The findings suggest that the inter

The findings suggest that the intervention had a significant impact on the reading habits of beneficiary students. Using the first follow-up survey, the authors found that the programme led to a 19 percentage point increase in the proportion of students reporting having read a book in the week preceding the survey. Specifically, control students reported having read approximately 2 books, whereas beneficiary students reported having read 4.2 books on average. The second follow-up survey revealed that the results observed at first were not maintained over time. Although the impact on the propensity to read remained stable (with a 22 percentage point increase), the effects on the number of books read were not statistically significant.
Furthermore, the study finds that the intervention significantly improved students' reading ability. The analysis conducted using data from the first follow-up survey indicates that reading scores increased by 0.13 standard deviations. No spill-over effects (positive or negative) were found on other school subjects (that is, mathematics or social studies). In contrast to the observed effects on reading habits, the impact on reading ability seemed to persist over time, albeit at a low magnitude. The results based on the second follow-up survey show a significant improvement of 0.06 standard deviations in reading test scores. Again, no spill-over effects were detected on other subjects.
The authors also report test results disaggregated by test components for both follow-up surveys. The intervention positively affected only two out of six components: estimates from the first follow-up survey show a 0.19 standard deviation increase in word recognition and a 0.15 standard deviation increase in oral reading questions. Data from the second follow-up survey also show significant improvements in word recognition (0.12 standard deviations), but negative results on the written test (–0.06 standard deviations).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการแทรกแซงมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในนิสัยรักการอ่านของนักเรียนได้รับประโยชน์ ใช้การสำรวจติดตามผลครั้งแรกที่ผู้เขียนพบว่าโปรแกรมที่นำไปสู่การเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จุดในสัดส่วนของนักเรียนรายงานที่มีการอ่านหนังสือในสัปดาห์ก่อนหน้าสำรวจ โดยเฉพาะการควบคุมนักเรียนรายงานที่มีการอ่านประมาณ 2 เล่มในขณะที่นักเรียนได้รับผลประโยชน์ที่มีการอ่านรายงาน 4.2 หนังสือโดยเฉลี่ย การสำรวจติดตามสองเปิดเผยว่าผลที่สังเกตเห็นเป็นครั้งแรกที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ไม่ได้เมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าผลกระทบต่อความเอนเอียงในการอ่านยังคงมีเสถียรภาพ (เพิ่มขึ้นร้อยละจุดที่ 22) ผลกระทบต่อจำนวนหนังสือที่อ่านไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ.
นอกจากนี้การศึกษาพบว่าการแทรกแซงการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญสามารถในการอ่านของนักเรียน การวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจติดตามผลครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าคะแนนการอ่านเพิ่มขึ้น 0.13 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไม่มีผลรั่วไหลมากกว่า (บวกหรือลบ) พบในวิชาอื่น ๆ ในโรงเรียน (นั่นคือคณิตศาสตร์หรือการศึกษาสังคม) ในทางตรงกันข้ามกับผลกระทบที่สังเกตนิสัยในการอ่านผลกระทบต่อความสามารถในการอ่านดูเหมือนจะยังคงมีอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าในขนาดต่ำ ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับการสำรวจติดตามที่สองแสดงให้เห็นการปรับปรุงที่สำคัญ 0.06 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในการอ่านคะแนนการทดสอบ อีกครั้งไม่มีผลรั่วไหลมากกว่าที่ถูกตรวจพบในวิชาอื่น ๆ .
ผู้เขียนยังรายงานผลการทดสอบโดยการแยกชิ้นส่วนสำหรับการทดสอบทั้งการสำรวจติดตาม การแทรกแซงได้รับผลกระทบในเชิงบวกเพียงสองหกออกมาจากส่วนประกอบ: ประมาณการจากการสำรวจติดตามผลครั้งแรกที่แสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.19 ในการรับรู้คำพูดและการเพิ่มขึ้นของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.15 ในการอ่านคำถามในช่องปาก ข้อมูลจากการสำรวจติดตามสองยังแสดงให้เห็นการปรับปรุงที่สำคัญในการจดจำคำ (0.12 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) แต่ผลในทางลบต่อการทดสอบการเขียน (-0.06 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมที่มีผลกระทบต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนที่ได้รับผลประโยชน์ โดยใช้การสำรวจติดตามผลก่อน ผู้เขียนพบว่าโครงการทำให้ 19 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละสัดส่วนของนักเรียนที่รายงานมีอ่านหนังสือในสัปดาห์ก่อน ) โดยเฉพาะนักเรียนควบคุมรายงานมีอ่านประมาณ 2 หนังสือในขณะที่นักเรียนได้รับรายงานมีอ่าน 4.2 หนังสือโดยเฉลี่ย การสำรวจติดตามผลครั้งที่ 2 เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบที่แรกไม่ดูแลรักษาตลอดเวลา แม้ว่าผลกระทบต่อความโน้มเอียงที่จะอ่านยังคงมีเสถียรภาพ ( มี 22 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ ) , ผลกระทบต่อจำนวนหนังสือที่อ่านไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ .
นอกจากนี้ผลการศึกษาพบว่า การแทรกแซง เพิ่มขึ้นความสามารถในการอ่านของนักเรียน การวิเคราะห์การใช้ข้อมูลจากการสำรวจติดตามผลแรก พบว่า คะแนนการอ่านเพิ่มขึ้น 0.13 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไม่ล้นผล ( บวกหรือลบ ) พบในวิชาเรียนอื่น ๆ ( นั่นคือ คณิตศาสตร์ และสังคมศึกษา )ในทางตรงกันข้ามกับสังเกตผลต่อพฤติกรรมการอ่าน ผลกระทบต่อความสามารถในการอ่านดูเหมือนจะคงอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าในขนาดต่ำ ผลจากการสำรวจติดตามผลที่สองแสดงการปรับปรุงสำคัญ 0.05 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในการอ่านหนังสือสอบ อีก ไม่ล้น ผลตรวจพบในวิชาอื่น ๆ
ผู้เขียนยังได้รายงานผลการทดสอบ disaggregated ส่วนประกอบทดสอบทั้งติดตามผลการสำรวจ ส่วนผลกระทบทางบวกเพียง 2 ใน 6 องค์ประกอบ ได้แก่ การประเมินจากการสำรวจติดตามผลก่อนแสดง 0.19 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเพิ่มในการรู้คำและ 0.15 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเพิ่มคำถามการอ่านปากข้อมูลจากการสำรวจติดตามผลที่สองยังแสดงการปรับปรุงที่สำคัญในการรู้คำ ( 0.12 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ) แต่ให้ผลลบในการสอบข้อเขียน ( - 0.06 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน )