For patients with chronic cryptogen

For patients with chronic cryptogenic localisation-related epilepsy (CLRE), conventional MRI does not provide measures to discern between patients with or without cognitive complaints. We investigated, in a preliminary study, whether it is possible to detect cerebral biomarkers of cognitive impairment in patients with CLRE using sensitive quantitative MRI techniques. Neuropsychological assessment and quantitative 3.0 T MRI, comprising T2 relaxometry, diffusion tensor imaging, and spectroscopic imaging, were applied to 35 patients with CLRE and 21 healthy controls. Analysis included the left and right hippocampi, and frontal and temporal lobes. Differences between the groups and correlations with cognitive and clinical characteristics were assessed. Patients with epilepsy scored significantly worse on cognitive tasks compared to healthy controls. Significantly larger CSF fractions in the hippocampi and left temporal lobe, a longer T2 relaxation time in the left hippocampus, and a significantly higher concentration of glutamate/glutamine in the left frontal lobe were observed in patients with epilepsy. Moreover, poor memory performance was significantly correlated with larger CSF fractions in the right hippocampus and left temporal lobe in patients. In the temporal lobe, an association between subtle changes in morphology (indicative of atrophy) and memory performance was found, consistent with previous literature. These results may help to explain the alterations in brain functioning in patients with epilepsy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง cryptogenic สังคมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรคลมชัก (CLRE), MRI ปกติไม่มีมาตรการในการแยกแยะระหว่างผู้ป่วยที่มี หรือไม่ มีข้อร้องเรียนที่รับรู้ เราตรวจสอบ ใน การศึกษาเบื้องต้นว่าจำเป็นต้องตรวจ biomarkers สมองของด้อยค่าที่รับรู้ในผู้ป่วยที่ มี CLRE ใช้ MRI เทคนิคเชิงปริมาณมีความสำคัญ ประเมิน neuropsychological และเชิงปริมาณ 3.0 T MRI, T2 relaxometry ภาพ tensor แพร่ และ ภาพด้าน ถูกนำไปใช้กับผู้ป่วย CLRE และควบคุมสุขภาพ 21 35 วิเคราะห์รวม hippocampi ซ้าย และขวา และหน้าผาก และขมับกลีบ มีประเมินความแตกต่างระหว่างกลุ่มและความสัมพันธ์กับลักษณะทางคลินิก และการรับรู้ ผู้ป่วยที่ มีโรคลมชักมากคะแนนแย่ลงในงานที่รับรู้การควบคุมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญส่วนระดับใหญ่ CSF ใน hippocampi และสมองกลีบขมับซ้าย เวลาพักผ่อน T2 นานฮิพโพแคมปัสซ้าย และความเข้มข้นสูงมากของ glutamate/glutamine ในสมองกลีบหน้าผากซ้ายสุภัคในผู้ป่วยที่มีโรคลมชัก นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของหน่วยความจำไม่ดีถูกมาก correlated CSF เศษส่วนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในฮิพโพแคมปัสขวาและซ้ายสมองกลีบขมับในผู้ป่วย ในสมองกลีบขมับ ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดใน (ส่อฝ่อ) สัณฐานวิทยาและประสิทธิภาพการทำงานหน่วยความจำพบ สอดคล้องกับวรรณกรรมก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์เหล่านี้อาจช่วยอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางสมองที่ทำงานในผู้ป่วยที่มีโรคลมชักได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง