After Octavian's conquest of Egypt

After Octavian's conquest of Egypt in 31 BC, the Farnese Cup was acquired by the Treasury of Rome. It was later brought to Byzantium, then back west after this city was sacked in 1204 during the Fourth Crusade. By 1239 it was in the court of Frederick II,[1] from which it then reached the Persian court of Herat or possibly Samarkand, where a contemporary drawing documents it;[2] thence it found its way to the court of Alfonso of Aragon in Naples, where Angelo Poliziano saw it in 1458. Lorenzo the Magnificent finally purchased the famous "scutella di calcedonio" in Rome, in 1471. From there it came into the possession of the Farnese family through Margaret of Austria and thus into the Naples National Archaeological Museum[3]

The unknown artist carved the work from the five alternately dark and light layers of the stone with great virtuosity. He achieves an increased transparency of the material by cutting layers that in places are of unparalleled thinness (minimum 2 mm).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลังจากของ Octavian ชนะอียิปต์ใน 31 BC ถ้วยฟาร์เนเซถูกซื้อ โดยบริหารโรม มันต่อปรารถนา Byzantium แล้วกลับตะวันตกหลังนี้ถูกไล่ออกใน 1204 ระหว่างสงครามครูเสดครั้งที่สี่ โดย 1239 ถูกในการศาลของเฟรเดอริก II, [1] ซึ่งมันแล้วถึงคอร์ท Herat เปอร์เซียหรืออาจซามาร์คานด์ ที่วาดสมัยเอกสาร [2] ถึงจะพบทางไปศาลอัลฟองโซโดรในเนเปิลส์ ที่ Poliziano แองเจโล่เห็นใน 1458 Lorenzo งดงามสุดสั่งซื้อที่มีชื่อเสียง "scutella di calcedonio" ในกรุงโรม ในค.ศ. 1471 จาก นั้นมา ในความครอบครองของฟาร์เนเซถึงมาร์กาเร็ตออสเตรีย จึงเข้าไป ใน พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติเนเปิลส์ [3]ศิลปินที่ไม่รู้จักการทำงานจากห้าสีเข้ม และอ่อนสลับชั้นของหินที่แกะสลัก ด้วย virtuosity ดี เขาได้รับความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นของวัสดุ โดยตัดชั้นที่ในสถานที่ระบุ thinness (ต่ำสุด 2 mm)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลังจากชัยชนะของออกุสตุของอียิปต์ในวันที่ 31 ก่อนคริสตกาลเซ่คัพถูกซื้อกิจการโดยกระทรวงการคลังของกรุงโรม มันถูกนำมาต่อมาไบแซนเทียมแล้วกลับไปทางทิศตะวันตกหลังจากที่เมืองนี้ถูกไล่ออกใน 1204 ในช่วงสงครามครูเสดครั้งที่สี่ โดย 1239 มันอยู่ในศาลของเฟรเดอริครั้งที่สอง [1] ซึ่งมันก็มาถึงศาลเปอร์เซียแรตหรืออาจจะเป็นซามาร์คันด์ที่เอกสารภาพวาดร่วมสมัยนั้น [2] ที่นั่นก็พบวิธีในการที่ศาลของอัลฟองโซแห่งอารากอน ในเนเปิลส์ที่แองเจโล Poliziano เห็นมันใน 1458. Lorenzo อันงดงามที่สุดซื้อที่มีชื่อเสียง "scutella ดิ calcedonio" ในกรุงโรมใน 1471. จากนั้นมันก็เข้ามาในความครอบครองของครอบครัวเซ่ผ่านมากาเร็ตแห่งออสเตรียจึงเข้าไปในเนเปิลส์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์โบราณคดี [3] ศิลปินที่ไม่รู้จักการทำงานแกะสลักจากห้าชั้นสลับสีเข้มและแสงของหินที่มีฝีมือดี เขาประสบความสำเร็จในความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นของวัสดุโดยการตัดชั้นที่อยู่ในสถานที่ที่มีความบางที่เหนือชั้น (ขั้นต่ำ 2 มิลลิเมตร)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังจากพิชิตคเตเวียนของอียิปต์ในพ.ศ. 31 , ฟาร์เนเซถ้วยได้มาโดยกระทรวงการคลังของกรุงโรม ต่อมานำไบแซนเทียม แล้วกลับทางทิศตะวันตกหลังเมืองนี้ถูกไล่ออกอย่างในระหว่างสงครามครูเสดที่สี่ โดย : [ มันในศาลของฟรีดริชที่ 2 [ 1 ] ซึ่งมันก็มาถึง ชาวเปอร์เซีย ศาลของแรต หรืออาจจะซามาร์คันด์ ซึ่งเอกสารร่วมสมัยภาพวาดนั้น[ 2 ] ที่นั่นมันก็หาทางไปศาลของอัลฟองโซแห่งอารากอนในเนเปิลส์ที่แองเจโลแอนิแมกซ์เห็นมันยัง . ลอเรนโซ งดงามก็ซื้อที่มีชื่อเสียง " scutella di calcedonio " ในกรุงโรม ใน . . จากนั้นก็เดินเข้ามาในความครอบครองของฟาร์เนเซครอบครัวผ่านมาร์กาเร็ตแห่งออสเตรีย และดังนั้น ในเนเปิลส์พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ [ 3 ]

ศิลปินที่ไม่รู้จัก แกะสลัก งานจากห้าสลับมืดและชั้นแสงของหินกับสุดยอดฝีมือ . เขาสามารถมีความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นของวัสดุโดยการตัดชั้นว่าในสถานที่มีความผอมที่หาตัวจับยาก ( ขั้นต่ำ 2 เดือน )