Food consumption and expenditure st

Food consumption and expenditure studies are essential parts of market research. They
allow us to better understand the motivation behind individual and household purchase behavior.
They also aid us in determining factors driving these behaviors to better implement marketing
strategies, funding initiatives and food safety regulations. Recent research has focused its
attention on a trend that has grown exponentially over the past decade, one that has captured the
attention of agriculture communities all over the world. Organic agriculture has proven its
popularity with growing sales over the past decade. On average, organic products have generated
$5 billion in sales per year over the last decade (Guido et al. 2009) and can now be found in any
conventional supermarket. Before the commercialization of organic foods, nearly two thirds ofavailable organic products were sold by natural products retailers. A consumer searching for
organic products would always have to seek a specialty grocer or natural retailer to purchase
these types of foods. According to a USDA report, these natural retailers only occupied 1% of all
food stores in the United States (Dimitri and Greene, 2002). Consequently, organic foods were
not readily available until large supermarkets began to identify and adapt to the growing trend in
organic agriculture. By the year 2000, conventional supermarkets were selling 49% percent of
organic products and some were also outselling natural retailers in categories such as organic
milk and tofu (Dimitri and Greene, 2002).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษาปริมาณการใช้และค่าใช้จ่ายอาหารเป็นส่วนสำคัญของการวิจัยตลาด พวกเขาทำให้เราเข้าใจแรงจูงใจอยู่เบื้องหลังบุคคลและครัวเรือนซื้อลักษณะการทำงานพวกเขายังช่วยเราในการกำหนดปัจจัยผลักดันพฤติกรรมเหล่านี้จะใช้การตลาดดีกว่ากลยุทธ์ เงินทุนเงินลงทุนและกฎระเบียบความปลอดภัยอาหาร มีเน้นการวิจัยล่าสุดของความสนใจในแนวโน้มที่ได้เติบโตขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อกว่าทศวรรษ หนึ่งที่มี การความสนใจของชุมชนเกษตรกรรมทั่วโลก เกษตรอินทรีย์ได้พิสูจน์ความความนิยม ด้วยการขายเพิ่มขึ้นกว่าทศวรรษ โดยเฉลี่ย มีสร้างผลิตภัณฑ์อินทรีย์$5 พันล้านดอลลาร์ในยอดขายต่อปีมากกว่าทศวรรษ (กวีโดดาร้อยเอ็ด al. 2009) และขณะนี้พบในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ก่อน commercialization ของอาหารอินทรีย์ เกือบสองสาม ofavailable อินทรีย์ผลิตภัณฑ์ที่ขาย โดยร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ผู้บริโภคค้นหาสินค้าเกษตรอินทรีย์จะมีเพื่อค้นหาพิเศษชำหรือร้านค้าธรรมชาติซื้อเหล่านี้ชนิดของอาหาร ตามรายงานจาก ร้านค้าปลีกเหล่านี้ธรรมชาติเฉพาะครอบครอง 1% ของทั้งหมดร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา (Dimitri และ Greene, 2002) ดังนั้น อาหารอินทรีย์ได้เริ่มต้นไม่พร้อมจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในการระบุ และปรับให้เข้ากับแนวโน้มการเติบโตในเกษตรอินทรีย์ โดยปี 2000 ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมีขาย 49% เปอร์เซ็นต์ของสินค้าเกษตรอินทรีย์และบางส่วนที่ยัง outselling ปลีกธรรมชาติประเภทเช่นอินทรีย์นมและเต้าหู้ (Dimitri และ Greene, 2002)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การบริโภคอาหารและการศึกษาค่าใช้จ่ายเป็นส่วนสำคัญของการวิจัยตลาด พวกเขา
ช่วยให้เราสามารถเข้าใจถึงแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมการซื้อของแต่ละบุคคลและของใช้ในครัวเรือน.
