Next, the question remains why seat

Next, the question remains why seating distance is associated with children’s social relationships.
According to intergroup contact theory, people are more likely to interact when they are physically
close, which results in reciprocal acceptance and appreciation (Allport, 1954; Pettigrew, 1998;
Pettigrew & Tropp, 2006). When applying this theory to the school context, the underlying mechanism
would be that children are able to interact and collaborate more with classmates who sit next to them
or sit in the same group. As a result, they get to know each other better and perceive each other more
positively. Future studies should examine whether factors such as cooperation would mediate or
amplify the association between physical proximity and classroom peer relationships.

It could also be that seating distance is associated with liking and popularity due to mere exposure
or visibility; when children sit close to each other, they literally see each other more frequently and
are exposed to each other more often. As a result of this enhanced exposure, they like each other better.
If that is true, facing each other would be an important moderator of the association between
physical proximity and affect. For instance, children who sit in the same group and face each other
would like each other more than children who sit behind each other. Moreover, if children face each
other, they are more likely to talk and build a relationship. In the current studies, we examined physical
closeness irrespective of children’s ability to face each other. Future studies should examine

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถัดไป คำถามอยู่ทำไมที่นั่งระยะห่างที่สัมพันธ์กับความสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กตามทฤษฎีติดต่อ intergroup คนมีแนวโน้มที่จะโต้ตอบเมื่อมีร่างกายปิด ซึ่งผลในการยอมรับซึ่งกันและกันและซาบซึ้ง (Allport, 1954 Pettigrew, 1998Pettigrew & Tropp, 2006) เมื่อใช้ทฤษฎีนี้กับบริบทโรงเรียน กลไกต้นแบบจะว่า เด็กจะสามารถโต้ตอบ และทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งถัดจากพวกเขามากขึ้นหรือนั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น พวกเขาได้รับรู้กันดี และสังเกตกันมากขึ้นบวก การศึกษาในอนาคตควรตรวจว่าจะบรรเทาปัจจัยต่าง ๆ เช่นความร่วมมือ หรือขยายความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดทางกายภาพและความสัมพันธ์ของเพื่อนห้องเรียนได้นั่งพักเกี่ยวข้องกับความชื่นชอบและนิยมเนื่องจากแสงเพียงหรือมองเห็น ได้ เมื่อเด็กนั่งใกล้ชิดกัน พวกเขาอย่างแท้จริงเห็นกันบ่อย และมีสัมผัสกันมากขึ้น จากสัมผัสพิเศษนี้ พวกเขาชอบกันดีกว่าถ้าเป็นจริง หันจะเป็นการดูแลที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดทางกายภาพและมีผลต่อ เด็กที่นั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และเผชิญหน้ากัน เช่นจะชอบกันมากกว่าเด็กที่นั่งอยู่เบื้องหลังกัน นอกจากนี้ ถ้าเด็กหน้าละอื่น ๆ พวกเขามีแนวโน้มการพูดคุย และสร้างความสัมพันธ์ ในการศึกษาปัจจุบัน เราตรวจสอบทางกายภาพความใกล้เคียงไม่เด็กความสามารถในการเผชิญหน้ากัน การศึกษาในอนาคตควรตรวจสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

