How to set your kids up for a healt

How to set your kids up for a healthy relationship with food

When it comes to children and food, parents these days face a tough conundrum. On the one hand, we're constantly being told that we're in the midst of an obesity epidemic but we also know that eating disorders are a real threat to young people.

So how can you help your children develop a healthy relationship with food so that they aren't tempted to over-do it and end up dangerously overweight or starve themselves to copy their favourite Instagrammer?

"Parents face a double-edged sword," Professor Susan Sawyer, director of the Royal Children's Hospital's Centre for Adolescent Health, told Coach.

"On one hand, you don't want kids growing up overweight but on the other hand you have to be very careful about the messages you give because you don't want to engender unhealthy relationships with food."

After 25 years working in children's health, Professor Sawyer has the following advice:

Remove guilt from food

One of the best things parents can do for their children is to avoid framing foods as something to feel guilty about.

Professor Sawyer suggests parents get used to referring to foods as "everyday" foods or "sometimes" foods so that children learn to understand that healthy foods should be eaten all of the time and high-fat or high-sugar are reserved for parties or special occasions.

"The sorts of foods we want kids to be eating every day are not fizzy drinks or chocolates and cakes," she explains.

"[But] in the context of an obesity epidemic, those sorts of foods shouldn't be framed as foods we should feel badly about eating. These foods [can] be special foods that you eat at parties or special celebrations."

By making sure your children follow a healthy diet from a young age, with treat foods as well, you'll give them the best chance of remaining slim.

"Adolescents typically want to start out eating in a more healthy way, typically because of dissatisfaction with their appearance," Professor Sawyer points out.

"A little bit of success then engenders a slippery slope to an increasing loss of weight."

Lead by example

You can yell at your kids to eat healthy all you like but if your pantry is stocked with biscuits, chips and chocolate that you eat regularly, then you're going to have a hard time getting your message across.

"If energy-rich foods aren't bought on a regular basis, it avoids the very debate that can occur at the end of a busy day," Professor Sawyer says.

"Children learn by doing and by observing."

The way parents talk about food and how often they engage in exercise can also have a significant influence over their children's health habits.

"It begins from birth – we learn whether food is framed as a reward for children being good or whether it's framed as there being 'good' foods and 'bad' foods rather than the notion of everyday foods and special foods," Professor Sawyer explains.

"Parents may need to ask, 'How physically active are we? What are the sort of activities we might do as families?' There are some tremendous opportunities that come from parents doing activities together with their kids."

RELATED: Here's why you shouldn't reward your toddler with food

Teach them to be social media savvy

As kids get older, their peers start to influence their feelings about food and their bodies, and these days social media gives young people a broader community to compare themselves to.

"Brain maturation in the adolescent years … gives them a pressing capacity to compare and contrast themselves to others, particularly in terms of physical appearance, social status and relative worth," Professor Sawyer explains.

"Young people become more motivated to look and act a particular way in order to fit in with that social group. [And] for young people growing up now, their comparative population is the world's 1.8 billion young people in the world."

Professor Sawyer says that social media is giving young people an "unattainable notion of perfection" to compare themselves to, and parents need to be ready to support them and help them understand the staging and editing of the imagery they are often exposed to.

"The role of parents has shifted to not just parenting in the home, but also to helping young people negotiate their engagement in social media," Professor Sawyer explains.

Keep conversation lines open

One of the easiest ways to keep tabs on your children's relationship with food and their bodies is to facilitate opportunities for relaxed chats about what is on their mind.

