Based on the results from our study

Based on the results from our study with ‘Kazan F1’ cultivar, it is possible to assess to some extent the efficiency of iodine biofortification of carrot taking into consideration its influence on yield quality and storage potential of this crop. Increasing iodine content in carrot may be advisable due to a high level of β-carotene – a direct precursor of vitamin A that has been shown to have a positive effect on thyroid function (Zimmermann, 2007). Iodine application combined with plant fertilizer with relatively high doses of nitrogen (100 kg N ha−1 applied pre-sowing and as a top dressing in the form of calcium nitrate and ammonium sulphate) did, however, decrease the quality of carrot yield evaluated at harvest. As far as storage potential is concerned, the lowest value was noted for carrots grown with KI without N. Analysis of our results suggests there is a need to develop independent methods of iodine biofortification for carrots intended for (a) consumption and/or processing directly after harvest or (b) long-term storage. The combination of iodine biofortification programmes with appropriate crop fertilization with mineral nutrients should also be taken into account. Furthermore, it seems reasonable to employ plant-breeding techniques to select cultivars characterised by increased iodine accumulation without decreased yield quality and storage potential.

Basing on conducted research it can be proposed that for the cultivation of carrot biofortified with iodine, KI form of this element should be applied rather than KIO3 (also when combined with nitrogen fertilization) due to a significantly more deleterious effect of iodates on carrot quality after harvest. In the production of carrot for long-term storage of roots high doses of nitrogen fertilizers need to be avoided (particularly in the form of calcium nitrate) when applied together with iodine in order to prevent increased losses of root weight or the decrease in its quality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์จากการศึกษาของเรามี 'คาซาน F1' cultivar มันได้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของไอโอดีน biofortification ของแครอททำพิจารณาอิทธิพลของคุณภาพผลผลิตและการเก็บของพืชนี้บ้าง เพิ่มเนื้อหาไอโอดีนในแครอทอาจแนะนำเนื่องจากระดับของβ-แคโรทีนเป็นสารตั้งต้นโดยตรงของวิตามินเอที่จะมีผลบวกกับการทำงานของต่อมไทรอยด์ (Zimmermann, 2007) ใช้ไอโอดีนรวมกับปุ๋ยพืชมีปริมาณค่อนข้างสูงของไนโตรเจน (ha−1 100 กก. N ใช้ sowing ก่อน และด้านบนแต่งตัวในรูปของแคลเซียมไนเตรตและแอมโมเนียมซัลเฟต) อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ ลดคุณภาพของผลผลิตแครอทประเมินที่เก็บเกี่ยว เป็นที่เก็บข้อมูลอาจเกี่ยวข้อง ค่าต่ำสุดถูกไว้สำหรับโต มีกี่ โดย N. การวิเคราะห์ผลลัพธ์ของเราแนะนำจำเป็นต้องพัฒนาวิธีอิสระของไอโอดีน biofortification แครอทสำหรับ (ก) ปริมาณการใช้และ/หรือประมวลผลโดยตรงหลังจากเก็บเกี่ยวหรือ (b) ระยะยาวเก็บแครอท โปรแกรมชุด biofortification ไอโอดีนกับปฏิสนธิพืชที่เหมาะสมกับแร่ธาตุสารอาหารจะยังนำมาพิจารณา นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเหมาะสมที่จะใช้ผสมพันธุ์พืชเทคนิคการเลือกพันธุ์รนีสะสมไอโอดีนเพิ่มขึ้นโดยคุณภาพผลผลิตลดลงและอาจเก็บอ้างอิงในการศึกษาวิจัยสามารถเสนอว่า สำหรับเพาะปลูกแครอท biofortified กับไอโอดีน กี่แบบขององค์ประกอบนี้ควรจะใช้แทน KIO3 (นอกจากนี้เมื่อรวมกับไนโตรเจนในปัจจุบัน) เนื่องจากผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญมากสุดของ iodates แครอทคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยว ในการผลิตของแครอทสำหรับระยะยาวเก็บรากสูงปริมาณของไนโตรเจนปุ๋ยต้องหลีกเลี่ยง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปของแคลเซียมไนเตรต) เมื่อใช้ร่วมกับไอโอดีนเพื่อป้องกันการสูญเสียเพิ่มขึ้นของน้ำหนักรากหรือการลดลงของคุณภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขึ้นอยู่กับผลที่ได้จากการศึกษาของเรามีพันธุ์ 