2.1 Steam Turbine Cogeneration Syst

2.1 Steam Turbine Cogeneration System
Steam turbines are one of the most versatile and oldest prime mover technologies still in
general production. Power generation using steam turbines has been in use for about 100
years, when they replaced reciprocating steam engines due to their higher efficiencies and
lower costs. The capacity of steam turbines can range from 50 kW to several hundred MWs
for large utility power plants. Steam turbines are widely used for combined heat and power
(CHP) applications. The thermodynamic cycle for the steam turbine is the Rankine cycle. The
cycle is the basis for conventional power generating stations and consists of a heat source
(boiler) that converts water to high-pressure steam. In the steam cycle, water is first pumped
to medium to high pressure. It is then heated to the boiling temperature corresponding to the
pressure, boiled (heated from liquid to vapor), and then most frequently superheated (heated
to a temperature above that of boiling). A multistage turbine expands the pressurized steam to
lower pressure and the steam is then exhausted either to a condenser at vacuum conditions or
into an intermediate temperature steam distribution system that delivers the steam to the industrial or commercial application. The condensate from the condenser or from the steam
utilization system returns to the feedwater pump for continuation of the cycle.
The two types of steam turbines most widely used are the backpressure and the extractioncondensing types. The choice between backpressure turbine and extraction-condensing
turbine depends mainly on the quantities of power and heat, quality of heat, and economic
factors. The extraction points of steam from the turbine could be more than one, depending
on the temperature levels of heat required by the processes