พวกเขายังช่วยเราในการกำหนดปัจจัยผลักดันพฤติกรรมเหล่านี้ที่ดีกว่าการใช้การตลาด
กลยุทธ์การริเริ่มการระดมทุนและกฎระเบียบความปลอดภัยของอาหาร การวิจัยล่าสุดได้มุ่งเน้นไปที่
ความสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มที่มีการเติบโตขึ้นชี้แจงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาหนึ่งที่ได้จับ
ความสนใจของชุมชนเกษตรทั่วทุกมุมโลก เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการพิสูจน์
ความนิยมที่มียอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยสินค้าเกษตรอินทรีย์มีการสร้าง
$ 5000000000 ในการขายต่อปีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (กุย et al. 2009) และตอนนี้สามารถพบได้ใน
ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ก่อนที่การค้าของอาหารอินทรีย์เกือบสองในสาม ofavailable สินค้าเกษตรอินทรีย์ถูกนำไปขายตามร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ค้นหาผู้บริโภค
สินค้าเกษตรอินทรีย์มักจะมีการแสวงหาร้านขายของชำหรือร้านค้าปลีกพิเศษจากธรรมชาติที่จะซื้อ
อาหารประเภทนี้ ตามรายงานของ USDA เหล่านี้ร้านค้าปลีกธรรมชาติเท่านั้นครอบครอง 1% ของ
ร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา (ดิมิทรีและกรีน, 2002) ดังนั้นอาหารอินทรีย์มีความ
ไม่พร้อมจนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เริ่มที่จะระบุและปรับให้เข้ากับแนวโน้มการเติบโตใน
การทำเกษตรอินทรีย์ โดยในปี 2000, ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปกำลังขายร้อยละ 49% ของ
สินค้าเกษตรอินทรีย์และบางส่วนก็ยังร้านค้าปลีก outselling ธรรมชาติในประเภทเช่นอินทรีย์
นมและเต้าหู้ (ดิมิทรีและกรีน, 2002)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การบริโภคอาหารและค่าใช้จ่ายการศึกษาเป็นส่วนสําคัญของการวิจัยตลาด พวกเขา
ให้เราเข้าใจแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมบุคคลและจัดซื้อของใช้ในครัวเรือน .
พวกเขายังช่วยเหลือเราในการกำหนดปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมเหล่านี้ดีกว่าใช้กลยุทธ์การตลาด
, เงินทุนโครงการและกฎระเบียบความปลอดภัยอาหาร การวิจัยล่าสุดได้เน้นของ
ความสนใจในแนวโน้มที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หนึ่งที่มีที่จับความสนใจของการเกษตร
ชุมชนทั่วโลก เกษตรอินทรีย์ได้พิสูจน์ความนิยมของ
ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้สร้าง
$ 5 พันล้านดอลลาร์ในการขายต่อปี กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ( Guido et al . 2009 ) และสามารถพบได้ในใด ๆ
ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ก่อนที่ commercialization ของอาหารอินทรีย์ที่เกือบสองในสาม ofavailable ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ขายโดยธรรมชาติผลิตภัณฑ์ค้าปลีก ผู้บริโภคค้นหา
ผลิตภัณฑ์อินทรีย์จะต้องแสวงหาความสามารถพิเศษร้านชำหรือธรรมชาติค้าปลีกซื้อ
อาหารประเภทนี้ ตามการรายงาน USDA , ร้านค้าปลีกธรรมชาติเหล่านี้เพียง 1% ของทั้งหมด
ไม่ว่างร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา ( ดิมิทรี และกรีน , 2002 ) ดังนั้น อาหารอินทรีย์เป็น
ไม่พร้อมใช้งานจนกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เริ่มที่จะระบุและปรับให้เข้ากับแนวโน้มการเติบโตใน
การเกษตรอินทรีย์ โดยปี 2000 , ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปขาย 49 เปอร์เซ็นต์ของ
ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และบางยัง outselling ร้านค้าปลีกธรรมชาติในประเภทเช่นอินทรีย์
นม และ เต้าหู้ ( ดิมิทรี และกรีน , 2002 ) .