ที่เธอพัฒนาสนใจเธอแข็งแรงในการเกษตรและช่วยเหลือเกษตรกรในภาคเหนือ เธอเริ่มต้นปลูกใหม่พันธุ์กุหลาบที่เธอได้รับจากคลับกุหลาบอังกฤษที่ซึ่งเธอเป็นสมาชิกชอบ พันธุ์กุหลาบของเธอชื่นชอบคือ สีชมพูขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอมแรง เธอชื่อโรสในรำลึกของสามีรอยัล ("จุฬาลงกรณ์") ก่อนที่พระมหากษัตริย์ได้ผ่านไป ในเธอจะ เจ้าดารา Rasamee ผ่านคุณสมบัติของเธอกับลูกหลานของเธอ ภายหลัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซื้อทรัพย์สินจากการ

Rasamee ดาราเจ้าไม่โปรดทาสีดอก เพราะเธอเสน่ห์มากแต่ เพราะเธอเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์จักรีของสยามและราชวงศ์ล้านนาในภาคเหนือ ดาราภิรมย์พาเลซของเจ้าดารา Rasamee เป็นมรดกดีที่ได้รับการป้องกัน โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยคิดว่า มันเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อเงินก้อนดาราภิรมย์วัง และคืนค่าให้งดงามของอดีต และสร้างพิพิธภัณฑ์เป็นคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับวิธีอย่างเจ้าดารา Rasamee อิทธิพลในบัดดลเธอเวลาของเธอการทูต ส่งเสริมศิลปะ และบุกเบิกเกษตรวิธีการเตือนภาพ

โดยเดือน 2541 ตุลาคม ดาราภิรมย์วังถูกสวมลงมาก แต่โครงสร้างอาคารจะยังคงแข็งแกร่ง และเด่นชัดเจน พาเลซมีการใช้เป็นกรณีศึกษาอาคารที่มีอิทธิพลสถาปัตยกรรมตะวันตกในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ทั้งภายนอกและภายในพระราชวังมีการวาดใหม่ในสี และสวนได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้คืนค่าบรรยากาศของเดิมพระราชวังสวน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมมือกับสมาชิกในครอบครัวรอยัลล้านนาเพื่อรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตของเธอ Rasamee ของดาราเจ้า ทำงานร่วมกัน พวกเขาก็สามารถกู้คืนบางชิ้น 270 ของเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่ง และทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าหญิงซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประดับพระราชวังเดิม สินค้าเหล่านี้ก็อยู่บนจอแสดงผลแสดงการตกแต่งวังทั่วไปในชีวิตของเธอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดารา ภิรมย์ Palace Museum ที่ตั้งอยู่ในดารา rasamee ตำรวจตระเวนชายแดนค่ายพักแรมใน อำเภอ แม่ริมจังหวัดเชียงใหม่เปิดให้บริการแก่สาธารณะในวันที่ 9 ธันวาคมในความทรงจำของวันที่ของ'สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงผ่านในปี 1933 .

ดารา ภิรมย์ พระราชวังได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๔๖๖(หรือสมเด็จพระรามาธิบดี)ทำให้คำร้องที่จะซึ่งดารา rasamee เพื่อกลับไปยังเมืองหลักในวัยเด็กของเธอของเชียงใหม่หลังจากกษัตริย์จุฬาลงกรณ์( Rama V )อยู่ห่างออกไปในระยะทางเดินผ่านไป ซึ่งดารา rasamee ใช้บ้านของเธอที่พระราชวังที่จะทำที่ดีจำนวนมากในฟิลด์ของวัฒนธรรมการเกษตรและศิลปะเธอยังได้สนับสนุนพระพุทธศาสนาและมีอิทธิพลที่สำคัญในการพัฒนางานฝีมือของล้านนาซึ่งเป็นการทำให้จ.เชียงใหม่ในวันนี้ยังคงมีชื่อเสียง.

เธอมีฟาร์มทดลองของเธอเรียกว่า"สวนซึ่ง sabuy "ที่เธอพัฒนาความสนใจของเธอในด้านการเกษตรและการช่วยเกษตรกรที่อยู่ในด้านทิศเหนือเธอเริ่มปลูกสายพันธุ์ใหม่ของกุหลาบที่เธอได้รับจากประเทศอังกฤษก็ลุกขึ้นยืน Club ซึ่งเธอเป็นสมาชิกคนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ สายพันธุ์ที่ชื่นชอบของเธอขึ้นเป็นสีชมพูขนาดใหญ่ที่พร้อมด้วยกลิ่นหอมแรง เธอมีชื่อว่าเพิ่มขึ้นที่อยู่ในความทรงจำของสามี("จุฬาลงกรณ์")ของเธอก่อนที่มีกษัตริย์ที่อยู่ห่างออกไปในระยะทางเดินผ่านไปมา ในจะของเธอซึ่งดารา rasamee ผ่านที่พักของเธอที่จะอยู่ข้างใต้ลงไปอีกเธอ ใน ภายหลังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดซื้อที่พักจากพวกเขาได้

rasamee ดาราซึ่งเป็น ภรรยา น้อยที่ชื่นชอบของกษัตริย์ที่ไม่เพียงเพราะเธอก็มีเสน่ห์สวยงามเป็นอย่างมากแต่ยังเป็นเพราะเธอเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างราชวงศ์จักรีซึ่งของสยามและราชวงศ์ล้านนาที่อยู่ทางตอนเหนือดารา ภิรมย์ วังไทรทองดารา rasamee เป็นมรดกที่ดีเยี่ยมซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ที่มหาวิทยาลัยจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำใหม่ที่ดารา ภิรมย์ พระราชวังและคืนค่ากลับสู่ที่เดิมและความสง่างามในการจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑ์ เป็น ภาพ การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการที่คนรุ่นใหม่เกี่ยวกับวิธีการเป็นอย่างมากซึ่งดารา rasamee ได้รับอิทธิพลทางการเมืองบรรยากาศของเธออยู่ตลอดเวลาพร้อมด้วยของเธอทางการทูต,การส่งเสริมการจัดแสดงผลงานทางศิลปะที่คิดค้นขึ้นและการเกษตรวิธีการ.

โดยเดือนตุลาคม 1998 ,ดารา ภิรมย์ พระราชวังได้ถูกสวมใส่ลงไปอย่างมากแต่โครงสร้างอาคารที่ยังคงแข็งแกร่งและการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นออกมาได้อย่างชัดเจน พระราชวังที่มีการใช้เป็นกรณีศึกษาของอาคารที่มีอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงพื้นที่ใหม่ทั้งด้านนอกและด้านในของพระราชวังได้รับการเพิ่งทาสีในแบบดั้งเดิมและใช้โทนสีที่สวนได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ในการเรียกคืนโปรแกรมให้มีบรรยากาศของพระราชวังสวน.

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความร่วมมือกับสมาชิกในครอบครัวที่ใช้ในพระราชล้านนาในการเก็บรวบรวมต่างๆซึ่งสิ่งที่ดารา rasamee ใช้ในชีวิตเธอ. การทำงานร่วมกันพวกเขาสามารถที่จะกู้คืน 270 บางชิ้นของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของเพื่อการตกแต่งของใช้ส่วนตัวของเจ้าหญิงซึ่งได้รับการตกแต่งแบบดั้งเดิมที่พระราชวังเดิม รายการเหล่านี้มีการตกแต่งตามแบบพระราชวังในช่วงที่มีชีวิตของเธอไปแล้วในจอแสดงผล