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.1 ระบบกังหันไอน้ำศักยภาพกังหันไอน้ำเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ดี mover นายกเอนกประสงค์มากที่สุด และเก่าแก่ยังคงในผลิตทั่วไป ไฟฟ้าที่ใช้กังหันไอน้ำแล้วใช้ประมาณ 100ปี เมื่อพวกเขาเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ลูกสูบเครื่องยนต์ไอน้ำเนื่องจากประสิทธิภาพของพวกเขาสูง และลดค่าใช้จ่าย กำลังการผลิตของกังหันไอน้ำมีตั้งแต่ 50 kW จะ MWs หลายร้อยสำหรับพืชพลังงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ กังหันไอน้ำใช้สำหรับรวมความร้อนและพลังงานใช้งาน (CHP) วัฏจักรทางอุณหพลศาสตร์สำหรับกังหันไอน้ำเป็นวงจรอย่างไร Rankine ที่วงจรเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างสถานีพลังงานทั่วไป และประกอบด้วยแหล่งความร้อน(หม้อน้ำ) ที่แปลงน้ำให้แรงดันสูงไอน้ำ ในวงจรไอน้ำ น้ำเป็นก่อนสูบปานกลางถึงแรงดันสูง แล้วได้ความร้อนที่อุณหภูมิเดือดที่สอดคล้องกับการความดัน ต้ม (อุ่นจากของเหลวกับไอน้ำ), และจากนั้น บ่อย superheated (อุ่นมีอุณหภูมิอยู่เหนือเดือด) กังหัน multistage ขยายไอน้ำทางหนีไปความดันต่ำและไอน้ำจะหมดเพื่อเครื่องควบแน่นในสภาพสุญญากาศ หรือเป็นระบบการกระจายไอน้ำอุณหภูมิกลาง ที่ส่งไอน้ำไปใช้เชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม คอนเดนเสท จากที่เครื่องควบแน่น หรือ จากไอน้ำใช้ระบบกลับไปปั๊ม feedwater สำหรับความต่อเนื่องของวงจรกังหันไอน้ำที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดสองชนิดคือ ชนิด extractioncondensing และ backpressure เลือกระหว่างกังหัน backpressure และสกัดกลั่นตัวกังหันขึ้นอยู่กับปริมาณของพลังงาน และความร้อน คุณภาพ ของความ ร้อน และเศรษฐกิจส่วนใหญ่ปัจจัย จุดสกัดของไอน้ำจากกังหันลมอาจจะมากกว่าหนึ่ง ขึ้นอยู่กับในระดับอุณหภูมิความร้อนที่ต้องใช้กระบวนการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.1 ระบบไอน้ำกังหันผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำเป็นหนึ่งในหลากหลายที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของเทคโนโลยีเสนอญัตติสำคัญยังคงอยู่ในการผลิตทั่วไป การผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้กังหันไอน้ำที่ได้รับในการใช้งานประมาณ 100 ปีที่ผ่านมาเมื่อพวกเขาแทนที่ลูกสูบเครื่องยนต์ไอน้ำอันเนื่องมาจากประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและลดค่าใช้จ่าย ความจุของกังหันไอน้ำได้ตั้งแต่ 50 กิโลวัตต์ไปหลายร้อยวัตต์โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ยูทิลิตี้ กังหันไอน้ำถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับความร้อนร่วมและอำนาจ(CHP) การใช้งาน วงจรอุณหพลศาสตร์สำหรับกังหันไอน้ำเป็นรอบแร วงจรเป็นพื้นฐานสำหรับสถานีผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและประกอบด้วยแหล่งความร้อน(หม้อไอน้ำ) ที่แปลงน้ำเพื่ออบไอน้ำแรงดันสูง ในรอบการอบไอน้ำที่จะสูบน้ำเป็นครั้งแรกที่จะปานกลางถึงแรงดันสูง แล้วมันเป็นความร้อนที่อุณหภูมิเดือดที่สอดคล้องกับความดันต้ม (ความร้อนจากของเหลวไอ) แล้วบ่อยที่สุดยวดยิ่ง (ความร้อนอุณหภูมิสูงกว่าที่เดือด) กังหันแบบหลายขั้นตอนขยายแรงดันไอน้ำเพื่อลดความดันและไอน้ำจะหมดแล้วทั้งคอนเดนเซอร์ที่สภาวะสูญญากาศหรือเป็นอุณหภูมิกลางอบไอน้ำระบบการจัดจำหน่ายที่ให้การอบไอน้ำเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมหรือการค้า คอนเดนเสทจากคอนเดนเซอร์หรือจากไอน้ำระบบการใช้ประโยชน์กลับไปที่ปั๊มน้ำป้อนความต่อเนื่องของวงจร. ทั้งสองประเภทของกังหันไอน้ำใช้กันอย่างแพร่หลายเป็น backpressure และ extractioncondensing ประเภท ทางเลือกระหว่างกังหัน backpressure และการสกัดกลั่นตัวกังหันขึ้นอยู่กับปริมาณของพลังงานและความร้อนที่มีคุณภาพของความร้อนและเศรษฐกิจปัจจัย จุดสกัดจากกังหันไอน้ำที่อาจจะมากกว่าหนึ่งขึ้นอยู่กับระดับอุณหภูมิของความร้อนที่จำเป็นโดยกระบวนการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.1 ระบบกังหันไอน้ำผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำ
เป็นหนึ่งในที่เก่าแก่ที่สุดที่หลากหลายและแรงผลักดันสำคัญเทคโนโลยียังคง
การผลิตทั่วไป ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันไอน้ํา มีการใช้ประมาณ 100
ปีเมื่อพวกเขาเปลี่ยนลูกสูบเครื่องยนต์ไอน้เนื่องจากพวกเขาที่สูงขึ้นและมีประสิทธิภาพ
ลดค่าใช้จ่าย ความจุของเครื่องกังหันไอน้ำสามารถช่วงจาก 50 กิโลวัตต์ ถึงหลายร้อย mws
สำหรับพืชพลังงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ กังหันไอน้ำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อรวมของความร้อนและพลังงาน
( CHP ) โปรแกรม วัฏจักรทางอุณหพลศาสตร์สำหรับกังหันไอน้ำเป็นวัฏจักร Rankine .
รอบพื้นฐานปกติพลังงานสถานีผลิตและประกอบด้วยแหล่งความร้อน
( หม้อต้ม ) ที่แปลงน้ำเป็นไอน้ำแรงดันสูง . ในวัฏจักรไอน้ำน้ำก่อนสูบ
) ความดันสูงมันเป็นแล้วอุ่นให้เดือดที่อุณหภูมิเดียวกันกับ
ความดัน , ต้ม ( อุ่นจากของเหลวเป็นไอ ) , และจากนั้น บ่อยที่สุดด้วย ( อุ่น
ให้อุณหภูมิข้างต้นที่เดือด ) กังหันหลายขั้นตอนขยายแรงดันไอน้ำความดันต่ำ

และไอแล้วเหนื่อยเหมือนกันกับ คอนเดนเซอร์ที่สภาวะสุญญากาศหรือ
เป็นระดับกลาง อุณหภูมิไอน้ำระบบส่งไอน้ำไปใช้ในอุตสาหกรรมหรือเชิงพาณิชย์ ที่ต่อจากคอนเดนเซอร์ หรือจากระบบการใช้ไอน้ำ
กลับไปปั๊ม feedwater สำหรับความต่อเนื่องของวัฏจักร .
2 ประเภทของกังหันไอน้ำส่วนใหญ่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็น backpressure และ extractioncondensing ประเภททางเลือกระหว่างกังหัน backpressure และการสกัดคอนเด็นซิ่ง
กังหันขึ้นอยู่กับปริมาณของพลังงานและความร้อน คุณภาพของความร้อน และปัจจัยทางเศรษฐกิจ

การสกัดจุดไอน้ำจากกังหันอาจจะมากกว่าหนึ่งขึ้นอยู่กับ
ในระดับอุณหภูมิความร้อนตามกระบวนการ