The coliform group has been used ex

The coliform group has been used extensively as an indicator of water quality and has historically led to the public health protection concept. The aim of this review is to examine methods currently in use or which can be proposed for the monitoring of coliforms in drinking water. Actually, the need for more rapid, sensitive and specific tests is essential in the water industry. Routine and widely accepted techniques are discussed, as are methods which have emerged from recent research developments.

Approved traditional methods for coliform detection include the multiple-tube fermentation (MTF) technique and the membrane filter (MF) technique using different specific media and incubation conditions. These methods have limitations, however, such as duration of incubation, antagonistic organism interference, lack of specificity and poor detection of slow-growing or viable but non-culturable (VBNC) microorganisms. Nowadays, the simple and inexpensive membrane filter technique is the most widely used method for routine enumeration of coliforms in drinking water.

The detection of coliforms based on specific enzymatic activity has improved the sensitivity of these methods. The enzymes β-d galactosidase and β-d glucuronidase are widely used for the detection and enumeration of total coliforms and Escherichia coli, respectively. Many chromogenic and fluorogenic substrates exist for the specific detection of these enzymatic activities, and various commercial tests based on these substrates are available. Numerous comparisons have shown these tests may be a suitable alternative to the classical techniques. They are, however, more expensive, and the incubation time, even though reduced, remains too long for same-day results. More sophisticated analytical tools such as solid phase cytometry can be employed to decrease the time needed for the detection of bacterial enzymatic activities, with a low detection threshold.

Detection of coliforms by molecular methods is also proposed, as these methods allow for very specific and rapid detection without the need for a cultivation step. Three molecular-based methods are evaluated here: the immunological, polymerase chain reaction (PCR) and in-situ hybridization (ISH) techniques. In the immunological approach, various antibodies against coliform bacteria have been produced, but the application of this technique often showed low antibody specificity. PCR can be used to detect coliform bacteria by means of signal amplification: DNA sequence coding for the lacZ gene (β-galactosidase gene) and the uidA gene (β-d glucuronidase gene) has been used to detect total coliforms and E. coli, respectively. However, quantification with PCR is still lacking in precision and necessitates extensive laboratory work. The FISH technique involves the use of oligonucleotide probes to detect complementary sequences inside specific cells. Oligonucleotide probes designed specifically for regions of the 16S RNA molecules of Enterobacteriaceae can be used for microbiological quality control of drinking water samples. FISH should be an interesting viable alternative to the conventional culture methods for the detection of coliforms in drinking water, as it provides quantitative data in a fairly short period of time (6 to 8 h), but still requires research effort.

