Hydroelectricity is the term referr

Hydroelectricity is the term referring to electricity generated by hydropower; the production of electrical power through the use of the gravitational force of falling or flowing water. It is the most widely used form of renewable energy, accounting for 16 percent of global electricity generation – 3,427 terawatt-hours of electricity production in 2010,[1] and is expected to increase about 3.1% each year for the next 25 years.

Hydropower is produced in 150 countries, with the Asia-Pacific region generating 32 percent of global hydropower in 2010. China is the largest hydroelectricity producer, with 721 terawatt-hours of production in 2010, representing around 17 percent of domestic electricity use. There are now three hydroelectricity plants larger than 10 GW: the Three Gorges Dam in China, Itaipu Dam across the Brazil/Paraguay border, and Guri Dam in Venezuela.[1]

The cost of hydroelectricity is relatively low, making it a competitive source of renewable electricity. The average cost of electricity from a hydro plant larger than 10 megawatts is 3 to 5 U.S. cents per kilowatt-hour.[1] Hydro is also a flexible source of electricity since plants can be ramped up and down very quickly to adapt to changing energy demands. However, damming interrupts the flow of rivers and can harm local ecosystems, and building large dams and reservoirs often involves displacing people and wildlife.[1] Once a hydroelectric complex is constructed, the project produces no direct waste, and has a considerably lower output level of the greenhouse gas carbon dioxide (CO
2) than fossil fuel powered energy plants.[2]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขนาดเป็นคำอ้างอิงถึงไฟฟ้าพลังงานน้ำ การผลิตไฟฟ้าโดยใช้แรงความโน้มถ่วงของตก หรือไหลน้ำ เป็นแบบฟอร์มที่ใช้กันอย่างแพร่หลายพลังงานทดแทน การบัญชีสำหรับร้อยละ 16 ของไฟฟ้าสากลรุ่น – terawatt 3,427 ชั่วโมงการผลิตไฟฟ้าในปี 2553, [1] และคาดว่าจะเพิ่มประมาณ 31% ทุกปีสำหรับการถัดไป 25 ปี

ไฟฟ้าผลิต 150 ประเทศ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสร้าง 32 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานน้ำทั่วโลกในปี 2553 จีนที่ใหญ่ที่สุดขนาดโปรดิวเซอร์ กับ terawatt 721 ชั่วโมงการผลิตในปี 2553 แทนประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ของการใช้ไฟฟ้าในประเทศได้ ขณะนี้มีสามขนาดพืชมากกว่า 10 GW: เขื่อนซานเสียต้าป้าสามในจีน เขื่อน Itaipu ตามแนวพรมแดนบราซิล/ปารากวัย และกูเขื่อนในประเทศเวเนซุเอลา[1]

ค่าขนาดจะค่อนข้างต่ำ ทำให้แหล่งแข่งขันไฟฟ้าทดแทน ต้นทุนเฉลี่ยของกระแสไฟฟ้าจากพืชน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 เมกะวัตต์เป็น 3-5 เซ็นต์ สหรัฐฯ ต่อ kilowatt-hour[1] น้ำยังเป็นแหล่งมีความยืดหยุ่นของการไฟฟ้าเนื่องจากพืชสามารถมี ramped ขึ้นและลงอย่างรวดเร็วเพื่อปรับเปลี่ยนความต้องการพลังงาน อย่างไรก็ตาม damming ขัดจังหวะการไหลของแม่น้ำ และอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศในท้องถิ่น และสร้างอ่างเก็บน้ำและเขื่อนขนาดใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับฎพยัคฆ์คนและสัตว์ป่า[1] เมื่อสร้างคอมเพล็กซ์ hydroelectric โครงการสร้าง ไม่มีเสียโดยตรง และระดับผลผลิตต่ำกว่ามากของเรือนกระจกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO
2) กว่าพืชพลังงานพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล[2]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

