1. State a fact or make a claim in

1. State a fact or make a claim in the text; then cite your source in parentheses within the same sentence. In this case, the author(s) last name(s) and the date of publication appear outside the body of the sentence (that is, contrained within parentheses). For example:

It has been demonstrated that immediate recall is extremely limited for 5-year-old children (Jones, 2008).
Previous research has shown that response to an auditory stimulus is much faster than response to a visual stimulus (Smith & Jones, 2009).

2. You may want to use the source as the subject of your sentence. In this case, the author, name appear within the body of the sentence and only the year of publication is noted in parentheses. For example:

In a related study, Jones (2008) found that…
Smith and Jones (2009) found that…

With multiple authors, note that an ampersand (the symbol “&”) is used before the last author’s name when you cite your source in parentheses. Also note that the word “and” is used before the last author’s name when your source is the subject of your sentence. A few additional commonly used citation rules include the following:

1. When a publication has one or two authors, you cite all the author’s last names and the date every time you refer to this item in your text.
2. When a publication has three to five authors, you cite all of the author’s last names and the date the first time you refer to this item in your text. In subsequent citations, you only include the first author’s last name followed by “et al.” and the date. For example:

First time cited in text:
It has been found that word recall decreases as a function of age (Jones, Smith, & Brown, 2002).

Or
In a related study, Jones, Smith, and Brown (2002) found that…

Subsequent times cited in text:
It has also been found that word recognition decreases as a function of age (Jones et al., 2002).

Or
Jones et al. (2002) found that…

3. When a publication has six or more authors, your only include the first author’s last name followed by “et al.” and the date for the first and subsequent citations.
4. When you are citing more than one publication within the same parentheses, you list them in alphabetical order by the first authors’ last names and separate the items with a semicolon. For example,

Several studies (Jones, Smith, & Brown, 2002; Smith & Jones, 2009) found that…

In any case, the citation should provide enough information for the reader to find the complete reference in your list of reference at the end of the paper. Note that the APA convention for a citation requires that you identify only the author and the year of publication. Specifically, you do not include the authors’ first names, the name of the institution where the research was done, the title of the article, the name of the journal, or the volume number and pages. In addition, APA conventions allow you to simplify subsequent citations if a particular publication has already been cited within the same paper. See table.
It also is customary to distinguish between citations of empirical results and citations of theory or interpretation. To report an empirical result, for example, you could use:
Jones (2008) demonstated…

To cite a theory or speculation, for example, you might use:
Jones (2008) argued…