This review shows that even though many innovative bacterial detection methods have been developed, few have the potential for becoming a standardized method for the detection of coliforms in drinking water samples.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กลุ่มโคลิฟอร์มมีการใช้อย่างกว้างขวางเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพน้ำ และได้นำประวัติไปแนวคิดป้องกันสาธารณสุข จุดมุ่งหมายของบทความนี้คือการ ตรวจสอบวิธีการในการใช้หรือการที่สามารถนำเสนอในการตรวจสอบกำจัดในน้ำดื่ม จริง ต้องการมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สำคัญ และการทดสอบเป็นสิ่งจำเป็นในอุตสาหกรรมน้ำ เทคนิคประจำ และยอมรับอย่างกว้างขวางกล่าวถึง เป็นวิธีการที่ได้เกิดจากการพัฒนางานวิจัยล่าสุดวิธีแบบดั้งเดิมได้รับการอนุมัติสำหรับการตรวจหาโคลิฟอร์มรวมเทคนิคหลายหลอดหมัก (MTF) และเทคนิค (MF) กรองเมมเบรนที่ใช้สื่อที่เฉพาะเจาะจงแตกต่างกันและเงื่อนไขที่คณะทันตแพทยศาสตร์ วิธีนี้มีข้อจำกัด แต่ เช่นระยะเวลาของการบ่ม รบกวนสิ่งมีชีวิตที่เป็นปรปักษ์ ขาด specificity และตรวจพบช้าเติบโต หรือทำงานได้ดี แต่ไม่ใช่ culturable จุลินทรีย์ (VBNC) ปัจจุบัน เทคนิคกรองเมมเบรนที่ง่าย และราคาไม่แพงเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการแจงนับกำจัดในน้ำดื่มเป็นประจำตรวจหากำจัดตามกิจกรรมเอนไซม์ในระบบมีการปรับปรุงความไวของวิธีการเหล่านี้ เอนไซม์β-d galactosidase และβ-d glucuronidase ใช้สำหรับตรวจสอบและการแจงนับรวมกำจัดและ Escherichia coli ตามลำดับ หลาย chromogenic และ fluorogenic ได้มีการตรวจเฉพาะกิจกรรมเหล่านี้เอนไซม์ในระบบ และทดสอบเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ ตามพื้นผิวเหล่านี้จะพร้อมใช้งาน เปรียบเทียบจำนวนมากได้แสดงการทดสอบเหล่านี้อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเทคนิคคลาสสิก พวกเขามี แต่ แพงกว่า และเวลาคณะทันตแพทยศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะลดลง ยังคงยาวเกินไปสำหรับผลวันเดียวกัน เครื่องมือวิเคราะห์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเช่นเซลล์ระยะแข็งสามารถทำงานเพื่อลดเวลาที่ใช้ในการตรวจพบแบคทีเรียกิจกรรมเอนไซม์ในระบบ มีขีดจำกัดการตรวจต่ำตรวจหากำจัดโดยวิธีที่โมเลกุลมีการนำเสนอ ยังเป็นวิธีการเหล่านี้ให้ตรวจเฉพาะมาก และอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีขั้นตอนการเพาะปลูก สามโมเลกุลโดยใช้วิธีประเมินที่นี่: ภูมิคุ้มกัน พอลิเมอเรสปฏิกิริยาลูกโซ่ (PCR) และเทคนิค hybridization (อิชโบ) ในการวิเคราะห์ ในวิธีภูมิคุ้มกัน มีการผลิตแอนตี้ต่าง ๆ กับโคลิฟอร์มแบคทีเรีย แต่การประยุกต์ใช้เทคนิคนี้มักจะพบแอนติบอดีต่ำ specificity สามารถใช้ PCR เพื่อตรวจหาโคลิฟอร์มแบคทีเรีย โดยการขยายสัญญาณ: ดีเอ็นเอรหัสลำดับยีน lacZ (ยีนβ-galactosidase) และยีน uidA (ยีนβ-d glucuronidase) ถูกใช้เพื่อตรวจหากำจัดรวมและ E. coli ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นับกับ PCR จะยังขาดความแม่นยำ และ necessitates งานห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด เทคนิคปลาเกี่ยวข้องกับการใช้คลิปปากตะเข้ oligonucleotide สืบลำดับประกอบภายในเซลล์ที่ระบุ คลิปปากตะเข้ oligonucleotide ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับภูมิภาคของ 16S อาร์เอ็นเอโมเลกุลของ Enterobacteriaceae สามารถใช้สำหรับการควบคุมคุณภาพทางจุลชีววิทยาของตัวอย่างน้ำดื่ม ปลาควรน่าสนใจได้ทางเลือกวิธีวัฒนธรรมทั่วไปตรวจกำจัดในน้ำดื่ม นำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณในระยะเวลาค่อนข้างสั้นของเวลา (6-8 h), แต่ยังคง ต้องใช้ความพยายามวิจัยบทความนี้แสดงว่า แม้ว่าจะมีการพัฒนาวิธีการตรวจหาแบคทีเรียนวัตกรรมมาก น้อยมีโอกาสที่กลายเป็น วิธีมาตรฐานสำหรับการตรวจพบในตัวอย่างน้ำดื่มกำจัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กลุ่มโคลิฟอร์มได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพน้ำและในอดีตได้นำแนวคิดการป้องกันสุขภาพของประชาชน จุดมุ่งหมายของการตรวจสอบนี้คือการตรวจสอบวิธีการที่ใช้ในปัจจุบันหรือที่สามารถนำเสนอสำหรับการตรวจสอบของโคลิฟอร์มในน้ำดื่ม