"Whether it's driving to sporting activities or walking the dog together ... spending time together to talk and cement relationships is a strategy to allow more complex conversations to happen when kids get older," Professor Sawyer says.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการตั้งค่าของเด็กสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพกับอาหารเมื่อมันมาถึงอาหารและเด็ก ผู้ปกครองวันเผชิญปริศนาที่ยาก ในด้านหนึ่ง เราอย่างต่อเนื่องกำลังบอกว่า เราอยู่ในท่ามกลางการระบาดของโรคอ้วน แต่เรายังรู้ว่า กินที่ผิดปกติเป็นภัยที่คนหนุ่มสาวที่แท้จริงดังนั้นวิธีที่คุณสามารถช่วยให้เด็กพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพกับอาหารให้ไม่อยากทำมากกว่ามันและสิ้นสุดเลิฟมีน้ำหนักเกิน หรืออดเองคัดลอก Instagrammer คนโปรดของพวกเขาศาสตราจารย์ซูซานซอว์เยอร์ กรรมการของเด็ก ๆ รอยัล พ่อแม่หน้าดาบสองคม"ของโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพวัยรุ่น บอกโค้ช"หนึ่งในมือ คุณไม่ต้องการให้เด็กโตขึ้นมีน้ำหนักเกิน แต่คง ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับข้อความที่คุณให้ เพราะคุณไม่ต้องการเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่แข็งแรง ด้วยอาหาร"หลังจาก 25 ปีที่ทำงานในการดูแลสุขภาพเด็ก ซอว์เยอร์อาจารย์มีคำแนะนำต่อไปนี้:เอาความผิดจากอาหารหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อแม่สามารถทำให้ลูกคือการหลีกเลี่ยงการจัดองค์ประกอบอาหารเป็นสิ่งที่รู้สึกผิดเกี่ยวกับการซอว์เยอร์อาจารย์แนะนำให้ผู้ปกครองได้ใช้การอ้างอิงถึงอาหารที่เป็นอาหาร "ทุกวัน" หรือ "บางครั้ง" อาหาร เพื่อให้เด็กเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจว่า ควรรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เวลา และ ไขมันสูง หรือ น้ำตาลสูงทั้งหมดถูกจองสำหรับงานปาร์ตี้หรือโอกาสพิเศษ"ประเภทของอาหารที่เราต้องให้กินทุกวันไม่ใช่เครื่องดื่มซ่า หรือช็อคโกแลต และ เค้ก, " เธออธิบาย"[แต่] ในบริบทของการระบาดของโรคอ้วน ประเภทของอาหารเหล่านั้นไม่ควรกรอบเป็นอาหารที่เราควรรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับการกิน อาหารเหล่านี้ [สามารถ] เป็นอาหารที่คุณกินที่ฉลองในโอกาสพิเศษหรือบุคคลพิเศษ"โดยต้องแน่ใจว่าเด็กทำตามจากวัย รักษาอาหารเป็นอย่างดี อาหารเพื่อสุขภาพคุณจะให้โอกาสที่ดีสุดที่เหลือบาง"วัยรุ่นมักจะต้องเริ่มกินในทางสุขภาพมากขึ้น โดยทั่วไปเนื่องจากความไม่พอใจกับลักษณะของพวกเขา ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์ชี้ออกไป"ความสำเร็จเล็กน้อยแล้วนำไปสู่ทางลาดชัน slippery เพื่อให้สูญเสียน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น"ตัวอย่างคุณสามารถร้องที่เด็ก ๆ ไปทานอาหารทั้งหมดที่คุณชอบ แต่ถ้าพร้อมเครื่องใช้ในครัวของคุณ ด้วยขนมปังกรอบ ชิปและช็อกโกแลตที่คุณกินเป็นประจำ แล้วคุณจะมีเวลายากการข้อความของคุณผ่านศาสตราจารย์ซอว์เยอร์กล่าวว่า "ถ้าไม่ซื้ออาหารที่อุดมด้วยพลังงานสม่ำเสมอ นั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการอภิปรายมากที่เกิดขึ้นในตอนท้ายของวัน"เด็กเรียนรู้ โดยการกระทำ และ โดยการสังเกต"ทางพ่อแม่ที่พูดคุยเกี่ยวกับอาหาร และบ่อยพวกเขามีส่วนร่วมในการออกกำลังกายยังสามารถมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพของเด็กเป็นสำคัญ"เริ่มตั้งแต่เกิด-เราเรียนรู้ว่าอาหารเป็นกรอบเป็นรางวัลสำหรับเด็กดีหรือว่ามันเป็นกรอบเนื่องจากมีการ 'ดี ' และ 'bad' อาหาร มากกว่าความเชื่อในเรื่องของอาหารในชีวิตประจำวันและอาหารพิเศษ, " ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์อธิบาย"พ่อแม่อาจต้องถาม, ' เราใช้งานร่างกายอย่างไร อะไรคือการเรียงลำดับของกิจกรรมที่เราอาจทำเป็นครอบครัว?' มีบางโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มาจากผู้ปกครองทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ"ที่เกี่ยวข้อง: นี่คือทำไมคุณไม่ควรให้รางวัลเด็กที่หัดเดินของคุณ ด้วยอาหารสอนให้พวกเขาเพื่อให้สังคมเข้าใจเด็กได้รับเก่า เพื่อนเริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกเกี่ยวกับอาหารและร่างกาย และสังคมในวันเหล่านี้ให้เยาวชนชุมชนเพื่อเปรียบเทียบตัวเองให้กว้างขึ้น"สมองเจริญเติบโตในวัยรุ่นปี...ให้ความจุกดเพื่อเปรียบเทียบ และเปรียบต่างตัวเองผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของลักษณะทางกายภาพ สถานะทางสังคม และ คุ้มญาติ, " ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์อธิบาย"คนหนุ่มสาวจะจูงใจ ให้มีรูปร่างวิธีการเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มสังคมนั้น [และ] สำหรับคนหนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นมาตอนนี้ ประชากรเปรียบเทียบ โลก 1.8 พันล้านคนหนุ่มสาวในโลก"ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์กล่าวว่า ที่สื่อสังคมออนไลน์ให้คนหนุ่มสาว "ไม่สามารถบรรลุได้เชื่อในเรื่องของความสมบูรณ์แบบ" ในการเปรียบเทียบตัวเอง และพ่อแม่จะต้องพร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขา และได้เข้าใจการจัดเตรียมและแก้ไขภาพที่พวกเขามักจะมีภาวะ"บทบาทของพ่อแม่ได้เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูในบ้าน แต่ยัง จะช่วยเจรจามีส่วนร่วมในสื่อสังคมออนไลน์ของคนหนุ่มสาว ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์อธิบายให้เปิดสายสนทนาหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้แท็บความสัมพันธ์ของเด็กกับอาหารและร่างกายของพวกเขาคือการให้โอกาสสำหรับการสนทนาแบบเกี่ยวกับความคิดของพวกเขา"ไม่ว่า มันขับรถเพื่อกีฬา หรือเดินสุนัขกัน...ใช้เวลาเพื่อพูดคุย และปูนซีเมนต์ความสัมพันธ์เป็นกลยุทธ์เพื่อช่วยให้การสนทนาที่ซับซ้อนเกิดขึ้นเมื่อเด็กได้รับเก่า ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์กล่าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการตั้งค่าเด็กของคุณขึ้นสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพกับอาหาร

