Laissez-faire Leadership: Laissez-f

Laissez-faire Leadership: Laissez-faire leadership is a behavior dimension where there is no
leadership and leader is not seen around. This type of a leader has a personality that does not pay
importance to and care about anything and that does not follow the employees and authorize them
[4].Employees cannot find their leaders most of the time [45].When help is asked for from the leader,
he/she cannot succeed in helping and shows resistance against the employees to express their opinions in
important cases [13].This type of leadership shows a negative correlation with both organizational
outcomes and the other active leadership behaviors [10].The leadership model here should not be mixed
with the leadership that plays a less active role after transformational leadership behavior is applied [28].
Although Laissez-faire leadership stays close to the management by exception passive due to its passive
characteristics, it does not intervene even after errors occur on contrary to the management by exception
passive. Therefore, it is considered proper to be investigated separately [4], [45]. Den Hartog et al. (1997)
and Hinkin and Scriesheim (2008), in the researches they conducted, state that the laissez-faire leadership
dimension and the component of management by exception passive show negative correlation with all the
other components.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นำ laissez-faire: Laissez-faire ลไม่ขนาดลักษณะการทำงานมีไม่ภาวะผู้นำและผู้นำจะเห็นสถาน ผู้นำชนิดนี้มีลักษณะที่ไม่ความสำคัญและดูแลเกี่ยวกับอะไรและที่ไม่ปฏิบัติตามพนักงาน และอนุญาตให้[4]พนักงานไม่สามารถหาผู้นำส่วนใหญ่ของเวลา [45]เมื่อถามสำหรับความช่วยเหลือจากผู้นำเขาไม่ประสบความสำเร็จในการแสดงและช่วยต้านทานกับพนักงานเพื่อแสดงความคิดเห็นในสำคัญกรณี [13]ผู้นำชนิดนี้แสดงความสัมพันธ์เชิงลบกับทั้งองค์กรผลและอื่น ๆ ผู้นำใช้พฤติกรรม [10]ไม่ควรจะผสมรูปแบบภาวะผู้นำที่นี่มีภาวะผู้นำที่มีบทบาทน้อยใช้งานหลังจากที่ภาวะผู้นำ ลักษณะการทำงานจะใช้ [28]แม้ว่าผู้นำ Laissez-faire อยู่ใกล้กับการบริหาร โดยข้อยกเว้นเนื่องจากความแฝงแฝงลักษณะ จะไม่แทรกแซงแม้แต่หลังจากเกิดข้อผิดพลาดบนขัดกับการจัดการ โดยข้อยกเว้นแฝง ดังนั้น ก็ถือว่าเหมาะสมในการตรวจสอบแยกต่างหาก [4], [45] เดน Hartog et al. (1997)และ Hinkin และ Scriesheim (2008), ในงานวิจัยที่จะดำเนินการ รัฐที่เป็นผู้นำ laissez-faireขนาดและส่วนประกอบของการจัดการโดยข้อยกเว้นที่แฝงแสดงความสัมพันธ์เชิงลบกับการส่วนประกอบอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้นำไม่รู้ไม่ชี้: ความเป็นผู้นำไม่รู้ไม่ชี้เป็นมิติพฤติกรรมที่ไม่มี
ความเป็นผู้นำและเป็นผู้นำไม่ได้มองเห็นได้รอบ ประเภทของผู้นำนี้มีบุคลิกที่ไม่ได้จ่ายเงินให้
ความสำคัญและดูแลเกี่ยวกับอะไรและที่ไม่ปฏิบัติตามพนักงานและอนุญาตให้พวกเขา
ได้ [4] .Employees ไม่สามารถหาผู้นำของพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ [45] เมื่อระบุความช่วยเหลือที่ขอ จากผู้นำ
เขา / เธอไม่สามารถประสบความสำเร็จในการให้ความช่วยเหลือและแสดงให้เห็นความต้านทานต่อพนักงานการแสดงความคิดเห็นใน
กรณีที่สำคัญ [13] ชนิดนี้ของการเป็นผู้นำแสดงให้เห็นความสัมพันธ์เชิงลบกับทั้งองค์กร
และผลอื่น ๆ พฤติกรรมผู้นำที่ใช้งาน [10] รูปแบบการเป็นผู้นำที่นี่ไม่ควรจะนำมาผสม
กับความเป็นผู้นำที่มีบทบาทใช้งานน้อยลงหลังจากที่พฤติกรรมภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะนำไปใช้ [28]
ถึงแม้ว่าความเป็นผู้นำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ใกล้กับการจัดการโดยข้อยกเว้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเรื่อย ๆ ใน
ลักษณะนี้ก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แม้หลังจากที่เกิดข้อผิดพลาดในทางตรงกันข้ามกับการบริหารจัดการโดยข้อยกเว้น
เรื่อย ๆ ดังนั้นจึงถือว่าเหมาะสมที่จะได้รับการตรวจสอบแยก [4], [45] Den ฮาร์ทอคและคณะ (1997)
และ Hinkin และ Scriesheim (2008) ในงานวิจัยที่พวกเขาดำเนินการของรัฐที่เป็นผู้นำไม่รู้ไม่ชี้
ขนาดและองค์ประกอบของการจัดการโดยยกเว้นการแสดงเรื่อย ๆ ความสัมพันธ์ทางลบกับทุก
ส่วนประกอบอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นโยบายการไม่แทรกเซง Laissez faire ภาวะผู้นำ : เป็นพฤติกรรมผู้นำมิติที่ไม่มีภาวะผู้นำและผู้นำ
ไม่เห็น รอบ ๆ ของผู้นำประเภทนี้มีบุคลิกภาพที่ไม่จ่าย
ความสำคัญและสนใจอะไร และไม่ได้ติดตามพนักงานและอนุญาตให้พวกเขา
[ 4 ] . พนักงานไม่สามารถหาผู้นำของพวกเขาส่วนใหญ่ของเวลา [ 45 ] เมื่อช่วยถามจากหัวหน้า
เขา / เธอไม่สามารถประสบความสำเร็จในการช่วยให้ความต้านทานต่อพนักงานในการแสดงความคิดเห็นใน
สำคัญกรณี [ 13 ] ของผู้นำประเภทนี้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์กับทั้งผลลัพธ์ขององค์การ และพฤติกรรมความเป็นผู้นำที่ใช้งานอื่น ๆ
[ 10 ] . รูปแบบภาวะผู้นำที่นี่ไม่ควรผสม
ด้วยการเป็นผู้นำที่มีบทบาทการใช้งานน้อยลงหลังจากพฤติกรรมภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงใช้ [ 28 ] .
ถึงแม้ว่านโยบายการไม่แทรกเซงภาวะผู้นำอยู่ชิดกับการบริหารโดยข้อยกเว้นเรื่อยๆเนื่องจากลักษณะของมันเรื่อยๆ
, มันไม่ได้แทรกแซงแม้หลังจากที่เกิดข้อผิดพลาดในตรงกันข้ามกับการบริหารโดยข้อยกเว้น
เรื่อยๆ . ดังนั้น จึงถือว่าเหมาะสม ควรแยก [ 4 ][ 45 ] เดนตาม et al . ( 1997 )
hinkin scriesheim และและ ( 2008 ) ในงานวิจัยที่พวกเขาดำเนินการ รัฐ ว่า นโยบายการไม่แทรกเซงภาวะผู้นำ
ขนาดและองค์ประกอบของการบริหารโดยข้อยกเว้นเรื่อยๆแสดงความสัมพันธ์ทางลบกับ

ทั้งหมดอื่น ๆส่วนประกอบ