cryptogenic ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับโรคลมบ้าหมู (CLRE), MRI ธรรมดาไม่ได้ให้มาตรการที่จะแยกแยะระหว่างผู้ป่วยที่มีหรือไม่มีการร้องเรียนองค์ความรู้ เราตรวจสอบในการศึกษาเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นไปได้ในการตรวจสอบบ่งชี้ทางชีวภาพของสมองเสื่อมในผู้ป่วยที่มีความละเอียดอ่อน CLRE ใช้เทคนิค MRI เชิงปริมาณ การประเมินวิทยาและเชิงปริมาณ 3.0 T MRI ประกอบด้วย relaxometry T2 แพร่ภาพเมตริกซ์และการถ่ายภาพสเปกโทรสโกถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยที่มี 35 และ 21 CLRE การควบคุมที่ดีต่อสุขภาพ การวิเคราะห์รวมถึงด้านซ้ายและขวา hippocampi และหน้าผากและขมับก้อน ความแตกต่างระหว่างกลุ่มและความสัมพันธ์ที่มีลักษณะและองค์ความรู้ทางคลินิกได้รับการประเมิน ผู้ป่วยที่มีโรคลมชักคะแนนอย่างมีนัยสำคัญยิ่งในงานองค์ความรู้เมื่อเทียบกับการควบคุมที่ดีต่อสุขภาพ เศษส่วนน้ำไขสันหลังอย่างมีนัยสำคัญขนาดใหญ่ใน hippocampi และกลีบขมับซ้าย, T2 เวลาผ่อนคลายได้อยู่ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสด้านซ้ายและความเข้มข้นที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของกลูตาเมต / glutamine ในกลีบหน้าผากซ้ายพบในผู้ป่วยที่มีโรคลมชัก นอกจากนี้ประสิทธิภาพหน่วยความจำที่ไม่ดีมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับเศษส่วน CSF ขนาดใหญ่ในฮิบโปขวาและซ้ายกลีบขมับในผู้ป่วย ในกลีบขมับ, ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในลักษณะทางสัณฐานวิทยา (บ่งบอกถึงความเสื่อม) และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยความจำก็พบว่าสอดคล้องกับวรรณกรรมหน้าที่แล้ว ผลเหล่านี้อาจช่วยอธิบายการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของสมองในผู้ป่วยที่มีโรคลมชัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังไม่ทราบสาเหตุท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับโรคลมชัก ( clre ) , MRI ปกติไม่ได้มีมาตรการที่จะแยกแยะระหว่างผู้ป่วยที่มีหรือไม่มีการร้องเรียนทางความคิด เราตรวจสอบในการศึกษาเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นไปได้ที่จะตรวจสอบระบบใหม่ของการรับรู้บกพร่องในผู้ป่วย clre โดยใช้เทคนิค MRI ความไวเชิงปริมาณการประเมินและการทดสอบปริมาณ 3.0 T MRI ประกอบด้วย T2 relaxometry , แพร่เมตริกซ์การถ่ายภาพและการถ่ายภาพทางสเปกโทรสโกปี มาประยุกต์กับ clre 35 คนและ 21 การควบคุมสุขภาพ การวิเคราะห์รวมซ้ายและขวา hippocampi และหน้าผากและขมับกลีบ . ความแตกต่างระหว่างกลุ่มและความสัมพันธ์กับการคิดและลักษณะทางคลินิกทดลอง .ผู้ป่วยโรคลมชักได้เลวลงอย่างมากในการคิดงาน เมื่อเทียบกับการควบคุมสุขภาพ มีขนาดใหญ่และ CSF เศษส่วนใน hippocampi ขมับด้านซ้าย , ยาว T2 เวลาการผ่อนคลายในฮิปโปแคมปัส ซ้าย และ มีค่าสูงกว่าความเข้มข้นของผงชูรส / กลูตามีนในสมองส่วนหน้าด้านซ้ายพบว่าในผู้ป่วยที่มีโรคลมชัก นอกจากนี้ประสิทธิภาพหน่วยความจำขนาดใหญ่ที่ทำไม่ดี มีความสัมพันธ์กับเศษส่วน ฮิปโปแคมปัสขมับด้านขวาและซ้ายในผู้ป่วย ในกลีบขมับ ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในลักษณะ ( อาการฝ่อ ) และประสิทธิภาพหน่วยความจำได้ สอดคล้องกับวรรณกรรมก่อนหน้าผลลัพธ์เหล่านี้อาจช่วยอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของสมองในผู้ป่วยโรคลมชัก