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. รัฐเป็นข้อเท็จจริง หรือทำคำร้องในข้อ อ้างอิงแหล่งข้อมูลในวงเล็บภายในประโยคเดียวกันแล้ว ในกรณีนี้ ชื่อสุดท้าย author(s) และวันเผยแพร่ปรากฏภายนอกร่างกายของประโยค (นั่นคือ contrained ภายในวงเล็บ) ตัวอย่าง:มันได้ถูกแสดงว่าเรียกคืนทันทีจำกัดมากสำหรับเด็กอายุ 5 ปี (Jones, 2008)งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้แสดงว่าตอบสนองต่อการกระตุ้นหูเร็วกว่าตอบสนองต่อการกระตุ้นภาพ (สมิธและโจนส์ 2009)2. คุณอาจต้องการใช้แหล่งที่มาเป็นหัวเรื่องของประโยคของคุณ ในกรณีนี้ ผู้เขียน ชื่อปรากฏในเนื้อความของประโยค และเป็นกล่าวเฉพาะปีพิมพ์ในวงเล็บ ตัวอย่าง:ในการศึกษาที่เกี่ยวข้อง โจนส์ (2008) พบว่า...สมิธและโจนส์ (2009) พบว่า...มีผู้เขียนหลายคน โปรดทราบว่า มีเครื่องหมาย ampersand (สัญลักษณ์ "&") ชื่อผู้สุดท้ายจะใช้เมื่อคุณอ้างอิงแหล่งข้อมูลในวงเล็บ โปรดสังเกตที่คำ "และ" ใช้หน้าชื่อของผู้เขียนสุดท้ายเมื่อแหล่งที่มาของ หัวเรื่องของประโยคของคุณ ไม่กี่กฎเพิ่มเติมอ้างอิงใช้ทั่วไปมีดังนี้:1. เมื่อสิ่งพิมพ์ได้หนึ่ง หรือสองเขียน คุณอ้างชื่อสกุลของผู้เขียนทั้งหมดและวันทุกครั้งที่คุณอ้างถึงรายการนี้ในข้อความของคุณ2. เมื่อสิ่งพิมพ์มีผู้แต่ง 3-5 คุณอ้างชื่อสกุลของผู้เขียนและวันเป็นครั้งแรกที่คุณอ้างถึงรายการนี้ในข้อความของคุณทั้งหมด ในอ้างต่อมา คุณเพียงใส่ชื่อสกุลของผู้เขียนแรกตาม ด้วย "et al." และวัน ตัวอย่าง:ครั้งแรกที่อ้างถึงในข้อความ: จะพบว่าคำเรียกคืนลดเป็นฟังก์ชันของอายุ (Jones, Smith, & Brown, 2002)หรือ ในการศึกษาที่เกี่ยวข้อง โจนส์ สมิธ และสีน้ำตาล (2002) พบว่า...อ้างถึงในข้อความครั้งต่อ ๆ ไป: นอกจากนี้ยังได้พบคำนั้นรู้ลดเป็นฟังก์ชันของอายุ (Jones et al., 2002)หรือ โจนส์ et al. (2002) พบว่า...3. เมื่อสิ่งพิมพ์มีเขียน 6 หรือมากกว่า ของคุณเท่านั้นรวมผู้แรกชื่อสกุลตาม ด้วย "et al." และวันที่การอ้างอิงแรก และตามมาด้วย4. เมื่อคุณจะอ้างถึงสิ่งพิมพ์มากกว่าหนึ่งภายในวงเล็บเดียวกัน คุณรายการตามลำดับอักษรตามชื่อสกุลของผู้เขียนครั้งแรก และแยกรายการ ด้วยเครื่องหมายอัฒภาค ตัวอย่างศึกษาหลาย (โจนส์ Smith, & Brown, 2002 สมิธและโจนส์ 2009) พบว่า...การอ้างอิงควรให้ข้อมูลที่เพียงพอสำหรับผู้อ่านในการค้นหาการอ้างอิงที่สมบูรณ์ในรายการของข้อมูลอ้างอิงในตอนท้ายของกระดาษ โปรดสังเกตว่า การประชุมอาป้าสำหรับการอ้างอิงต้องมีที่คุณระบุเท่านั้นผู้เขียนและปีพิมพ์ โดยเฉพาะ คุณไม่ใส่ชื่อผู้เขียน ชื่อสถาบันที่วิจัยสำเร็จ ชื่อเรื่องของบทความ ชื่อสมุดราย วัน หรือหมายเลขไดรฟ์ข้อมูล และหน้า อาป้าแบบแผนช่วยให้คุณง่ายต่อมาอ้างถ้าอ้างเผยแพร่เฉพาะภายในเอกสารเดียวกันแล้ว ดูตารางนอกจากนี้ยังได้แยกแยะอ้างผลประจักษ์และอ้างทฤษฎีหรือตีความจารีตประเพณี การรายงานผลประจักษ์ ตัวอย่าง คุณสามารถใช้:โจนส์ (2008) demonstated ...การอ้างอิงทฤษฎีหรือเก็งกำไร เช่น คุณอาจใช้: โต้เถียงโจนส์ (2008) ...

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 สภาพความจริงหรือทำให้การเรียกร้องในข้อความ แล้วอ้างอิงแหล่งที่มาของคุณในวงเล็บในประโยคเดียวกัน ในกรณีนี้ผู้เขียน ( s ) นามสกุล ( s ) และวันที่ของสิ่งพิมพ์ที่ปรากฏภายนอกร่างกายของประโยค ( คือ contrained ภายในวงเล็บ ) ตัวอย่าง :

มันได้ถูกแสดงให้นึกถึงทันทีคือน้อยมากสำหรับเด็กวัย 5 ขวบ ( Jones , 2008 ) .
งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าการตอบสนองต่อการกระตุ้นการได้ยินจะเร็วกว่ามาก การตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มองเห็น ( Smith &โจนส์ , 2009 ) .

2 คุณอาจต้องการที่จะใช้แหล่งที่มาเป็นประธานของประโยค ใน กรณีนี้ ผู้เขียน ชื่อที่ปรากฏภายในเนื้อความของประโยคเท่านั้น และปีพิมพ์ไว้ในวงเล็บ . ตัวอย่าง :

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โจนส์ ( 2551 ) พบว่า . . . . . . .
สมิธโจนส์ ( 2009 ) พบว่า . . . . . . .

