The objective of this study was to

The objective of this study was to examine adolescent age and experience with drug use on stigmatizing attitudes toward drug addiction. Data were derived from the 2005 cycle of the Ontario Student Drug Use Survey. In total, 4078, 7- to 12-graders completed self-administered questionnaires that included a measure of drug abuse stigma. Results indicated that stigma scores were higher among younger than older adolescents, and the decline across age was robust, occurring among both males and females and those from rural and non-rural areas. The decline, however, was stronger among non-drug users and among those who had no close friends that use drugs. Despite the age-related decline, the level of stigma in general suggested that drug abuse stigma may continue into adulthood. Findings highlight that individual attitudes toward drug use and drug abusers are salient factors for personal drug use. Given that stigma is a barrier to treatment, but reduced stigma may encourage greater adolescent use, this study highlights the need for more in-depth studies of drug stigma.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ตรวจสอบอายุวัยรุ่น และมีประสบการณ์กับการใช้ยาใน stigmatizing เจตคติติดยาเสพย์ติด ข้อมูลได้มาจากวงจร 2005 ของออนตาริโอนักเรียนยาเสพติดใช้แบบสำรวจ รวม 4078, 7 - ไป 12-นักเรียนสมบูรณ์แบบสอบถามที่ปกครองตนเองที่วัดยาละเมิดภาพดอกไม้ ผลระบุว่า ภาพดอกไม้คะแนนได้สูงกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่าวัยรุ่นเก่า และปฏิเสธในอายุแข็งแกร่ง เกิดขึ้นระหว่างเพศชาย และหญิง ทั้งจากชนบท และ ชนบทไม่ ปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ไม่แข็งปลอดยาเสพติดผู้ใช้ และ ระหว่างผู้ที่มีเพื่อนไม่สนิทที่ใช้ยาเสพติด แม้ มีอายุที่เกี่ยวข้องลดลง ระดับของภาพดอกไม้ทั่วไปแนะนำภาพดอกไม้ที่ละเมิดสิทธิยาต้องเป็นวุฒิ ผลการวิจัยเน้นเจตคติใช้ยาเสพติดและยา abusers แต่ละปัจจัยเด่นสำหรับใช้ส่วนตัวยาเสพติด ที่สติกมาเป็นอุปสรรคของการรักษา แต่คาวลดลงอาจส่งเสริมให้ใช้มากกว่าวัยรุ่น การศึกษานี้เน้นจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมในเชิงลึกของภาพดอกไม้ยา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบอายุวัยรุ่นและประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดเกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อการประทับตราติดยาเสพติด ข้อมูลที่ได้มาจากรอบ 2005 ผลการสำรวจการใช้ยานักศึกษานแทรีโอ ทั้งหมด 4078, 7 ถึง 12 คารมเสร็จสิ้นการตอบแบบสอบถามด้วยตนเองรวมถึงตัวชี้วัดของความอัปยศยาเสพติด ผลการศึกษาพบว่าคะแนนความอัปยศสูงในหมู่วัยรุ่นที่อายุน้อยกว่าเก่าและลดลงทั่วอายุเป็นแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นในหมู่ทั้งเพศชายและเพศหญิงและผู้ที่มาจากพื้นที่ชนบทและไม่ใช่ชนบท ลดลง แต่มีความแข็งแรงในหมู่ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ยาเสพติดและในหมู่ผู้ที่ไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ใช้ยาเสพติด แม้จะมีการลดลงของอายุที่เกี่ยวข้องกับระดับของความอัปยศโดยทั่วไปแนะนำว่าตราบาปยาเสพติดอาจจะยังคงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ผลการวิจัยเน้นว่าทัศนคติของแต่ละบุคคลที่มีต่อการใช้ยาเสพติดและผู้เสพยาเสพติดเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้ยาเสพติดส่วนบุคคล ที่ได้รับการตีตราว่าเป็นอุปสรรคต่อการรักษา แต่ความอัปยศที่ลดลงอาจส่งเสริมการใช้วัยรุ่นมากขึ้นการศึกษาครั้งนี้เน้นความจำเป็นในการศึกษาเพิ่มเติมในเชิงลึกของความอัปยศยาเสพติด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอายุวัยรุ่น และประสบการณ์กับการใช้ยาใน stigmatizing ทัศนคติต่อการติดยาเสพติด ข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจรอบของออนแทรีโอยานักเรียนใช้แบบสำรวจ รวม 4078 , 7 - 12 นักเรียนเสร็จแบบสอบถามที่รวมวัดปานยาเสพติด .ผลการวิจัยพบว่าคะแนนความสูงของน้องมากกว่าวัยรุ่นเก่า และความเสื่อมในอายุที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นในหมู่ทั้งชายและหญิง และผู้ที่มาจากชนบท และไม่ใช่ชนบท ลดลง อย่างไรก็ตาม กำลังแข็งแกร่งในหมู่ผู้ใช้ยาโนนและในหมู่ผู้ที่ไม่มีเพื่อนที่สนิท ที่ใช้ยา แม้จะมีการลดลงของ ,ระดับการออกกำลังกายโดยทั่วไป พบว่า ยากอาจยังคงเป็นผู้ใหญ่ แบบเน้นบุคคลทัศนคติต่อการใช้ยาเสพติดและผู้เสพสารเสพติดเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล . ระบุว่าปานเป็นอุปสรรคในการรักษา แต่ลดแผลเป็นอาจกระตุ้นมากกว่าวัยรุ่นใช้ การศึกษานี้เน้นความต้องการเชิงลึกมากขึ้น การศึกษาการตีตรา