Independent study in this Cross-sec

Independent study in this Cross-sectional survey Research. The purpose of this study aimed to evaluate the prevalence and factors associated with risk of asthma of farmers tobacco, Virginia tobacco at Amphoe Ban Phaeng Nakhon Phanom Province. The sample is farmers grow tobacco, Virginia tobacco at Amphoe Ban Phaeng Nakhon Phanom Province all 158 people. The study of personal factors, knowledge factors, the use of chemicals factors and work factors. Data collection was used by the questionnaire. Data analysis was used to Descriptive Statistics using by frequency, percentage, mean, standard deviation, Chi-Square and Odds Ratio have Level of significance 0.05. The results of the study were as follows farmers tobacco, Virginia tobacco at Amphoe Ban Phaeng Nakhon Phanom Province the prevalence rate is at a higher risk of asthma of 7 people or 4.43 percent. The factors associated with risk of asthma namely Age (x^2= 4.446, P= 0.03) Time active farmers use chemical pesticides (year) (x^2= 9.249, P = 0.002) Farmers or family have ever defeated pesticides (x^2 = 18.829, P = 0.004) Unusual symptoms after farmers use pesticides or touch the pesticides in around 1 month (x^2= 4.592, P = 0.032) Time active farmers career of tobacco growers (x^2= 9.249, P = 0.002) From the results of this study indicated that personnel important role in health should be given priority in development and encouraging farmers to take care of the risk of developing asthma. To help the farmers are capable of living and career as is efficiency.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภาคนี้หน้าตัดการสำรวจวิจัย วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคหอบหืดของเกษตรกรยาสูบ ยาสูบเวอร์จิเนียที่อำเภอบ้านแพงจังหวัดนครพนม ตัวอย่างคือ เกษตรกรปลูกยาสูบ ยาสูบเวอร์จิเนียที่อำเภอบ้านแพงจังหวัดนครพนมทั้งหมด 158 คน การศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยความรู้ การใช้ปัจจัยสารเคมีและปัจจัยการทำงาน ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล โดยแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาใช้ได้ด้วยความถี่ เปอร์เซ็นต์ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไคสแควร์และอัตราส่วนราคาต่อรองได้ระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลของการศึกษามีดังนี้เกษตรกรยาสูบ ยาสูบเวอร์จิเนียที่อำเภอบ้านแพงจังหวัดนครพนมอัตราความชุกอยู่ที่ความเสี่ยงสูงของโรคหอบหืดของ 7 คนหรือร้อยละ 4.43 ปัจจัยเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคหอบหืดคืออายุ (x ^ 2 = 4.446, P = 0.03) เวลาใช้งานเกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ปี) (x ^ 2 = 9.249, P = 0.002) เกษตรกรหรือครอบครัวมีเคยแพ้ยาฆ่าแมลง (x ^ 2 = 18.829, P = 0.004) อาการผิดปกติหลังจากเกษตรกรใช้สารกำจัดศัตรูพืช หรือสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชที่ในรอบ 1 เดือน (x ^ 2 = 4.592, P = 0.032) เวลาใช้งานเกษตรกรอาชีพของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ (x ^ 2 = 9.249 , P = 0.002) จากผลของการศึกษานี้แสดง บทบาทที่สำคัญของบุคลากรสุขภาพควรให้ความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมให้เกษตรกรดูแลโรคหอบหืด เพื่อช่วยให้ เกษตรกรมีความสามารถของชีวิตและอาชีพที่มีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาค้นคว้าอิสระในการวิจัยการสำรวจครั้งนี้ตัดขวาง วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเป็นโรคหอบหืดของเกษตรกรยาสูบยาสูบเวอร์จิเนียอำเภอบ้านแพงจังหวัดนครพนม กลุ่มตัวอย่างที่เป็นเกษตรกรเติบโตยาสูบยาสูบเวอร์จิเนียอำเภอบ้านแพงจังหวัดนครพนมทั้งหมด 158 คน การศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลปัจจัยความรู้การใช้สารเคมีที่เป็นปัจจัยและปัจจัยการทำงาน การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาใช้ความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Chi-Square และ odds ratio มีระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลการศึกษาพบว่าเกษตรกรยาสูบยาสูบเวอร์จิเนียอำเภอบ้านแพงจังหวัดนครพนมอัตราความชุกที่มีความเสี่ยงสูงของโรคหอบหืดของ 7 คนหรือร้อยละ 4.43 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคหอบหืดคืออายุ (x ^ 2 = 4.446, P = 0.03) ระยะเวลาการใช้งานเกษตรกรใช้สารเคมี (ปี) (x ^ 2 = 9.249, P = 0.002) เกษตรกรหรือคนในครอบครัวได้พ่ายแพ้สารกำจัดศัตรูพืชที่เคย (x ^ 2 = 18.829, P = 0.004) อาการผิดปกติหลังจากที่เกษตรกรใช้สารกำจัดศัตรูพืชหรือสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชในรอบ 1 เดือน (x ^ 2 = 4.592, P = 0.032) เวลาเกษตรกรที่ใช้งานในอาชีพของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ (x ^ 2 = 9.249, P = 0.002 ) จากผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบุคลากรบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพควรจะให้ความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมให้เกษตรกรที่จะดูแลความเสี่ยงของการเป็นโรคหอบหืด จะช่วยให้เกษตรกรมีความสามารถในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพที่เป็นอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาอิสระนี้ตัดขวางสำรวจวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหอบหืดของเกษตรกรยาสูบ ยาสูบเวอร์จิเนีย ที่ อ. บ้านแพง จ. นครพนม กลุ่มตัวอย่างเป็นเกษตรกรที่ปลูกยาสูบ ยาสูบเวอร์จิเนียที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ทั้งหมด 158 คน การศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านความรู้เกี่ยวกับ การใช้สารเคมี และปัจจัยด้านงาน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา โดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไคสแควร์ และ Odds Ratio ได้ระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลการศึกษาพบว่าเกษตรกรยาสูบ ยาสูบเวอร์จิเนียที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม อัตราความชุกอยู่ที่ความเสี่ยงสูงของโรคหอบหืดของคน 7 คน หรือ 4 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหืด คือ อายุ ( x ^ 2 = 4.446 , p = 0.03 ) เวลาที่เกษตรกรใช้งานสารเคมียาฆ่าแมลง ( ปี ) ( x ^ 2 = 9.249 , p = 0.002 ) เกษตรกรหรือคนในครอบครัวเคยแพ้ยาฆ่าแมลง ( x ^ 2 = 18.829 , p = 0.004 ) อาการผิดปกติหลังจากเกษตรกรใช้ยาฆ่าแมลง หรือสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในรอบ 1 เดือน ( x ^ 2 = 4.592 , p = 0.032 ) อาชีพเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในเวลางาน ( x ^ 2 = 9.249 , p = 0.002 ) จากผลการศึกษาพบว่าบุคลากรที่สำคัญบทบาทในสุขภาพควรให้ความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมเกษตรกรในการดูแล ความเสี่ยงของการพัฒนาของโรคหอบหืด เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีศักยภาพในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพเป็น ประสิทธิภาพ