มีผู้เขียนหลายคนทราบว่าแอมเพอร์แซนด์ ( สัญลักษณ์ " & " ) ใช้ชื่อสุดท้ายก่อนที่ผู้เขียนเมื่อคุณอ้างถึงแหล่งที่มาของคุณในวงเล็บ . นอกจากนี้ยังทราบว่า คำว่า " และ " เป็นชื่อที่ผู้เขียนใช้ก่อนสุดท้ายเมื่อแหล่งที่มาของคุณคือประธานของประโยค ไม่กี่เพิ่มเติมมักใช้อ้างอิงกฎดังต่อไปนี้

1เมื่อผู้เขียนสิ่งพิมพ์มีหนึ่งหรือสองที่คุณอ้างถึงทั้งหมดของผู้เขียนนามสกุลและวันที่ทุกครั้งที่คุณดูรายการนี้ในข้อความของคุณ .
2 เมื่อพิมพ์ได้สามถึงห้าผู้เขียน คุณอ้างถึงทั้งหมดของผู้เขียนนามสกุลและอาจเป็นครั้งแรกที่คุณดูรายการนี้ในข้อความของคุณ ในการอ้างอิงภายหลัง คุณเพียงมีครั้งแรกที่ผู้เขียนนามสกุลตามด้วย " et al ." และวันที่ ตัวอย่าง :

เป็นครั้งแรกที่อ้างถึงในข้อความ :
พบว่า คำเรียกที่ลดลงเป็นฟังก์ชันของอายุ ( Jones , สมิธ , &สีน้ำตาล , 2002 )


หรือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โจนส์ สมิธ และ สีน้ำตาล ( 2002 ) พบว่า . . . . . . .

ตามมาเวลาที่อ้างถึงในข้อความ :
มันนอกจากนี้ยังพบว่าการรับรู้ลดลงเป็นฟังก์ชันของอายุ ( Jones et al . , 2002 ) .

หรือ
Jones et al . ( 2002 ) พบว่า . . . . . . .

3เมื่อผู้เขียนสิ่งพิมพ์มีหกหรือมากกว่าของคุณ รวมเฉพาะแรกของผู้เขียน นามสกุลตามด้วย " et al . " และอาจเป็นครั้งแรก และต่อมาเข้าไว้ .
4 เมื่อคุณอ้างมากกว่าหนึ่งสิ่งพิมพ์ภายในวงเล็บเดียวกันคุณรายการตามลำดับอักษรของผู้เขียน ' ก่อนนามสกุล และแยกรายการด้วยเครื่องหมายอัฒภาค ตัวอย่างเช่น

หลายการศึกษา ( โจนส์สมิธ &สีน้ำตาล , 2002 ; Smith &โจนส์ , 2009 ) พบว่า . . . . . . .

ในกรณีใด ๆการอ้างอิงควรให้ข้อมูลที่เพียงพอสำหรับผู้อ่านเพื่อหาอ้างอิงให้ในรายการของการอ้างอิงของคุณที่ท้ายของกระดาษ หมายเหตุการประชุม APA สำหรับการอ้างอิง ต้องระบุเฉพาะชื่อผู้แต่งและปีพิมพ์ . โดยเฉพาะ คุณไม่ใส่ชื่อผู้เขียนก่อนชื่อของสถาบันการศึกษาที่ดำเนินการวิจัย ชื่อเรื่องของบทความ ชื่อของวารสารหรือปริมาณและจำนวนหน้า นอกจากนี้ การประชุมในช่วยให้คุณสามารถลดความซับซ้อนตามมาเข้าไว้ถ้าสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะได้มีการอ้างถึงในเอกสารเดียวกัน
เห็นตารางมันเป็นประเพณีที่จะแยกแยะระหว่างการอ้างอิงผลเชิงประจักษ์ และอ้างอิงทฤษฎีหรือการตีความ รายงานผลเป็นเชิงประจักษ์ , ตัวอย่างเช่น , คุณสามารถใช้ :
demonstated โจนส์ ( 2551 ) . . . . . . .

อ้างอิงทฤษฎีหรือการเก็งกําไร ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้ :
โจนส์ ( 2551 ) ที่ถกเถียงกันอยู่ . . . . . . .