มีขนยาวหนาแน่น สีพื้นเทาอมเหลือง บริเวณสีข้างจะอมเหลืองจาง ๆ มีลายดอกเข้มทั่วตัวคล้ายเสือดาว (Panthera pardus) ช่วยให้ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยซึ่งเป็นภูเขาหินและหิมะปกคลุม ลายดอกบริเวณหลังและสีข้างมีขนาดใหญ่ ส่วนบริเวณหัวและขาเป็นลายจุดขนาดเล็ก บริเวณคาง อก และท้องเป็นสีขาวปลอดไม่มีลาย ลายบริเวณหลังและสีข้างจะจางกว่าบริเวณอื่นซึ่งต่างจากเสือลายจุดชนิดอื่นที่มักมีลายที่หลังเข้มกว่า หางด้านบนจะเป็นวงสีดำ ด้านล่างของหางเป็นจุดจาง ๆ เปรียบเทียบลายดอกของเสือดาวหิมะกับของเสือดาวแล้ว ดอกของเสือดาวหิมจะห่างกันมากกว่า และไม่คมชัดเท่า มีกล้ามเนื้อหน้าอกและหัวไหล่ที่แข็งแรง อุ้งเท้ากว้างแข็งแรงและปกคลุมด้วยขน ช่วยให้เพิ่มพื้นที่ผิวและกระจายน้ำหนักตัวลงบนหิมะได้อย่างสม่ำเสมอ และช่วยปกป้องอุ้งเท้าจากความเย็นของหิมะได้ดี มีโพรงจมูกใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษช่วยให้อากาศที่เย็นเปลี่ยนเป็นอุ่น ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าไปในปอด[3] และมีหางยาวที่ขนฟูสามารถพันรอบตัวเพื่อป้องกันความหนาวได้เหมือนผ้าพันคอ[4]
มีความยาวลำตัวและหัว 90-135 เซนติเมตร ความยาวหาง 90 เซนติเมตร ความสูงถึงหัวไหล่ 60 เซนติเมตร น้ำหนักในตัวผู้ 44-55 กิโลกรัม ตัวเมีย 35-40 กิโลกรัม
มีการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางบนภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมในภูมิภาคเอเชียกลาง เช่น มองโกเลีย, ภูฐาน, ทิเบต, จีน, อัฟกานิสถาน, รัสเซีย, อินเดีย, เนปาล โดยพบที่ทิเบตและจีนมากที่สุด มีชนิดย่อยทั้งหมด 2 ชนิด คือ U. u. uncia พบในมองโกเลียและรัสเซีย และ U. u. uncioides พบในจีนและเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งที่อยู่ของทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เชื่อมต่อติดกัน
มีพฤติกรรมและชีววิทยาเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้อาย มักหลบเมื่อพบกับมนุษย์ สามารถกระโดดได้ไกลถึง 15 เมตร มีรายงานนอนกลางวันชอบหลบไปนอนในรังของแร้งดำหิมาลัย (Aegypius monachus) โดยการกระโดดขึ้นไปเลยไม่ใช้การปีน
ออกล่าเหยื่อในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืน โดยล่าสัตว์ทุกขนาดทั้งสัตว์ใหญ่สัตว์เล็ก โดยปกติแล้วจะล่าเหยื่อและอยู่ตามลำพัง ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์ ที่อาจอยู่เป็นคู่ เมื่อล่าเหยื่อได้แล้วอาจจะกินไม่หมดในครั้งเดียว อาจใช้เวลานานถึง 3-4 วันกว่าเหยื่อจะหมด นานที่สุดคือ 1 สัปดาห์
เสือดาวหิมะมักอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ในระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ก่อนที่จะเดินทางไกลไปอีกที่หนึ่ง ระยะทางที่เดินทางวันหนึ่งเฉลี่ยราว 1 กิโลเมตรสำหรับตัวผู้และ 1.3 กิโลเมตรสำหรับตัวเมีย บางครั้งอาจเดินทางได้ไกลถึงวันละ 7 กิโลเมตร
ในอดีตมีการล่าเสือดาวหิมะเพื่อทำเป็นเสื้อขนสัตว์ โดยมีราคาซื้อขายสูงถึงตัวละ 50,000 ดอลลาร์ และมีการล่าถึงปีละ 1,000 ตัว จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1952 ทางรัฐบาลอินเดียจึงได้ออกกฎหมายคุ้มครองขึ้นมา แต่ปัจจุบันก็ยังมีการลักลอบในพื้นที่ต่าง ๆ เช่นกัน
ปัจจุบัน คาดการว่ามีปริมาณเสือดาวหิมะเหลืออยู่ในธรรมชาติประมาณ 4,000 ตัว
มีขนยาวหนาแน่นสีพื้นเทาอมเหลืองบริเวณสีข้างจะอมเหลืองจางๆ (Panthera pardus) มีลายดอกเข้มทั่วตัวคล้ายเสือดาวช่วยให้ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยซึ่งเป็นภูเขาหินและหิมะปกคลุมลายดอกบริเวณหลังและสีข้างมีขนาดใหญ่ส่วนบริเวณหัวและขาเป็นลายจุดขนาดเล็กบริเวณคางอกและท้องเป็นสีขาวปลอดไม่มีลายลายบริเวณหลังและสีข้างจะจางกว่าบริเวณอื่นซึ่งต่างจากเสือลายจุดชนิดอื่นที่มักมีลายที่หลังเข้มกว่าหางด้านบนจะเป็นวงสีดำด้านล่างของหางเป็นจุดจางๆ เปรียบเทียบลายดอกของเสือดาวหิมะกับของเสือดาวแล้วดอกของเสือดาวหิมจะห่างกันมากกว่าและไม่คมชัดเท่ามีกล้ามเนื้อหน้าอกและหัวไหล่ที่แข็งแรงอุ้งเท้ากว้างแข็งแรงและปกคลุมด้วยขนช่วยให้เพิ่มพื้นที่ผิวและกระจายน้ำหนักตัวลงบนหิมะได้อย่างสม่ำเสมอและช่วยปกป้องอุ้งเท้าจากความเย็นของหิมะได้ดีมีโพรงจมูกใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษช่วยให้อากาศที่เย็นเปลี่ยนเป็นอุ่นก่อนที่จะสูดหายใจเข้าไปในปอด [3] และมีหางยาวที่ขนฟูสามารถพันรอบตัวเพื่อป้องกันความหนาวได้เหมือนผ้าพันคอ [4]มีความยาวลำตัวและหัว 90-135 เซนติเมตร ความยาวหาง 90 เซนติเมตร ความสูงถึงหัวไหล่ 60 เซนติเมตร น้ำหนักในตัวผู้ 44-55 กิโลกรัม ตัวเมีย 35-40 กิโลกรัมมีการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางบนภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมในภูมิภาคเอเชียกลาง เช่น มองโกเลีย, ภูฐาน, ทิเบต, จีน, อัฟกานิสถาน, รัสเซีย, อินเดีย, เนปาล โดยพบที่ทิเบตและจีนมากที่สุด มีชนิดย่อยทั้งหมด 2 ชนิด คือ U. u. uncia พบในมองโกเลียและรัสเซีย และ U. u. uncioides พบในจีนและเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งที่อยู่ของทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เชื่อมต่อติดกันมีพฤติกรรมและชีววิทยาเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้อาย มักหลบเมื่อพบกับมนุษย์ สามารถกระโดดได้ไกลถึง 15 เมตร