The rise of neoliberalism in the En

The rise of neoliberalism in the English-speaking world is most notably associated with US President Ronald Reagan (1981–8) and British Prime Minister Margaret Thatcher (1979–90). Their fervent campaign to put an end to Keynesian-style ‘big government’ was shared by the Australian Prime Minister Malcolm Fraser (1975–83) and the Canadian Prime Minister Brian Mulroney (1984–93). These political leaders not only articulated the core ideological claims of neoliberalism but also sought to convert them into public policies and programmes. What distinguished Reagan and Thatcher from many other neoliberals, however, was their remarkable resolve to stand by their principles even when it was politically risky or inconvenient to do so. President Reagan, for example, seriously considered not running for a second termin office if doing so meant
he would have to reverse his deep tax cuts. Similarly, when some conservative members within Thatcher’s own Tory Party stated that they could no longer tolerate her tough anti-inflation policies, she boldly declared, ‘You turn if you want to – this Lady is not for turning’. Indeed, the ‘Iron Lady’ was famous for coining other ideological slogans such as ‘There Is No Alternative’ (to her neoliberal agenda). Although the political Left in Britain lost no time in assailing such economic determinism, it nonetheless failed to assemble an alternative political vision that would prove the Prime Minister wrong.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเพิ่มขึ้นของ neoliberalism ในโลกภาษาอังกฤษเป็นขุนนางที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีโรนัลด์เรแกน (1981-8) และนายกรัฐมนตรีอังกฤษมาร์กาเรตแทตเชอร์ (1979 – 90) แคมเปญของพวกเขาทั้งหลายให้หมดสิ้นไปสำนักเคนส์สไตล์ 'บิ๊กรัฐบาล' ถูกใช้ร่วมกัน โดย Malcolm นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเฟรเซอร์ (1975 – 83) และ Brian Mulroney แคนาดานายกรัฐมนตรี (1984 – 93) ผู้นำทางการเมืองเหล่านี้ไม่เพียงแต่การเรียกร้องอุดมการณ์หลักของ neoliberalism พูดชัดแจ้ง แต่การแปลงเป็นนโยบายสาธารณะและโครงการ สิ่งแตกต่างเรแกนและภาวะจาก neoliberals อื่น ๆ มากมาย อย่างไรก็ตาม ถูกแก้ไขตนโดดเด่นไปเด่น โดยหลักของพวกเขาแม้ว่าจะมีความเสี่ยงทางการเมือง หรือไม่สะดวกที่จะทำเช่นนั้น ประธานาธิบดีเรแกน เช่น อย่างจริงจังถือว่าไม่ได้ทำงานสำหรับสำนักงาน termin สองถ้าวิธีนี้หมายความเขาจะต้องเขาตัดลึกภาษีย้อนกลับ ในทำนองเดียวกัน เมื่อสมาชิกบางคนที่อนุรักษ์นิยมภายในของภาวะ Tory พรรคระบุว่า พวกเขาจะไม่ยอมเธอยากต่อต้านเงินเฟ้อนโยบาย เธอประกาศอย่างกล้าหาญ 'คุณเปิดถ้าคุณต้องการ-เลดี้นี้ไม่ได้เปิด' จริง ' หญิงเหล็ก ' ได้บัญญัติศัพท์คำขวัญอื่น ๆ อุดมการณ์เช่น 'มีคือไม่มีทางเลือก' (วาระเธอ neoliberal) ชื่อเสียง แม้ว่าฝ่ายซ้ายในราชอาณาจักรไม่เสียเวลาในการ assailing ชะตาเศรษฐกิจดังกล่าว จะกระนั้นไม่สามารถรวบรวมวิสัยทัศน์ทางการเมืองเป็นทางเลือกที่จะพิสูจน์ว่านายกฯ ผิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเพิ่มขึ้นของ neoliberalism ในการพูดภาษาอังกฤษเป็นโลกที่โดดเด่นที่สุดที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ( 1981 ) 8 ) และนายกรัฐมนตรีมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ( 1979 – 90 ) แคมเปญที่แรงกล้าของพวกเขาให้หมดสิ้นไป สไตล์ ' ' ของรัฐบาลใหญ่ถูกใช้ร่วมกัน โดยออสเตรเลียนายกรัฐมนตรี Malcolm เฟรเซอร์ ( 1975 – 83 ) และนายกรัฐมนตรีแคนาดาไบรอัน มัลโรนีย์ ( 1984 ( 93 ) ผู้นำทางการเมืองเหล่านี้ไม่เพียง แต่ก้องหลักอุดมการณ์ของ neoliberalism แต่ยังพยายามที่จะแปลงให้เป็นนโยบายสาธารณะและโครงการ สิ่งที่แตกต่างจาก neoliberals แทตเชอร์ เรแกน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็แก้ปัญหาที่น่าทึ่งของพวกเขายืนโดยหลักการของพวกเขาแม้เมื่อมันคือการเมืองที่มีความเสี่ยง หรือไม่สะดวกที่จะทำเช่นนั้น ประธานาธิบดีเรแกน ตัวอย่างเช่น พิจารณาอย่างจริงจัง ไม่ใช่วิ่งสำหรับสำนักงาน termin ที่สองถ้าทำอะไรแล้วตั้งใจเขาจะต้องกลับลดภาษีลึกของเขา ในทำนองเดียวกัน เมื่อบางอนุสมาชิกภายในพรรค Tory แทตเชอร์เองระบุว่า พวกเขาจะไม่ยอมให้เธอลำบาก ป้องกันเงินเฟ้อ นโยบาย เธอกล้าที่จะประกาศว่า ' คุณเปิดถ้าคุณต้องการ–หญิงไม่เปิด " จริงๆ , ' ' หญิงเหล็กที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างคำขวัญอุดมการณ์อื่นๆ เช่น ' ไม่มีทางเลือก ' ( วาระ neoliberal ของเธอ ) แม้การเมืองในอังกฤษเสียไม่มีเวลาโจมตีลัทธิทางเศรษฐกิจ เช่น อย่างไรก็ตามล้มเหลวในการรวบรวมทางเลือกวิสัยทัศน์ทางการเมืองที่อาจพิสูจน์ว่านายกฯผิด