เมื่อมันมาถึงเด็กและอาหารพ่อแม่วันนี้ต้องเผชิญกับปริศนาที่ยากลำบาก ในมือข้างหนึ่งเรากำลังอย่างต่อเนื่องได้รับการบอกว่าเรากำลังอยู่ในท่ามกลางการระบาดของโรคอ้วน แต่เรายังไม่ทราบว่าการกินผิดปกติเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงให้กับคนหนุ่มสาว.

ดังนั้นวิธีที่คุณสามารถช่วยให้เด็กของคุณพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพด้วยอาหาร เพื่อที่พวกเขาจะไม่อยากจะมากกว่าทำมันและจบลงด้วยการมีน้ำหนักเกินเป็นอันตรายหรืออดอาหารเพื่อคัดลอก Instagrammer โปรดของพวกเขา?

"พ่อแม่เผชิญดาบสองคม" ศาสตราจารย์ซูซานซอว์เยอร์ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเด็กรอยัลศูนย์สุขภาพวัยรุ่น บอกโค้ช.

"หนึ่งในมือคุณไม่ต้องการให้เด็กเติบโตขึ้นมามีน้ำหนักเกิน แต่ในทางกลับกันคุณจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเกี่ยวกับข้อความที่คุณให้เพราะคุณไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่แข็งแรงกับอาหาร."

หลังจาก 25 ปีที่ทำงานในสุขภาพของเด็กศาสตราจารย์เลื่อยมีคำแนะนำต่อไปนี้:

นำความผิดจากอาหาร

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้ปกครองสามารถทำเพื่อลูก ๆ ของพวกเขาคือการหลีกเลี่ยงกรอบอาหารเป็นสิ่งที่จะรู้สึกผิดเกี่ยวกับ.

ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์แสดงให้เห็นพ่อแม่ได้รับใช้หมายถึงอาหาร ว่า "ในชีวิตประจำวัน" อาหารหรือ "บางครั้ง" อาหารเพื่อให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าอาหารเพื่อสุขภาพควรกินตลอดเวลาและมีไขมันสูงหรือน้ำตาลสูงจะถูกสงวนไว้สำหรับบุคคลหรือโอกาสพิเศษ.

"ประเภทของอาหารที่เราต้องการให้เด็ก เพื่อจะกินทุกวันเครื่องดื่มไม่เป็นฟองหรือช็อคโกแลตและเค้ก "เธออธิบาย.