มีรายงานนอนกลางวันชอบหลบไปนอนในรังของแร้งดำหิมาลัย (Aegypius monachus) โดยการกระโดดขึ้นไปเลยไม่ใช้การปีนออกล่าเหยื่อในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืน โดยล่าสัตว์ทุกขนาดทั้งสัตว์ใหญ่สัตว์เล็ก โดยปกติแล้วจะล่าเหยื่อและอยู่ตามลำพัง ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์ ที่อาจอยู่เป็นคู่ เมื่อล่าเหยื่อได้แล้วอาจจะกินไม่หมดในครั้งเดียว อาจใช้เวลานานถึง 3-4 วันกว่าเหยื่อจะหมด นานที่สุดคือ 1 สัปดาห์เสือดาวหิมะมักอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ในระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ก่อนที่จะเดินทางไกลไปอีกที่หนึ่ง ระยะทางที่เดินทางวันหนึ่งเฉลี่ยราว 1 กิโลเมตรสำหรับตัวผู้และ 1.3 กิโลเมตรสำหรับตัวเมีย บางครั้งอาจเดินทางได้ไกลถึงวันละ 7 กิโลเมตรในอดีตมีการล่าเสือดาวหิมะเพื่อทำเป็นเสื้อขนสัตว์ โดยมีราคาซื้อขายสูงถึงตัวละ 50,000 ดอลลาร์ และมีการล่าถึงปีละ 1,000 ตัว จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1952 ทางรัฐบาลอินเดียจึงได้ออกกฎหมายคุ้มครองขึ้นมา แต่ปัจจุบันก็ยังมีการลักลอบในพื้นที่ต่าง ๆ เช่นกันปัจจุบัน คาดการว่ามีปริมาณเสือดาวหิมะเหลืออยู่ในธรรมชาติประมาณ 4,000 ตัว
การแปล กรุณารอสักครู่..
มีขนยาวหนาแน่นสีพื้นเทาอมเหลืองบริเวณสีข้างจะอมเหลืองจาง ๆ มีลายดอกเข้มทั่วตัวคล้ายเสือดาว (Panthera เสือดาว) บริเวณคางอกและท้องเป็นสีขาวปลอดไม่มีลาย หางด้านบนจะเป็นวงสีดำด้านล่างของหางเป็นจุดจาง ๆ ดอกของเสือดาวหิมจะห่างกันมากกว่าและไม่คมชัดเท่า ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าไปในปอด [3] 90-135 เซนติเมตรความยาวหาง 90 เซนติเมตรความสูงถึงหัวไหล่ 60 เซนติเมตรน้ำหนักในตัวผู้ 44-55 กิโลกรัมตัวเมีย 35-40 เช่นมองโกเลีย, ภูฐาน, ทิเบต, จีน, อัฟกานิสถาน, รัสเซีย, อินเดีย, เนปาลโดยพบที่ทิเบตและจีนมากที่สุดมีชนิดย่อยทั้งหมด 2 ชนิดคือยูยู Uncia พบในมองโกเลียและรัสเซียและยูยู uncioides พบในจีนและเทือกเขาหิมาลัยซึ่งที่อยู่ของทั้ง 2 มักหลบเมื่อพบกับมนุษย์สามารถกระโดดได้ไกลถึง 15 เมตร (Aegypius Monachus) ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์ที่อาจอยู่เป็นคู่ อาจใช้เวลานานถึง 3-4 วันกว่าเหยื่อจะหมดนานที่สุดคือ 1 ๆ ในระยะเวลาประมาณ 7-10 วันก่อนที่จะเดินทางไกลไปอีกที่หนึ่ง 1 กิโลเมตรสำหรับตัวผู้และ 1.3 กิโลเมตรสำหรับตัวเมียบางครั้งอาจเดินทางได้ไกลถึงวันละ 7 โดยมีราคาซื้อขายสูงถึงตัวละ 50,000 ดอลลาร์และมีการล่าถึงปีละ 1,000 ตัวจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1952 เช่นกัน ๆปัจจุบัน 4,000 ตัว
การแปล กรุณารอสักครู่..
