is a naturally occurring, yellow-to

is a naturally occurring, yellow-to-black liquid found in geologic formations beneath the Earth's surface, which is commonly refined into various types of fuels. It consists of hydrocarbons of various molecular weights and other organic compounds.[4] The name petroleum covers both naturally occurring unprocessed crude oil and petroleum products that are made up of refined crude oil. A fossil fuel, petroleum is formed when large quantities of dead organisms, usually zooplankton and algae, are buried underneath sedimentary rock and subjected to intense heat and pressure.
The use of fossil fuels, such as petroleum, has a negative impact on Earth's biosphere, releasing pollutants and greenhouse gases into the air and damaging ecosystems through events such as oil spills. Concern over the depletion of the earth's finite reserves of oil, and the effect this would have on a society dependent on it, is a concept known as peak oil.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คือ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สีเหลืองดำ ของเหลวที่พบในหินใต้ผิวโลก ซึ่งโดยทั่วไปจะกลั่นเป็นหลายประเภทของเชื้อเพลิง ประกอบด้วยสารไฮโดรคาร์บอนที่มีน้ำหนักโมเลกุลและสารประกอบ อินทรีย์อื่น ๆต่าง ๆ [ 4 ] ชื่อปิโตรเลียมครอบคลุมทั้งธรรมชาติที่เกิดขึ้นของน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ที่ถูกสร้างขึ้นยังไม่ได้กลั่น น้ำมันน้ำมัน , ปิโตรเลียมจะเกิดขึ้นเมื่อปริมาณขนาดใหญ่ของสิ่งมีชีวิต สัตว์ตาย ปกติ และ สาหร่าย ถูกฝังอยู่ใต้หินชั้นและภายใต้ความร้อนสูงและความดัน .
ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน มี ผลกระทบต่อโลกของชีวภาค การปล่อยมลพิษและแก๊สเรือนกระจกในอากาศและทำลายระบบนิเวศ ผ่าน เหตุการณ์เช่นน้ำมันรั่วไหล .ความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียของโลก จำกัด สำรองน้ำมัน และผลกระทบนี้จะมีในสังคมขึ้นอยู่กับมัน เป็นแนวคิดที่เรียกว่าน้ำมันสูงสุด