Historically, fuel economy regulati

Historically, fuel economy regulations have been an effective mechanism for improving vehicle fuel economy and reducing greenhouse gas (GHG) emissions associated with fuel combustion. Through model years 2004 to 2014, CO2 emissions decreased by 95 grams per mile (g/mi), or 21 percent, and fuel economy increased by 5.0 mpg, or 26 percent.1 These improvements were achieved mainly through the development and implementation of new engine technologies. As regulations become even more stringent, however, automakers are looking to additional solutions, such as reducing vehicle weight. In anticipation of these requirements, the steel industry accelerated introduction of advanced high strength steels (AHSS) in the 2000s and continues to introduce new AHSS grades with improved properties. These new materials offer not only higher strength, but higher formability, both of which enable vehicle weight reduction. Importantly, these new materials have the advantage of "still being steel," meaning their production generates comparatively fewer GHG emissions than alternative materials and they are 100 percent recyclable across steel grades.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติ ระเบียบเศรษฐกิจน้ำมันแล้วกลไกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการปรับปรุงรถประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซ (GHG) เรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้เชื้อเพลิง รุ่นปี 2004 ถึง ปี 2014 ปล่อย CO2 ลด 95 กรัมต่อไมล์ (g/mi), หรือร้อย ละ 21 และประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 5.0 mpg หรือ 26 percent.1 การปรับปรุงเหล่านี้สำเร็จส่วนใหญ่ผ่านการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ เป็นระเบียบกลายเป็นเข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม automakers กำลังมองหาโซลูชั่นเพิ่มเติม เช่นการลดน้ำหนักรถ ในความคาดหมายความต้องการเหล่านี้ อุตสาหกรรมเหล็กเร่งแนะนำขั้นสูงความแข็งแรงสูง steels (AHSS) ใน 2000s และยังคงแนะนำเกรด AHSS ใหม่ มีคุณสมบัติดีขึ้น วัสดุเหล่านี้ใหม่ให้ไม่เพียงแต่ความแข็งแรงสูง แต่สูง formability ซึ่งทั้งสองช่วยให้ลดน้ำหนักรถ สำคัญ วัสดุใหม่นี้มีข้อดีของ "ยังคงเป็นเหล็ก หมายถึง การผลิตของพวกเขาสร้างปล่อย GHG ที่ดีอย่างหนึ่งน้อยกว่าวัสดุอื่น และจะรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ในเกรดเหล็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อดีตข้อบังคับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับกลไกที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงของยานพาหนะและลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้เชื้อเพลิง ผ่านรุ่นปี 2004-2014, การปล่อย CO2 ลดลง 95 กรัมต่อไมล์ (g / ไมล์) หรือร้อยละ 21 และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 5.0 MPG, หรือ 26 percent.1 การปรับปรุงเหล่านี้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ผ่านการพัฒนาและการดำเนินการใหม่ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ ในฐานะที่เป็นกฎระเบียบที่กลายเป็นที่เข้มงวดมากขึ้นอย่างไรก็ตามผู้ผลิตรถยนต์ที่กำลังมองหาโซลูชั่นเพิ่มเติมเช่นการลดน้ำหนักรถ ในความคาดหมายของความต้องการเหล่านี้อุตสาหกรรมเหล็กเร่งการแนะนำของเหล็กความแข็งแรงสูงขั้นสูง (AHSS) ในยุค 2000 และยังคงแนะนำเกรด AHSS ใหม่ที่มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น วัสดุใหม่เหล่านี้ไม่เพียง แต่มีความแข็งแรงสูงขึ้น แต่ขึ้นรูปที่สูงขึ้นซึ่งทั้งสองช่วยให้ลดน้ำหนักยานพาหนะ ที่สำคัญเหล่านี้วัสดุใหม่มีความได้เปรียบของ "ที่ยังคงความเหล็ก" หมายถึงการผลิตน้อยลงเมื่อเทียบกับสร้างปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่าวัสดุทางเลือกและพวกเขาจะนำไปรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ทั่วเกรดเหล็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในอดีต ข้อบังคับการประหยัดเชื้อเพลิงได้เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงยานพาหนะและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ( GHG ) ที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ผ่านรุ่นปี 2004 ถึง 2014 , การปล่อย CO2 ลดลง 95 กรัมต่อกิโลเมตร ( g / MI ) หรือ 21 เปอร์เซ็นต์ และการประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 5.0 MPG หรือ 26 เปอร์เซ็นต์1 การปรับปรุงเหล่านี้ได้รับส่วนใหญ่ผ่านการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ เป็นข้อบังคับเป็นแม้ที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ผู้ผลิตกำลังมองหาโซลูชั่นเพิ่มเติม เช่น การลดน้ำหนักของยานพาหนะ . ในความคาดหมายของความต้องการเหล่านี้อุตสาหกรรมเหล็กเร่งแนะนำเหล็กทนแรงดึงสูงขั้นสูง ( ahss ) ในคริสต์ทศวรรษ 1980 และยังคงแนะนำเกรด ahss ใหม่ที่มีคุณสมบัติดีขึ้น วัสดุใหม่เหล่านี้ไม่เพียง แต่ความแข็งแรงที่สูงขึ้น แต่ความสามารถในการขึ้นรูป ซึ่งทั้งสองช่วยลดน้ำหนักรถ คือ วัสดุใหม่เหล่านี้ได้ประโยชน์จาก " ยังเป็นเหล็ก" การสร้างความหมายโดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงกว่าวัสดุอื่นและพวกเขาจะข้ามเกรดเหล็กรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์