มีขนยาวหนาแน่นสีพื้นเทาอมเหลืองบริเวณสีข้างจะอมเหลืองจางจะมีลายดอกเข้มทั่วตัวคล้ายเสือดาว ( Panthera @ label : listbox KDE distribution method ) ช่วยให้ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยซึ่งเป็นภูเขาหินและหิมะปกคลุมส่วนบริเวณหัวและขาเป็นลายจุดขนาดเล็กบริเวณคางอกและท้องเป็นสีขาวปลอดไม่มีลายลายบริเวณหลังและสีข้างจะจางกว่าบริเวณอื่นซึ่งต่างจากเสือลายจุดชนิดอื่นที่มักมีลายที่หลังเข้มกว่าหางด้านบนจะเป็นวงสีดำจะเปรียบเทียบลายดอกของเสือดาวหิมะกับของเสือดาวแล้วดอกของเสือดาวหิมจะห่างกันมากกว่าและไม่คมชัดเท่ามีกล้ามเนื้อหน้าอกและหัวไหล่ที่แข็งแรงอุ้งเท้ากว้างแข็งแรงและปกคลุมด้วยขนและช่วยปกป้องอุ้งเท้าจากความเย็นของหิมะได้ดีมีโพรงจมูกใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษช่วยให้อากาศที่เย็นเปลี่ยนเป็นอุ่นก่อนที่จะสูดหายใจเข้าไปในปอด [ 2 ]
มีความยาวลำตัวและหัว 90-135 เซนติเมตรความยาวหาง 90 เซนติเมตรความสูงถึงหัวไหล่ 60 เซนติเมตรน้ำหนักในตัวผู้ 44-55 กิโลกรัมตัวเมีย 35-40 กิโลกรัม
มีการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางบนภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมในภูมิภาคเอเชียกลางเช่นมองโกเลียภูฐานทิเบตจีน , , , อัฟกานิสถานรัสเซียอินเดีย , , , , โดยพบที่ทิเบตและจีนมากที่สุดเนปาลมีชนิดย่อยทั้งหมด 2 ชนิดความ U Uนเซีย พบในมองโกเลียและรัสเซียและ U U uncioides พบในจีนและเทือกเขาหิมาลัยซึ่งที่อยู่ของทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เชื่อมต่อติดกัน
มีพฤติกรรมและชีววิทยาเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้อายมักหลบเมื่อพบกับมนุษย์สามารถกระโดดได้ไกลถึง 15 เมตรมีรายงานนอนกลางวันชอบหลบไปนอนในรังของแร้งดำหิมาลัย ( aegypius โมนาคัส ) โดยการกระโดดขึ้นไปเลยไม่ใช้การปีน
ออกล่าเหยื่อในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืนโดยล่าสัตว์ทุกขนาดทั้งสัตว์ใหญ่สัตว์เล็กโดยปกติแล้วจะล่าเหยื่อและอยู่ตามลำพังยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์ที่อาจอยู่เป็นคู่เมื่อล่าเหยื่อได้แล้วอาจจะกินไม่หมดในครั้งเดียว3-4 วันกว่าเหยื่อจะหมดนานที่สุดคือสัปดาห์
1
เสือดาวหิมะมักอยู่ในพื้นที่เล็กในระยะเวลาประมาณ 7-10 จะได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่าก่อนที่จะเดินทางไกลไปอีกที่หนึ่งระยะทางที่เดินทางวันหนึ่งเฉลี่ยราว 1 กิโลเมตรสำหรับตัวผู้และ 13 กิโลเมตรสำหรับตัวเมียบางครั้งอาจเดินทางได้ไกลถึงวันละ 7 กิโลเมตร
ในอดีตมีการล่าเสือดาวหิมะเพื่อทำเป็นเสื้อขนสัตว์โดยมีราคาซื้อขายสูงถึงตัวละ 50000 ดอลลาร์และมีการล่าถึงปีละ 1000 ตัวจนกระทั่งในปีค . ศ .1952 ทางรัฐบาลอินเดียจึงได้ออกกฎหมายคุ้มครองขึ้นมาแต่ปัจจุบันก็ยังมีการลักลอบในพื้นที่ต่างจะเช่นกัน
ปัจจุบันคาดการว่ามีปริมาณเสือดาวหิมะเหลืออยู่ในธรรมชาติประมาณ 4000 ตัว
การแปล กรุณารอสักครู่..