" [ แต่] ในบริบทของการแพร่ระบาดของโรคอ้วนทุกประเภทของอาหารเหล่านั้นไม่ควรจะมีกรอบเป็นอาหารที่เราควรจะรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร อาหารเหล่านี้ [สามารถ] เป็นอาหารพิเศษที่คุณกินในงานปาร์ตี้หรืองานเฉลิมฉลองพิเศษ. "

โดยการทำให้แน่ใจว่าลูกของคุณเป็นไปตามอาหารสุขภาพจากวัยหนุ่มสาวที่มีอาหารการรักษาเป็นอย่างดีคุณจะให้พวกเขามีโอกาสที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่บาง

"วัยรุ่นมักจะต้องการที่จะเริ่มต้นการรับประทานอาหารในทางสุขภาพอื่น ๆ โดยปกติเพราะความไม่พอใจกับการปรากฏตัวของพวกเขา" ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์ชี้ให้เห็น.

"นิด ๆ หน่อย ๆ ของความสำเร็จแล้วแปลกใจลื่นลาดไปยังสูญเสียที่เพิ่มขึ้นของน้ำหนัก."

นำโดยตัวอย่าง

คุณสามารถตะโกนที่เด็กของคุณกินเพื่อสุขภาพทุกสิ่งที่คุณชอบ แต่ถ้าตู้กับข้าวของคุณมีการเก็บรักษาบิสกิต, ชิปและช็อคโกแลตที่คุณกินเป็นประจำแล้วคุณจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากได้รับข้อความของคุณผ่าน.

"ถ้าอาหารที่อุดมไปด้วยพลังงาน ยังไม่ได้ซื้อเป็นประจำก็หลีกเลี่ยงการอภิปรายมากที่สามารถเกิดขึ้นได้ในตอนท้ายของวันที่วุ่นวาย "ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์กล่าวว่า.

" เด็กเรียนรู้โดยการทำและโดยการสังเกต. "

พ่อแม่วิธีการพูดคุยเกี่ยวกับอาหารและวิธีการที่พวกเขามักจะ . มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายยังสามารถมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญในช่วงของเด็กพฤติกรรมสุขภาพ

"มันเริ่มต้นตั้งแต่แรกเกิด - เราเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เป็นกรอบเป็นรางวัลสำหรับเด็กเป็นคนดีหรือไม่ว่าจะเป็นกรอบที่มีเป็นอาหาร 'ดี' และอาหาร 'เลว' a มากกว่าความคิดของอาหารในชีวิตประจำวันและอาหารพิเศษ "ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์อธิบาย.

" พ่อแม่อาจจะต้องถาม 'วิธีใช้งานร่างกายเราคือใคร? อะไรคือการเรียงลำดับของกิจกรรมที่เราอาจจะทำตามที่ครอบครัว? มีบางโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มาจากพ่อแม่ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กของพวกเขาคือ ".

ที่เกี่ยวข้อง: นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรให้รางวัลแก่เด็กวัยหัดเดินของคุณด้วยอาหาร

สอนให้พวกเขาต้องเข้าใจสื่อสังคม

เป็นเด็กได้รับเก่าเพื่อนของพวกเขาเริ่มที่จะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของพวกเขาเกี่ยวกับ อาหารและร่างกายของพวกเขาและวันนี้สื่อสังคมช่วยให้คนหนุ่มสาวชุมชนในวงกว้างเพื่อเปรียบเทียบตัวเองไป.

"การเจริญเติบโตของสมองในวัยรุ่นปี ... ทำให้พวกเขามีความจุกดเพื่อเปรียบเทียบและความคมชัดของตัวเองกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของลักษณะทางกายภาพทางสังคม สถานะและญาติคุ้มค่า "ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์อธิบาย.

" คนหนุ่มสาวกลายเป็นแรงบันดาลใจมากขึ้นไปดูและการกระทำทางหนึ่งในการสั่งซื้อเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มทางสังคมที่ [และ] สำหรับคนหนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นมาในขณะนี้ประชากรเปรียบเทียบของพวกเขาคือของโลก 1.8 พันล้านคนหนุ่มสาวในโลก. "

ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์กล่าวว่าสื่อสังคมจะให้คนหนุ่มสาวที่เป็น" ความคิดที่ไม่สามารถบรรลุความสมบูรณ์แบบ "เพื่อเปรียบเทียบตัวเองไปและผู้ปกครองต้อง พร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขาและช่วยให้พวกเขาเข้าใจการแสดงละครและการแก้ไขของภาพที่พวกเขามักจะสัมผัสกับ.

