The weatherman uses different words

The weatherman uses different words to describe how sunny or how cloudy they think it will be.To choose which word to tell us, they first measure how much the clouds the sky.They look up at the sky they can see, and pretend to divide the sky in 8 equal parts, They call each part an okta.Then they notice all the clouds in the sky above them, but not the clouds that are see-through where you can see the sky behind it, they don’t count those. Then they think if we put all the clouds beside each other, how many okta’s would the clouds cover. The number they come up with will help them know which words they will use to describe the sky to us.If there are no clouds in the sky, the Meteorologist will say it’s Sunny.If there are 1 to 2 okta’s of clouds covering an area, then the weather man will say it’s mostly sunnyThe Meteorologist might say it’s partly sunny or partly clouds if there are 3,4 or 5 okta’s of clouds covering an area.If there are 6 or 7 okta’s of clouds covering an area that is called mostly cloudy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อุตุนิยมวิทยาใช้คำที่แตกต่างกันเพื่ออธิบายวิธีแดดหรือวิธีการที่มีเมฆมากพวกเขาคิดว่ามันจะเป็น

เพื่อเลือกคำที่จะบอกเราพวกเขาครั้งแรกที่วัดเท่าใดเมฆบนท้องฟ้า

พวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่พวกเขาสามารถมองเห็นและหลอกแบ่งท้องฟ้าใน 8 ส่วนเท่า ๆ กันพวกเขาเรียกแต่ละส่วน okta

จากนั้นพวกเขาสังเกตเห็นเมฆในท้องฟ้าเหนือพวกเขา แต่ไม่เมฆที่ดูผ่านที่คุณสามารถดูท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหลังมันก็จะไม่นับรวมผู้ที่ แล้วพวกเขาก็คิดว่าถ้าเราใส่เมฆทั้งหมดที่อยู่ด้านข้างแต่ละอื่น ๆ วิธีการหลาย okta จะปกเมฆ จำนวนที่พวกเขาขึ้นมาด้วยจะช่วยให้พวกเขาทราบว่าคำพูดของพวกเขาจะใช้เพื่ออธิบายท้องฟ้ากับเรา

หากมีเมฆในท้องฟ้าไม่มีอุตุนิยมวิทยาจะบอกว่ามันเป็นซันนี่

หากมี 1-2 ของ okta ของเมฆครอบคลุมพื้นที่แล้วคนที่สภาพอากาศจะบอกว่ามันเป็นส่วนใหญ่ที่มีแดด

อุตุนิยมวิทยาอาจจะบอกว่ามันเป็นแดดเป็นบางส่วนหรือบางส่วนเมฆถ้ามี 3,4 หรือ 5 ของ okta ของเมฆครอบคลุมพื้นที่

หากมี 6 หรือ 7 ของ okta ของเมฆครอบคลุมพื้นที่ที่เรียกว่าเมฆมากเป็นส่วนใหญ่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใช้คำที่แตกต่างกันเพื่ออธิบายว่าแสงแดดหรือวิธีการที่มีเมฆมากที่พวกเขาคิดว่ามันจะเป็นอย่างไร

ในการเลือกคำที่จะบอกเราพวกเขาจะวัดปริมาณเมฆที่ท้องฟ้า

พวกเขามองขึ้นไปที่ท้องฟ้าที่พวกเขาสามารถมองเห็นและหลอกให้แบ่งท้องฟ้าใน8ส่วนที่เท่าเทียมกันพวกเขาเรียกแต่ละส่วน okta

จากนั้นพวกเขาสังเกตเห็นเมฆทั้งหมดในท้องฟ้าเหนือพวกเขาแต่ไม่ได้เป็นเมฆที่เห็น-ผ่านที่คุณสามารถมองเห็นท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหลังมันไม่ได้นับผู้ที่ จากนั้นพวกเขาคิดว่าถ้าเราใส่เมฆทั้งหมดข้างแต่ละอื่นๆ, จำนวน okta จะครอบคลุมเมฆ. หมายเลขที่พวกเขามาพร้อมจะช่วยให้พวกเขารู้ว่าคำใดที่พวกเขาจะใช้เพื่ออธิบายท้องฟ้าให้เรา

ถ้าไม่มีเมฆในท้องฟ้า, นักพยาธิวิทยาจะบอกว่ามันเป็นแสงแดด.

ถ้ามีของเมฆ1ถึง 2 okta ครอบคลุมพื้นที่, แล้วคนสภาพอากาศจะบอกว่ามันเป็นส่วนใหญ่แดด

นักพยาธิวิทยาอาจบอกว่ามันมีเมฆบางส่วนหรือบางส่วนถ้ามี 3, 4 หรือ 5 okta ของเมฆครอบคลุมพื้นที่.

หากมีเมฆอยู่6หรือ 7 okta ครอบคลุมพื้นที่ที่เรียกว่ามีเมฆเป็นส่วนใหญ่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นักอุตุนิยมวิทยาใช้คำที่แตกต่างกันเพื่ออธิบายสภาพอากาศที่ชัดเจนหรือมีเมฆ
เลือกคำที่จะบอกเราว่าพวกเขาต้องการที่จะวัดขนาดของเมฆในท้องฟ้า
พวกเขามองไปที่ท้องฟ้าที่พวกเขาสามารถมองเห็นและแกล้งทำเป็นว่าพวกเขาแบ่งท้องฟ้าออกเป็นแปดส่วนเท่ากัน
แล้วพวกเขาก็สังเกตเห็นเมฆทั้งหมดในท้องฟ้าเบื้องบนแต่ไม่ใช่ผู้ที่ผ่านคุณสามารถเห็นท้องฟ้าเบื้องหลังพวกเขาไม่ได้นับพวกเขา แล้วพวกเขาก็คิดว่าถ้าเราใส่เมฆทั้งหมดเข้าด้วยกันเมฆก็จะปกคลุมไปด้วยอากิตะกี่อัน พวกเขามากับตัวเลขที่จะช่วยให้พวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะใช้เพื่ออธิบายท้องฟ้า
ถ้าไม่มีเมฆในท้องฟ้านักอุตุนิยมวิทยาจะบอกว่ามันเป็นแดด
ถ้าพื้นที่หนึ่งมีเมฆดำถึงสองนักอุตุนิยมวิทยาจะบอกว่ามันเป็นแดดมากที่สุดของเวลา
นักอุตุนิยมวิทยาอาจจะบอกว่าถ้าพื้นที่มี 3-4 หรือห้าชั้นของเมฆโอ๊คต้ามันเป็นส่วนหนึ่งของวันแดดหรือบางส่วนของเมฆ
ถ้ามีหกหรือ 7-okta เมฆครอบคลุมพื้นที่ที่เรียกว่าเมฆ