The purpose of this study is to eva

The purpose of this study is to evaluate the impact of smoking status after a diagnosis of lung cancer
on reported pain levels. We conducted a telephone survey of patients with lung cancer identified
from four participating sites between September 2004 and July 2006. Patients were asked to rate
their usual pain level over the past week on a 0-10 rating scale on which 0 was ‘no pain’ and 10 ‘pain
as bad as you can imagine’. We operationally defined persistent smokers as patients who reported
continuing to smoke after their lung cancer diagnosis. A logistic regression analyses was used to test
the hypothesis that persistent smokers report higher usual pain levels than non-smokers. Overall, 893
patients completed the survey. The majority (76%) was found to have advanced cancer (Stages IIIb
and IV). The mean age was 63 (SD=10). Seventeen percent of the patients studied were categorized
as persistent smokers. The mean pain score for the study sample was 3.1 (sd=2.7) and 41% reported
moderate (4-6) or severe pain (7-10). A greater proportion of persistent smokers reported moderate
or severe pain than non-smokers or former smokers (p

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ประเมินผลกระทบของบุหรี่สถานะหลังจากวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดในรายงานระดับความเจ็บปวด เราทำการสำรวจโทรศัพท์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ระบุจากอเมริกาเข้าร่วม 4 2549 กรกฎาคมระหว่างเดือน 2547 กันยายน ผู้ป่วยถูกต้องอัตราระดับปกติปวดมากกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาในระดับคะแนน 0-10 ใน 0 ที่ถูก 'ไม่เจ็บ' และ 10 ' ความเจ็บปวดไม่ดีแค่ ' เรา operationally กำหนดผู้สูบบุหรี่แบบเป็นผู้ป่วยที่รายงานต่อการสูบบุหรี่หลังการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด วิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานที่ว่า ผู้สูบบุหรี่แบบรายงานระดับปกติปวดสูงกว่าสูบบุหรี่ โดยรวม 893ผู้ป่วยเสร็จสิ้นการสำรวจ ส่วนใหญ่ (76%) พบมีสูงโรคมะเร็ง (ระยะ IIIbและ IV) อายุเฉลี่ย 63 (SD = 10) Seventeen เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ศึกษาได้แบ่งเป็นผู้สูบบุหรี่แบบถาวร คะแนนความเจ็บปวดหมายถึงการศึกษาตัวอย่าง 3.1 (sd = 2.7) และ 41% รายงานปานกลาง (4-6) หรือปวดรุนแรง (7-10) สัดส่วนที่มากขึ้นของผู้สูบบุหรี่แบบรายงานราคาปานกลางหรือปวดรุนแรงกว่าอดีตผู้สูบบุหรี่หรือการสูบบุหรี่ (p < .001). วิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกเปิดเผยสถานะการสูบบุหรี่ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับปวดปกติแม้หลังจากการปรับปรุงสำหรับอายุ การรับรู้สุขภาพสถานะและอื่น ๆ อาการมะเร็งปอดเช่น dyspnea ความอ่อนเพลีย และปัญหาในการรับประทานอาหาร ในสรุประดับสูงกว่าปกติปวดรายงานผู้ป่วยที่ยังสูบบุหรี่หลังจากวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดกว่าการสูบบุหรี่หรือผู้สูบบุหรี่เก่า วิจัยเพิ่มเติมจะต้องเข้าใจกลไกที่เกี่ยวกับปริมาณนิโคตินก้าวหน้าของโรคและความเจ็บปวดในมะเร็งปอดขั้นตอนปลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการประเมินผลกระทบของการสูบบุหรี่สถานะหลังการวินิจฉัยของโรคมะเร็งปอด
ในระดับความเจ็บปวดรายงาน เราดำเนินการสำรวจทางโทรศัพท์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดระบุ
จากสี่เว็บไซต์ที่เข้าร่วมโครงการระหว่างเดือนกันยายนปี 2004 และกรกฎาคม 2006 ผู้ป่วยถูกถามให้คะแนน