'คาซาน F1' ก็เป็นไปได้ในการประเมินที่มีขอบเขตประสิทธิภาพของไอโอดีนชีวภาพของแครอทคำนึงถึงอิทธิพลที่มีต่อผลผลิตที่มีคุณภาพและศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลของพืชนี้ การเพิ่มปริมาณไอโอดีนในแครอทอาจจะแนะนำเนื่องจากการระดับสูงของβแคโรทีน - สารตั้งต้นโดยตรงของวิตามินเอที่ได้รับการแสดงที่จะมีผลกระทบในเชิงบวกต่อต่อมไทรอยด์ทำงาน (Zimmermann 2007) การประยุกต์ใช้สารไอโอดีนรวมกับปุ๋ยพืชที่มีปริมาณค่อนข้างสูงของไนโตรเจน (100 กิโลกรัมไม่มีฮ่า-1 นำไปใช้ก่อนการหว่านเมล็ดและเป็นแต่งสวนในรูปแบบของแคลเซียมไนเตรทและแอมโมเนียมซัลเฟต) ได้ แต่ลดคุณภาพของผลผลิตแครอทที่ประเมิน การเก็บเกี่ยว เท่าที่มีศักยภาพการจัดเก็บเป็นห่วงค่าต่ำสุดที่ถูกตั้งข้อสังเกตแครอทที่ปลูกโดยไม่ต้องมี KI N. การวิเคราะห์ผลของเราแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการที่จะพัฒนาวิธีการที่เป็นอิสระจากชีวภาพไอโอดีนสำหรับแครอทไว้สำหรับ (ก) การบริโภคและ / หรือการประมวลผลโดยตรง หลังการเก็บเกี่ยวหรือ (ข) จัดเก็บระยะยาว การรวมกันของโปรแกรมชีวภาพไอโอดีนกับการใส่ปุ๋ยการปลูกพืชที่เหมาะสมด้วยสารอาหารแร่ธาตุที่ควรจะนำมาพิจารณา นอกจากนี้มันดูเหมือนว่าเหมาะสมที่จะใช้เทคนิคจากพืชพันธุ์เพื่อเลือกสายพันธุ์ที่โดดเด่นด้วยการสะสมไอโอดีนเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องมีคุณภาพผลผลิตลดลงและศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูล. พิจารณาจากการวิจัยดำเนินการที่จะสามารถเสนอว่าสำหรับการเพาะปลูกของแครอท biofortified กับไอโอดีนรูปแบบ KI ขององค์ประกอบนี้ ควรใช้มากกว่า KIO3 (หรือเมื่อรวมกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน) เนื่องจากผลกระทบที่เป็นอันตรายอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นของ iodates แครอทกับคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยว ในการผลิตของแครอทสำหรับการจัดเก็บระยะยาวของรากปริมาณสูงปุ๋ยไนโตรเจนจะต้องมีการหลีกเลี่ยง (โดยเฉพาะในรูปแบบของไนเตรตแคลเซียม) เมื่อนำมาใช้ร่วมกับสารไอโอดีนเพื่อป้องกันการสูญเสียที่เพิ่มขึ้นของน้ำหนักรากหรือลดคุณภาพของมัน .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จากผลการศึกษาของเราด้วย " คาซานพันธุ์ F1 ' , มันเป็นไปได้ที่จะประเมินขอบเขตบางอย่างประสิทธิภาพของไอโอดีน biofortification แครอทพิจารณาอิทธิพลที่มีต่อคุณภาพผลผลิตและกระเป๋าที่มีศักยภาพของพืชนี้ปริมาณไอโอดีนในแครอทอาจจะแนะนําเนื่องจากระดับสูงของบีตา - แคโรทีน และสารตั้งต้นโดยตรงของวิตามินเอที่ได้รับการแสดงที่มีผลเชิงบวกต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ( Zimmermann , 2007 )ไอโอดีน ใช้ร่วมกับปุ๋ยพืชที่มีปริมาณค่อนข้างสูงของไนโตรเจน ( 100 กก. N ฮา− 1 ก่อนปลูกใช้เป็นยศสูงสุดในรูปของแคลเซียมไนเตรตแอมโมเนียมซัลเฟต ) ได้ แต่ลดคุณภาพของผลผลิตและแครอทที่เกี่ยว เท่าที่ศักยภาพการเก็บเกี่ยว ค่าต่ำสุดเป็นข้อสังเกตสำหรับแครอทปลูกคิ โดยไม่ได้การวิเคราะห์ผลของเราแสดงให้เห็นถึงวิธีการพัฒนาอิสระของไอโอดีน biofortification สำหรับแครอทไว้สำหรับ ( ) ปริมาณและ / หรือการประมวลผลโดยตรงหลังจากการเก็บเกี่ยว หรือ ( ข ) การจัดเก็บระยะยาว การรวมกันของไอโอดีน biofortification โปรแกรมกับพืชปุ๋ยที่มีธาตุอาหารที่เหมาะสม ควรถ่ายลงในบัญชี นอกจากนี้มันดูเหมือนว่าเหมาะสมที่จะจ้างพันธุ์เทคนิคการเลือกพันธุ์ลักษณะโดยเพิ่มไอโอดีนสะสมโดยไม่ลดคุณภาพผลผลิตและการจัดเก็บที่อาจเกิดขึ้น .

จากการสามารถเสนอว่าสำหรับการปลูกแครอท biofortified กับไอโอดีนรูปแบบกิขององค์ประกอบนี้ควรใช้มากกว่า kio3 ( เมื่อรวมกับการใส่ปุ๋ย ไนโตรเจน ) เนื่องจากความคงมากกว่าผลของแครอท iodates ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวในการผลิตสำหรับการเก็บข้อมูลระยะยาวของรากแครอทในปริมาณสูงของปุ๋ยต้องหลีกเลี่ยง ( โดยเฉพาะในรูปของแคลเซียมไนเตรต ) เมื่อใช้ร่วมกับสารไอโอดีนเพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักจากรากหรือลดลงในคุณภาพของ