อันที่จริงต้องใช้มากขึ้นอย่างรวดเร็วการทดสอบเฉพาะที่สำคัญและเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมน้ำ เทคนิคประจำและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่จะกล่าวถึงเป็นวิธีการที่ได้โผล่ออกมาจากการพัฒนางานวิจัยล่าสุด. อนุมัติวิธีการแบบดั้งเดิมในการตรวจหาโคลิฟอร์มรวมถึงการหมักหลายหลอด (MTF) เทคนิคและไส้กรองเมมเบรน (MF) เทคนิคการใช้สื่อเฉพาะที่แตกต่างกันและเงื่อนไขการบ่ม . วิธีการเหล่านี้มีข้อ จำกัด อย่างไรเช่นระยะเวลาของการบ่มรบกวนชีวิตปฏิปักษ์ขาดความจำเพาะและการตรวจสอบที่ดีของการเจริญเติบโตช้าหรือที่ทำงานได้ แต่ที่ไม่ culturable (VBNC) จุลินทรีย์ ปัจจุบันเมมเบรนที่เรียบง่ายและราคาไม่แพงเทคนิคการกรองเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดสำหรับการแจงนับตามปกติของโคลิฟอร์มในน้ำดื่ม. การตรวจจับของโคลิฟอร์มขึ้นอยู่กับกิจกรรมของเอนไซม์เฉพาะมีการปรับปรุงความไวของวิธีการเหล่านี้ เอนไซม์β-d galactosidase และ glucuronidase β-d ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและการแจงนับของโคลิฟอร์มรวมและเชื้อ Escherichia coli ตามลำดับ พื้นผิวแยกและการแจงมากมายที่มีอยู่สำหรับการตรวจสอบที่เฉพาะเจาะจงของกิจกรรมของเอนไซม์เหล่านี้และการทดสอบเชิงพาณิชย์ต่างๆขึ้นอยู่กับพื้นผิวเหล่านี้มีอยู่ การเปรียบเทียบจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่าการทดสอบเหล่านี้อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเทคนิคคลาสสิก พวกเขามี แต่ราคาแพงมากขึ้นและเวลาการบ่มแม้ว่าลดลงยังคงอยู่นานเกินไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในวันเดียวกัน เครื่องมือวิเคราะห์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นภูมิคุ้มกันของแข็งสามารถทำงานเพื่อลดเวลาที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบกิจกรรมของเอนไซม์ของแบคทีเรียที่มีเกณฑ์การตรวจสอบในระดับต่ำ. การตรวจหาโคลิฟอร์มโดยวิธีโมเลกุลจะเสนอยังเป็นวิธีการเหล่านี้อนุญาตให้เฉพาะเจาะจงมากและอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบโดยไม่ต้องใช้ขั้นตอนการเพาะปลูกที่ สามวิธีโมเลกุลที่ใช้จะมีการประเมินนี่คือภูมิคุ้มกันปฏิกิริยาลูกโซ่โพลิเมอร์ (PCR) และพันธุ์ในแหล่งกำเนิด (ISH) เทคนิค ในวิธีการภูมิคุ้มกันแอนติบอดีต่างๆกับโคลิฟอร์มแบคทีเรียได้รับการผลิต แต่การประยุกต์ใช้เทคนิคนี้มักจะแสดงให้เห็นความจำเพาะแอนติบอดีต่ำ PCR สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบโคลิฟอร์มแบคทีเรียโดยใช้วิธีการขยายสัญญาณ: ลำดับดีเอ็นเอเข้ารหัสสำหรับยีน lacZ (ยีนβ-galactosidase) และยีน uidA (β-d ยีน glucuronidase) ได้รับการใช้เพื่อตรวจสอบโคลิฟอร์มรวมและเชื้อ E. coli, ตามลำดับ อย่างไรก็ตามปริมาณด้วยวิธี PCR ยังขาดในความแม่นยำและความจำเป็นในการทำงานในห้องปฏิบัติการที่กว้างขวาง เทคนิค FISH เกี่ยวข้องกับการใช้ยานสำรวจ oligonucleotide ในการตรวจสอบลำดับที่สมบูรณ์ภายในเซลล์ที่เฉพาะเจาะจง ยานสำรวจ oligonucleotide ออกแบบมาเฉพาะสำหรับภูมิภาคของ 16S โมเลกุล RNA ของ Enterobacteriaceae สามารถนำมาใช้สำหรับการควบคุมคุณภาพทางจุลชีววิทยาของตัวอย่างน้ำดื่ม ปลาควรจะเป็นทางเลือกที่ทำงานที่น่าสนใจกับวิธีการเพาะเลี้ยงธรรมดาสำหรับการตรวจสอบของโคลิฟอร์มในน้ำดื่มในขณะที่จะให้ข้อมูลเชิงปริมาณในระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้นของเวลา (6-8 ชั่วโมง) แต่ยังคงต้องใช้ความพยายามวิจัย. รีวิวนี้แสดงให้เห็นว่า แม้หลายนวัตกรรมวิธีการตรวจหาแบคทีเรียได้รับการพัฒนาน้อยมีศักยภาพในการเป็นวิธีการที่เป็นมาตรฐานสำหรับการตรวจสอบของโคลิฟอร์มในตัวอย่างน้ำดื่ม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กลุ่มโคลิฟอร์มได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของน้ำ และมีประวัติศาสตร์ที่นำแนวคิดการคุ้มครองสาธารณสุข บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือที่สามารถเสนอสำหรับการตรวจสอบของโคลิฟอร์มในน้ำดื่ม จริงๆ แล้ว ต้องเร็วกว่า มีความละเอียดอ่อน และการทดสอบที่เฉพาะเจาะจงเป็นสิ่งจำเป็นในอุตสาหกรรมน้ำตามปกติ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เทคนิคที่กล่าวถึง เป็นวิธีการที่ได้เกิดขึ้นจากการพัฒนางานวิจัยล่าสุด