ระดับความเจ็บปวดของพวกเขาตามปกติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในระดับคะแนน 0-10 ที่ 0 คือ 'ไม่มีความเจ็บปวด' และ 10 'ความเจ็บปวด
ไม่ดีเท่าที่คุณสามารถจินตนาการ ' เรากำหนดไว้ในการดำเนินงานที่สูบบุหรี่ถาวรเป็นผู้ป่วยที่รายงาน
อย่างต่อเนื่องที่จะสูบบุหรี่หลังการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดของพวกเขา การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกถูกใช้ในการทดสอบ
สมมติฐานที่ว่าผู้สูบบุหรี่ถาวรรายงานระดับความเจ็บปวดปกติที่สูงกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยรวม, 893
ผู้ป่วยเสร็จสิ้นการสำรวจ ส่วนใหญ่ (76%) พบว่ามีโรคมะเร็งขั้นสูง (ขั้นตอน IIIb
และ IV) อายุเฉลี่ย 63 (SD = 10) เจ็ดร้อยละของผู้ป่วยที่ได้รับการศึกษาแบ่ง
เป็นผู้สูบบุหรี่ถาวร คะแนนเฉลี่ยความเจ็บปวดสำหรับกลุ่มตัวอย่างเป็น 3.1 (SD = 2.7) และ 41% รายงาน
ในระดับปานกลาง (4-6) หรืออาการปวดอย่างรุนแรง (7-10) สัดส่วนมากขึ้นของผู้สูบบุหรี่ถาวรรายงานปานกลาง
เจ็บปวดหรือรุนแรงกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่ในอดีต (p <0.001) การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกเปิดเผย
ว่าสถานะการสูบบุหรี่มีความสัมพันธ์กับอาการปวดตามปกติแม้หลังจากปรับตามอายุการรับรู้สุขภาพ
สถานะและอาการโรคมะเร็งปอดอื่น ๆ เช่นหอบเหนื่อยเมื่อยล้าและปัญหาในการรับประทานอาหาร สรุปได้ว่า
ผู้ป่วยที่ยังคงสูบบุหรี่หลังจากการวินิจฉัยของโรคมะเร็งปอดรายงานระดับที่สูงขึ้นของความเจ็บปวดปกติ
มากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่ในอดีต จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจกลไกที่
เกี่ยวข้องกับการบริโภคนิโคตินที่จะเจ็บปวดและความก้าวหน้าของโรคในขั้นปลายโรคมะเร็งปอด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของการสูบบุหรี่สถานะหลังจากการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด
บนรายงานระดับความเจ็บปวด เราทำการโทรศัพท์การสำรวจผู้ป่วยมะเร็งปอดระบุ
4 เข้าร่วมเว็บไซต์ระหว่างเดือนกันยายน 2547 ถึงเดือนกรกฎาคม 2549 ผู้ป่วยขอให้คะแนน
ปกติระดับความเจ็บปวดมากกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาในระดับ 0-10 คะแนนซึ่ง 0 คือไม่มีความเจ็บปวด ' 10 ' ความเจ็บปวด
ไม่ดีเท่าที่คุณสามารถจินตนาการ ' เรา operationally กำหนดถาวร smokers เป็นผู้ป่วยที่รายงาน
ยังคงควันของพวกเขาหลังจากที่โรคมะเร็งปอดในการวินิจฉัย . การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกแบบทดสอบสมมติฐานว่ารายงานถาวร
สูบบุหรี่สูงกว่าปกติระดับความเจ็บปวดมากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ .โดยรวม , 893
ผู้ป่วยเสร็จสิ้นการสำรวจ ส่วนใหญ่ ( 76% ) พบว่ามีมะเร็งขั้นสูง ( ระยะดำเนิน
และ 4 ) อายุเฉลี่ย 63 ( SD = 10 ) 17 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ศึกษาจำแนกเป็นถาวร
สูบบุหรี่ คะแนนความเจ็บปวด หมายถึงจำนวน 3.1 ( SD = 2.7 ) และร้อยละ 41 รายงาน
ปานกลาง ( 4-6 ) หรืออาการปวดอย่างรุนแรง ( 7-10 )สัดส่วนที่มากขึ้นของถาวร smokers รายงานปานกลาง
หรือปวดรุนแรงกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ หรืออดีตผู้สูบบุหรี่ ( P < . 001 ) การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกพบ
ที่สูบบุหรี่หรือไม่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดปกติแม้หลังจากที่ปรับตามอายุ การรับรู้ภาวะสุขภาพ
และอาการโรคมะเร็งปอดอื่น ๆเช่น หายใจลำบาก อ่อนเพลีย และปัญหาการรับประทานอาหาร สรุป
ผู้ป่วยที่ยังสูบบุหรี่หลังจากวินิจฉัยรายงานมะเร็งปอดสูงกว่าระดับของความเจ็บปวดปกติมากกว่าคนที่ไม่สูบ
หรืออดีตผู้สูบบุหรี่ . การวิจัยมากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้าใจกลไกที่เกี่ยวข้องกับนิโคตินบริโภค
ความเจ็บปวดและโรคมะเร็งปอดระยะสายความก้าวหน้าใน