"บทบาทของพ่อแม่ได้ขยับตัวไปไม่ได้เป็นเพียงการอบรมเลี้ยงดูในบ้าน แต่ยังจะช่วยให้คนหนุ่มสาวเจรจาการมีส่วนร่วมของพวกเขาในสื่อสังคมออนไลน์ "ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์อธิบาย.

เก็บสายสนทนาเปิด

หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้แท็บเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเด็กกับอาหารและร่างกายของพวกเขาคือการอำนวยความสะดวกในโอกาสสำหรับการสนทนาผ่อนคลายเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขา.

" ไม่ว่าจะเป็นการขับรถไปกิจกรรมกีฬาหรือการเดิน สุนัขด้วยกัน ... ใช้เวลาร่วมกันที่จะพูดคุยและความสัมพันธ์ซีเมนต์เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้การสนทนาที่ซับซ้อนมากขึ้นที่จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กได้รับเก่า "ศาสตราจารย์ซอว์เยอร์กล่าวว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการตั้งค่าเด็กของคุณขึ้นสำหรับความสัมพันธ์ของสุขภาพกับอาหารเมื่อมันมาถึงเด็กและอาหาร พ่อแม่สมัยนี้หน้าปริศนายาก ในมือข้างหนึ่ง , เราตลอดเวลาว่าเราอยู่ในท่ามกลางของโรคอ้วนระบาด แต่เรายังทราบว่า ความผิดปกติของการรับประทานอาหารเป็นคุกคามเยาวชนดังนั้นวิธีที่คุณสามารถช่วยให้เด็กพัฒนาความสัมพันธ์ของสุขภาพกับอาหารเพื่อให้พวกเขาไม่ได้อยากมาทำ และท้ายอันตรายเกินหรืออดอาหารเองเพื่อคัดลอก instagrammer ที่ชื่นชอบของพวกเขา" ผู้ปกครองใบหน้าเป็นเหมือนดาบสองคม ศาสตราจารย์ซูซาน ซอว์เยอร์ ผู้อำนวยการของศูนย์บริการของโรงพยาบาลรอยัลสำหรับเด็กเพื่อสุขภาพวัยรุ่น บอกโค้ช" หนึ่งในมือคุณไม่ต้องการให้เด็กเติบโตขึ้น อ้วน แต่ในมืออื่น ๆที่คุณจะต้องระมัดระวังมากเกี่ยวกับข้อความที่คุณให้เพราะไม่อยากให้บังเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่แข็งแรงกับอาหาร "หลังจาก 25 ปีทำงานในสุขภาพของเด็ก ศาสตราจารย์ ซอว์เยอร์มีคำแนะนำต่อไปนี้ :เอาความผิดจากอาหารสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองสามารถทำสำหรับเด็กของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นอาหารบางอย่างจะต้องรู้สึกผิดด้วยศาสตราจารย์ ซอว์เยอร์ แนะพ่อแม่ใช้หมายถึงอาหารที่เป็นอาหาร " ทุกวัน " หรือ " บางครั้ง " อาหารเพื่อให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่า อาหารเพื่อสุขภาพควรรับประทานตลอดเวลา และไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือสงวนไว้สำหรับงานปาร์ตี้หรือโอกาสพิเศษ" ประเภทของอาหารที่เราต้องการให้เด็กๆ ได้กินทุกวันไม่ใช่น้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มช็อคโกแลต และ เค้ก " เธออธิบาย" [ แต่ ] ในบริบทของการระบาดของโรคอ้วนนั้น ประเภทของอาหาร ไม่ควรใส่ความเป็นอาหารเราก็จะรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร อาหารเหล่านี้ [ สามารถ ] เป็นอาหารที่พิเศษที่คุณกิน ในงานเลี้ยงหรืองานเฉลิมฉลองพิเศษ”โดยการทำให้แน่ใจว่า ลูกของคุณตามอาหารสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย มีเลี้ยงอาหารเป็นอย่างดี คุณจะให้พวกเขามีโอกาสที่ดีที่สุดของที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด" วัยรุ่นมักจะต้องการที่จะเริ่มต้นการรับประทานอาหารในทางสุขภาพมากกว่าปกติเนื่องจากไม่พอใจกับลักษณะของพวกเขา " ศาสตราจารย์เยอร์จุดออก" นิด ๆหน่อย ๆของความสำเร็จจะ engenders ลาดลื่นเพื่อเพิ่มการสูญเสียน้ำหนัก .