บทคัดย่อ
ในปัจจุบันประชากรในสังคมมีจำนวนมากขึ้น จึงเกิดการเอารัดเอาเปรียบและข้อพิพาทขึ้นมากมาย มีการฟ้องร้องเป็นคดีความขึ้นสู่ศาลจนเกินกว่ากำลังของผู้พิพากษาจะรองรับได้หรือที่นักวิชาการเรียกว่า “ คดีล้นศาล นักโทษล้นคุก ” จึงเกิดปัญหาต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยกระทรวงยุติธรรมก็พยายามที่จะหาวิธีที่แก้ไขปัญหาดังกล่าว กฎหมายคือกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมให้สังคมมีความสงบสุข และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมในการระงับข้อพิพาทไม่ว่าจะเป็น คดีอาญา คดีแพ่ง ตลอดจนข้อพิพาททางการจ้างแรงงาน ภาษีอากร หรือข้อพิพาทเกี่ยวกับการผิดสัญญาการเช่าที่นา เป็นต้น
คดีอาญาได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1)คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว หรือคดีอาญาความผิดที่ยอมความได้ ความผิดในลักษณะนี้เป็นการกระทำความผิดที่มีผลกระทบต่อส่วนตัวของผู้เสียหายโดยตรง ไม่มีผลกระทบต่อรัฐกฎหมายจึงเปิดโอกาสให้คู่กรณีสามารถตกลง เจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันได้
2)คดีอาญาความผิดต่อแผ่นดิน หรือคดีอาญาความผิดที่ยอมความไม่ได้ ความผิดในลักษณะนี้เป็นการกระทำความผิดที่มีผลกระทบรัฐหรือแผ่นดินโดยตรง ไม่มีผลกระทบต่อบุคคลกฎหมายจึงไม่เปิดโอกาสให้ยอมความกันได้
คดีแพ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นจึงเป็นการกระทำความผิดที่มีผลกระทบต่อบุคคลผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง กฎหมายจึงเปิดโอกาสให้คู่กรณีสามารถตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันได้เช่นเดียวกันกับคดีอาญาที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว
แต่การไกล่เกลี่ยนั้นเป็นเพียงยุติธรรมทางเลือก หมายความว่าคู่กรณีพิพาทจะนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหรือไม่ก็ได้ หรือจะนำข้อพิพาทเข้าสู่กรพบวนพิจารณาของศาลโดยไม่ผ่านกระบวนการไกลเกลี่ยก็ได้ ทั้งๆที่องค์กรของรัฐได้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่รับหน้าที่ไกล่เกลี่ยหลายหน่วยงานทั้งของกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงมหาดไทย จึงทำให้มีคดีขึ้นสู่ศาลมากมาย
เมื่อมาเปรียบเทียบกับข้อพิพาททางการจ้างแรงงาน ภาษีอากร การผิดสัญญาการเช่าที่นา จะมีการกำหนดเงื่อนไขว่าก่อนที่คู่กรณีพิพาทจะนำข้อพิพาทมาฟ้องต่อศาล จะต้องนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยมาก่อน เมื่อไกล่เกลี่ยแล้วไม่สำเร็จจึงจะสามารถนำข้อพิพาทมาฟ้องต่อศาลได้ เงื่อนไขดังกล่าวสามารถลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลได้อีกทั้งในฟิลิปปินส์ก็มีการบัญญัติกฎหมายให้คู่กรณีพิพาทจะต้องนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนนำข้อพิพาทมาฟ้องต่อศาล หรือหมายความว่าการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องเป็นยุติธรรมกระแสหลักเลยไม่ใช่ยุติธรรมทางเลือก และจากสถิติการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องสามารถลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลได้
ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาค้นคว้าว่าหากมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของไทยโดยการบัญญัติกฎหมายในความผิดที่ยอมความได้ให้คู่กรณีพิพาทนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนที่จะนำข้อพิพาทมาฟ้องต่อศาล โดยถือว่าการการไกล่เกลี่ยเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมและเป็นยุติธรรมกระแสหลักมิใช่ยุติธรรมทางเลือกเช่นในปัจจุบัน และจากการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาของกระบวนการยุติธรรมของไทยและเป็นการแก้ไขปัญหา “คดีล้นศาล นักโทษล้นคุก”ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของไทย
The Reformation of Justice Process in Thailand