Application of a random effects neg

Application of a random effects negative binomial model to examine tram-involved crash frequency on route sections in Melbourne, Australia

Highlights
•
Key factors influencing tram-involved crash frequency was identified.
•
A random effects negative binomial model was adopted.
•
Major crash contributing factors were tram stop spacing and tram service frequency.
•
Other factors were tram route section length and general traffic volume.
•
The results showed positive road safety benefits of tram priority measures.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แอพลิเคชันของแบบทวินามลบผลกระทบแบบสุ่มเพื่อตรวจสอบความถี่ของรถรางที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดในส่วนเส้นทางในเมลเบิร์น ออสเตรเลียไฮไลท์•ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อรถรางที่เกี่ยวข้องพบความถี่ของความล้มเหลว•รุ่นทวินามลบผลกระทบแบบสุ่มถูกนำมาใช้•ปัจจัยสำคัญล้มถูกรถรางหยุดรถรางและระยะห่างระหว่างบริการความถี่•ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีความยาวส่วนของเส้นทางรถรางและปริมาณจราจรทั่วไป•ผลการศึกษาพบประโยชน์ความปลอดภัยถนนบวกมาตรการสำคัญรถราง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประยุกต์ใช้รูปแบบทวินามผลกระทบสุ่มเชิงลบเพื่อตรวจสอบความถี่ผิดพลาดรถรางที่เกี่ยวข้องในส่วนเส้นทางในเมลเบิร์น, ออสเตรเลียไฮไลท์• ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความถี่ในความผิดพลาดของรถรางที่เกี่ยวข้องกับการที่ถูกระบุ. • ผลสุ่มเชิงลบรูปแบบทวินามเป็นลูกบุญธรรม. • ความผิดพลาดที่สำคัญปัจจัย มีระยะห่างระหว่างจุดจอดรถรางและรถบริการความถี่. • ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีความยาวรถรางเส้นทางส่วนและปริมาณการจราจรทั่วไป. • ผลการศึกษาพบประโยชน์ความปลอดภัยทางถนนในเชิงบวกของมาตรการรถรางมีความสำคัญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การประยุกต์ใช้ผลสุ่มลบแบบรูปแบบเพื่อตรวจสอบความผิดพลาดของความถี่ในส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางรถรางในเมลเบิร์น , ออสเตรเลียไฮไลท์-ปัจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลต่อรถรางเกี่ยวข้องชน ความถี่ที่ระบุ .-ผลสุ่มลบแบบโมเดลเป็นลูกบุญธรรม-หลักความล้มเหลวปัจจัยที่ถูกเว้นวรรคหยุดรถรางและความถี่บริการรถราง-มีความยาวส่วนเส้นทางรถรางและปริมาณการจราจรทั่วไป-พบประโยชน์ในเชิงบวกของมาตรการความปลอดภัยทางถนนรถราง