. ต่อไปคำถามที่ยังคงทำไมระยะที่นั่งมีความเกี่ยวข้องกับเด็กความสัมพันธ์ทางสังคม
ตามทฤษฎีการติดต่อระหว่างกลุ่มคนที่มีแนวโน้มที่จะโต้ตอบเมื่อพวกเขามีร่างกาย
อย่างใกล้ชิดซึ่งจะส่งผลในการยอมรับซึ่งกันและกันและการแข็งค่า (Allport, 1954; Pettigrew 1998;
Pettigrew และ Tropp 2006) เมื่อใช้ทฤษฎีนี้กับบริบทโรงเรียนกลไก
จะเป็นไปได้ว่าเด็กมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันได้กับเพื่อนร่วมชั้นคนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
หรือนั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เป็นผลให้พวกเขาได้รับรู้ซึ่งกันและกันได้ดีขึ้นและรับรู้กันมากขึ้น
ในเชิงบวก การศึกษาในอนาคตควรจะตรวจสอบว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นความร่วมมือจะไกล่เกลี่ยหรือ
ขยายความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดทางกายภาพและความสัมพันธ์กับเพื่อนในห้องเรียน. นอกจากนี้ยังอาจจะเป็นระยะที่นั่งที่มีความเกี่ยวข้องกับความชื่นชอบและความนิยมจากการสัมผัสเพียงหรือการมองเห็น; เมื่อเด็กนั่งใกล้กับแต่ละอื่น ๆ พวกเขาอย่างแท้จริงเห็นกันบ่อยมากขึ้นและมีการสัมผัสกับแต่ละอื่น ๆ บ่อยขึ้น อันเป็นผลมาจากการสัมผัสที่เพิ่มขึ้นนี้พวกเขาต้องการกันดีกว่า. ถ้าเป็นจริงหันหน้าเข้าหากันจะเป็นผู้ดูแลที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดทางกายภาพและส่งผลกระทบต่อ ยกตัวอย่างเช่นเด็กที่นั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันและเผชิญหน้ากันอยากกันและกันมากกว่าเด็กที่มานั่งอยู่ข้างหลังคนอื่น ๆ นอกจากนี้หากเด็กต้องเผชิญกับแต่ละอื่น ๆ พวกเขามีแนวโน้มที่จะพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์ ในการศึกษาปัจจุบันเราตรวจสอบทางกายภาพใกล้ชิดโดยไม่คำนึงถึงความสามารถของเด็กที่จะเผชิญหน้ากัน การศึกษาในอนาคตควรตรวจสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถัดไป คำถามที่ยังคงนั่งถึงระยะทางจะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางสังคมของเด็ก
ตามทฤษฎีการติดต่อระหว่างกลุ่ม ผู้คนมีแนวโน้มที่จะโต้ตอบเมื่อพวกเขามีร่างกาย
ปิด , ซึ่งผลในการยอมรับซึ่งกันและกันและความซาบซึ้ง ( ออลพอร์ต 2497 ; เพ็ตติกรูว์ , 1998 ;
เพ็ตติกรูว์& tropp , 2006 ) เมื่อใช้ทฤษฎีนี้ในบริบทของโรงเรียน , ต้นแบบกลไก
จะว่าเด็กจะสามารถโต้ตอบและประสานงานกับเพื่อนคนที่นั่งข้างๆ
หรือนั่งในกลุ่มเดียวกัน เป็นผลให้พวกเขาได้รับรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้นและรับรู้กันมากขึ้น
เจียว การศึกษาในอนาคตควรศึกษาว่าปัจจัยต่างๆ เช่น ความร่วมมือจะไกล่เกลี่ยหรือ
ขยายความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดทางกายภาพและความสัมพันธ์ในห้องเรียน

)มันอาจจะเป็นว่า นั่งไกลเกี่ยวข้องกับความชอบและความนิยมเนื่องจาก
เปิดรับเพียงหรือการมองเห็น เมื่อเด็กนั่งใกล้ชิดกับแต่ละอื่น ๆ พวกเขาหมายพบกันบ่อยและ
สัมผัสกันบ่อย ๆ ผลของการเสริมนี้ พวกเขาชอบแต่ละอื่น ๆที่ดีกว่า .
ถ้ามันเป็นความจริงเผชิญกับแต่ละอื่น ๆ จะเป็นผู้ดูแลที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดทางกายภาพ และส่งผลกระทบต่อ
. เช่น เด็กนั่งในกลุ่มเดียวกันและหันหน้าเข้าหากัน
จะชอบกันมากกว่าเด็กนั่งที่ด้านหลังของแต่ละอื่น ๆ นอกจากนี้ หากเด็กแต่ละหน้า
อื่น ๆ พวกเขามีแนวโน้มที่จะพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์ ในการศึกษาในปัจจุบัน เราตรวจสอบทางกายภาพ
ความใกล้ชิดโดยไม่คำนึงถึงเด็กสามารถมองหน้ากันได้ การศึกษาในอนาคตควรตรวจสอบ