รับรองแบบดั้งเดิมวิธีการตรวจหาโคลิฟอร์มรวมหลายหลอดหมัก ( MTF ) เทคนิค และไส้กรองเมมเบรน ( MF ) เทคนิคการใช้สื่อที่เฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกันและเงื่อนไขการบ่ม วิธีการเหล่านี้มีข้อจำกัด อย่างไรก็ตามเช่นระยะเวลาของการบ่ม จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ สิ่งมีชีวิตรบกวน ไม่มีความจำเพาะและการตรวจสอบที่ดีของการเติบโตช้าหรือทำงานได้แต่ไม่ culturable ( vbnc ) จุลินทรีย์ ปัจจุบัน ง่าย และไม่แพงไส้กรองเมมเบรน เป็นเทคนิควิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตามปกติของโคลิฟอร์มในน้ำ

การตรวจหาโคลิฟอร์มบนพื้นฐานของเอนไซม์ที่เฉพาะเจาะจงมีการปรับปรุงความไวของวิธีการเหล่านี้ เอนไซม์บีตา - galactosidase บีตา - D และ D ที่มีอวัยวะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการตรวจหาและการรวม Coliforms และ Escherichia coli ตามลำดับ การสนทนาผ่านข้อความโต้ตอบแบบทันที และเมื่อหลาย fluorogenic ที่มีอยู่สำหรับการตรวจหาเฉพาะของกิจกรรมเอนไซม์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับพื้นผิวและการทดสอบเชิงพาณิชย์ต่าง ๆเหล่านี้จะพร้อมใช้งาน การเปรียบเทียบจำนวนมากได้แสดงการทดสอบเหล่านี้อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเทคนิคที่คลาสสิก พวกเขามี แต่ราคาแพงมาก และระยะเวลา แม้ลดลง ยังคงยาวเกินไปสำหรับผลลัพธ์ในวันเดียวกันเครื่องมือวิเคราะห์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเช่น ( เฟสของแข็งสามารถใช้เพื่อลดเวลาที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบของกิจกรรมเอนไซม์ที่แบคทีเรีย กับเกณฑ์การตรวจสอบน้อย

การตรวจหาโคลิฟอร์มด้วยวิธีโมเลกุลยังเสนอวิธีการเหล่านี้อนุญาตให้เฉพาะเจาะจงและการตรวจสอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีการก้าวสามโมเลกุลแบบวิธีประเมินที่นี่ : ภูมิคุ้มกัน , ปฏิกิริยาลูกโซ่ ( PCR ) และ สารควบคู่ ( ish ) เทคนิค ในวิธีการทางภูมิคุ้มกันแอนติบอดีต่อเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียต่าง ๆได้จำนวนมาก แต่การใช้เทคนิคนี้มักจะพบแอนติบอดีมีความจำเพาะต่ำ PCR สามารถใช้ตรวจหาโคลิฟอร์มแบคทีเรียโดยวิธีการขยายสัญญาณ :ดีเอ็นเอลำดับรหัสสำหรับ lacz ยีนบีตา - galactosidase ยีน ) และ uida ยีนบีตา - D ยีนที่มีอวัยวะ ) ถูกใช้เพื่อตรวจหาโคลิฟอร์มทั้งหมดและ E . coli , ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ปริมาณด้วยเทคนิคที่ยังขาดในความแม่นยําและ necessitates ห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด เทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการใช้ของปลา ซึ่งวิธีการตรวจหาลำดับประกอบภายในเฉพาะเซลล์ซึ่งวิธีการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับภูมิภาคของ 16S โมเลกุล RNA ของผิดเพี้ยนสามารถใช้สำหรับการควบคุมคุณภาพทางจุลชีววิทยาของการดื่มน้ำ . ปลาควรจะน่าสนใจได้ทางเลือกวิธีการที่วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมสำหรับการตรวจหาโคลิฟอร์มในน้ำ ขณะที่มีข้อมูลเชิงปริมาณในช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้นของเวลา ( 6 ถึง 8 H )แต่ก็ยังต้องใช้ความพยายามในการวิจัย

รีวิวนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหลายนวัตกรรมการตรวจหาแบคทีเรีย วิธีการได้รับการพัฒนาน้อยมีศักยภาพในการเป็นวิธีการมาตรฐานสำหรับการตรวจหาโคลิฟอร์มในตัวอย่างน้ำดื่มน้ำ