นำโดยตัวอย่างคุณสามารถตะโกนใส่เด็กของคุณเพื่อกินเพื่อสุขภาพทั้งหมดที่คุณชอบ แต่ถ้าห้องครัวของคุณเป็น stocked กับบิสกิต , ชิปและช็อคโกแลตที่คุณกินเป็นประจำแล้วคุณจะมีเวลาที่ยากได้รับข้อความของคุณข้าม" ถ้าอาหารที่อุดมไปด้วยพลังงานไม่ได้ซื้อเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการอภิปรายมากที่สามารถเกิดขึ้นได้ในตอนท้ายของวันวุ่นวาย " ศาสตราจารย์เยอร์กล่าว" เด็กเรียนรู้ด้วยการทำและโดยการสังเกต”วิธีที่พ่อแม่พูดคุยเกี่ยวกับอาหารและวิธีการที่พวกเขามักจะมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายยังสามารถมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าเด็กนิสัยสุขภาพ" มันเริ่มจากที่เราได้เรียนรู้ว่าอาหารเกิด ) เป็นกรอบเป็นรางวัลสำหรับเด็กเก่ง หรือ ไม่ว่าจะเป็นกรอบโดยมี " อาหารดี " และ " เลว " อาหารมากกว่าความคิดของอาหารทุกวันและอาหารพิเศษ " ศาสตราจารย์เยอร์อธิบาย" พ่อแม่อาจต้องถามว่าใช้งานจริงครับ อะไรคือประเภทของกิจกรรมที่เราอาจจะทำเป็นครอบครัว ? มีมหาศาลโอกาสที่มาจากครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็กของพวกเขา . "ที่เกี่ยวข้อง : นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรให้รางวัลเด็กวัยหัดเดินของคุณกับอาหารสอนให้เข้าใจสื่อสังคมเป็นเด็กได้รับเก่า เพื่อนของพวกเขาเริ่มที่จะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของพวกเขาเกี่ยวกับอาหารและร่างกายของพวกเขา และทุกวันนี้สื่อทางสังคมให้เยาวชน ชุมชนในวงกว้างที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับ" สมอง วุฒิภาวะในปี . . . . . . . วัยรุ่นให้กดความสามารถในการเปรียบเทียบและเปรียบตัวเองกับคนอื่น โดยเฉพาะในแง่ของลักษณะทางกายภาพ สถานะทางสังคม และญาติมูลค่า " ศาสตราจารย์เยอร์อธิบาย" คนหนุ่มสาวกลายเป็นแรงจูงใจมากขึ้นที่จะมองและทำท่าทางหนึ่งเพื่อให้พอดีกับที่สังคมกลุ่ม [ และ ] สำหรับเยาวชนที่เติบโตขึ้นในขณะนี้ ประชากรเปรียบเทียบพวกเขาเป็นโลก 1.8 พันล้านคน ในโลก”ศาสตราจารย์ซอเยอร์กล่าวว่าสื่อสังคมให้คนหนุ่มสาว " ความคิดไม่สามารถบรรลุความสมบูรณ์แบบ " เพื่อเปรียบเทียบ ตัวเองและพ่อแม่ต้องพร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขาและช่วยให้พวกเขาเข้าใจการแก้ไขของภาพพวกเขามักจะเผชิญกับ" บทบาทของผู้ปกครอง ได้เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่การอบรมเลี้ยงดูในบ้าน แต่ยังช่วยให้คนหนุ่มสาวเจรจาหมั้นของพวกเขาในสื่อสังคม " ศาสตราจารย์เยอร์อธิบายเก็บบรรทัดการเปิดหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้แท็บของเด็ก ความสัมพันธ์กับอาหารและร่างกายของพวกเขาเพื่อให้โอกาสผ่อนคลายการสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา" ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมกีฬา หรือขับรถให้สุนัขเดินด้วยกัน . . . . . . . ใช้เวลาร่วมกันเพื่อพูดคุยและความสัมพันธ์ปูนซีเมนต์เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้บทสนทนาที่ซับซ้อนมากขึ้นจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กอายุมากขึ้น ศาสตราจารย์ ซอว์เยอร์กล่าว