hydroelectricity เป็นคำที่หมายถึงไฟฟ้าที่เกิดจากพลังน้ำ; การผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยการใช้แรงโน้มถ่วงของตกหรือน้ำไหล มันเป็นรูปแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายของพลังงานทดแทนคิดเป็นร้อยละ 16 ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก - 3,427 terawatt ชั่วโมงของการผลิตไฟฟ้าในปี 2010 [1] และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3.1% ในแต่ละปีต่อไปอีก 25 ปีไฟฟ้าพลังน้ำ ที่ผลิตใน 150 ประเทศโดยมีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสร้างร้อยละ 32 ของไฟฟ้าพลังน้ำทั่วโลกในปี 2010. จีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด hydroelectricity ด้วย 721 terawatt ชั่วโมงของการผลิตในปี 2010 คิดเป็นประมาณร้อยละ 17 ของการใช้ไฟฟ้าในประเทศ มีสามโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่า 10 GW: เขื่อนสามโตรกในประเทศจีน Itaipu เขื่อนข้ามพรมแดนบราซิล / ปารากวัยและเขื่อน Guri ในเวเนซุเอลา [1]. ค่าใช้จ่ายของ hydroelectricity ค่อนข้างต่ำทำให้มันเป็นแหล่งที่มาของการแข่งขัน ไฟฟ้าทดแทน ต้นทุนเฉลี่ยของการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่กว่า 10 เมกะวัตต์เป็น 3 ถึง 5 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง. [1] น้ำยังเป็นแหล่งที่มีความยืดหยุ่นในการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่พืชสามารถที่จะปรับเพิ่มขึ้นและลงอย่างรวดเร็วในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ความต้องการ แต่ล้วนแล้ว แต่ขัดจังหวะการไหลของแม่น้ำและสามารถเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศในท้องถิ่นและการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำมักจะเกี่ยวข้องกับการแทนที่ผู้คนและสัตว์ป่า. [1] เมื่อซับซ้อนไฟฟ้าพลังน้ำมีการก่อสร้างโครงการผลิตไม่เสียโดยตรงและมีการส่งออกลดลงอย่างมาก ระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก๊าซเรือนกระจก (CO 2) กว่าขับเคลื่อนพืชพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล. [2]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พลังน้ำเป็นคำอ้างถึงไฟฟ้าที่สร้างขึ้นโดยการผลิตไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าโดยใช้แรงโน้มถ่วงของตก หรือน้ำไหล มันเป็นส่วนใหญ่ใช้กันอย่างแพร่หลายในรูปแบบของพลังงานทดแทน , การบัญชีสำหรับร้อยละ 16 ของโลกผลิตไฟฟ้า– 3427 terawatt ชั่วโมงของการผลิตไฟฟ้าในปี 2010 [ 1 ] และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 31 % ในแต่ละปีสำหรับถัดไป 25 ปี

พลังผลิตใน 150 ประเทศ กับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสร้าง 32 เปอร์เซ็นต์ของประเทศทั่วโลกในปี 2553 จีนเป็นผู้ผลิตโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดที่มีแล้ว terawatt ชั่วโมงของการผลิตในปี 2553 หรือประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ของการใช้ไฟฟ้าในประเทศ ขณะนี้มี 3 โรงงานไฟฟ้าพลังน้ำพืชขนาดใหญ่กว่า 10 GW :เขื่อนสามโตรกในประเทศจีน , เขื่อนอิไตปูข้ามชายแดนบราซิลปารากวัยและเวเนซุเอลาใน Guri เขื่อน [ 1 ]

ค่าพลังน้ำค่อนข้างน้อย ทำให้เป็นแหล่งการแข่งขันของการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน . ต้นทุนเฉลี่ยของการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่กว่า 10 ล้านเป็น 5 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง[ 1 ] Hydro ยังมีความยืดหยุ่นแหล่งที่มาของกระแสไฟฟ้าเนื่องจากพืชสามารถสร้างขึ้นและลงได้อย่างรวดเร็วเพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการพลังงานที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม damming ขัดจังหวะการไหลของแม่น้ำ และอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศในท้องถิ่น และการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับแทนที่คนและสัตว์ป่า [ 1 ] เมื่อซับซ้อนพลังน้ำสร้างโครงการผลิตไม่ตรงเสียและมีมากต่ำกว่าระดับออกของก๊าซเรือนกระจกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO
2 ) กว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลพืชพลังงานขับเคลื่อน [ 2 ]