disc herniation can be missed when

disc herniation can be missed when not specifically looking for it. MRI is a triplanar modality that necessitates utilizing the axial, sagittal, and coronal sequences. The sagittal sequences can demonstrate far lateral disc herniations with the foramina. The coronal sequence shows nerve roots and foraminal and extraforaminal regions where a far lateral disc herniation occurs.When there is a lack of correlation between the exam findings and imaging studies, electrodiagnostic testing may be employed. Electromyography (EMG) and nerve conduction velocities (NCV), as well as somatosensory evoked potentials (SSEP), can help differentiate between radiculopathy and more diffuse disorders of the peripheral nervous system. It is important to note that while EMG and NCV studies may be a useful diagnostic tool when combined with a thorough history, clinical examination, and other diagnostic studies, they do have limitations and potential pitfalls. EMG and NCV studies are affected by the patients’ level of cooperation, which may be limited by pain, temperature of room, electrolyte and fluid balance, pre-existing medical comorbidities, such as diabetes mellitus, thyroid disease, or renal failure that can produce peripheral neuropathy, medications such as statins, which can produce myopathy, movement disorders that produce tremors, prior surgeries, such as laminectomy, which may give paraspinous muscle false-positives, body habitus with extreme obesity preventing the full insertion of needles into muscle, congenital anatomical variations, for example, Martin-Gruber nerve anastomosis, and subjective interpretation of the data by the individual clinician [5]. Diagnostic nerve root blocks may also help to localize the symptomatic level

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หมอนรองกระดูกสันหลังอาจพลาดได้เมื่อไม่ได้มองหามันโดยเฉพาะ MRI เป็นรูปแบบ triplanar ที่จำเป็นต้องใช้ลำดับแนวแกน ทัล และโคโรนัล ลำดับทัลสามารถแสดงให้เห็นหมอนรองกระดูกสันหลังด้านข้างไกลกับ foramina ลำดับโคโรนัลแสดงรากประสาทและบริเวณ foraminal และ extraforaminal ที่เกิดหมอนรองกระดูกสันหลังด้านข้าง เมื่อขาดความสัมพันธ์ระหว่างผลการตรวจกับการศึกษาเกี่ยวกับภาพ อาจใช้การทดสอบวินิจฉัยโรคด้วยไฟฟ้า การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) และความเร็วการนำกระแสประสาท (NCV) รวมถึงศักยภาพในการกระตุ้นการรับรู้ทางกาย (SSEP) สามารถช่วยแยกความแตกต่างระหว่างโรค Radiculopathy และความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลายที่แพร่กระจายมากขึ้น สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือแม้ว่าการศึกษา EMG และ NCV อาจเป็นเครื่องมือวินิจฉัยที่มีประโยชน์เมื่อรวมกับประวัติอย่างละเอียด การตรวจทางคลินิก และการศึกษาวินิจฉัยอื่นๆ แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น การศึกษา EMG และ NCV ได้รับผลกระทบจากระดับความร่วมมือของผู้ป่วย ซึ่งอาจจำกัดด้วยความเจ็บปวด อุณหภูมิห้อง ความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และของเหลว โรคร่วมทางการแพทย์ที่มีอยู่แล้ว เช่น เบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ หรือภาวะไตวายที่อาจทำให้เกิด โรคระบบประสาทบริเวณส่วนปลาย ยาเช่นสแตตินซึ่งอาจทำให้เกิดผงาดได้ ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดอาการสั่น การผ่าตัดก่อนหน้า เช่น การผ่าตัดแบบ laminectomy ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อพาราสปินัสมีผลบวกลวง นิสัยของร่างกายที่มีน้ำหนักเกินมากทำให้ไม่สามารถแทงเข็มเข้าไปในกล้ามเนื้อได้เต็มที่ มีมาแต่กำเนิด ความแปรผันทางกายวิภาค เช่น กายวิภาคของเส้นประสาท Martin-Gruber และการตีความข้อมูลเชิงอัตนัยโดยแพทย์แต่ละคน [5] การบล็อกรากประสาทจากการวินิจฉัยอาจช่วยปรับระดับอาการได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หากไม่ได้มองหาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทโดยเฉพาะอาจพลาดได้ การตรวจ MRI เป็นการถ่ายภาพแบบ 3 ระนาบซึ่งต้องใช้ลำดับแกนแกนและเส้นประสาท ลำดับตำแหน่งของกระดูกสันหลังสามารถแสดงไส้เลื่อนด้านนอกของแผ่นดิสก์ intervertebral ที่มีรู intervertebral ลำดับของตำแหน่งหลอดเลือดจะแสดงรากประสาท intervertebral hole และบริเวณด้านนอกของ intervertebral ซึ่งหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทด้านไกลเกิดขึ้น
การทดสอบการวินิจฉัยด้วยไฟฟ้าสามารถใช้ได้เมื่อขาดความสัมพันธ์ระหว่างผลการตรวจสอบและการศึกษาด้านภาพ การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG), ความเร็วในการนำเส้นประสาท (NCV) และศักยภาพการเหนี่ยวนำ (SSEP) ช่วยในการแยกแยะโรครากประสาทและความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลายที่กว้างขึ้น มันควรจะตั้งข้อสังเกตว่าแม้ว่าการวิจัย EMG และ NCV ร่วมกับประวัติทางการแพทย์อย่างละเอียด, การตรวจสอบทางคลินิกและการวิจัยวินิจฉัยอื่น ๆ อาจจะเป็นเครื่องมือวินิจฉัยที่มีประโยชน์, พวกเขามีข้อ จำกัด และข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น. งานวิจัย EMG และ NCV ที่ได้รับจากผู้ป่วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดิสก์กระดูกสันหลังไม่มุ่งเน้นเฉพาะเมื่อหายไป MRIเป็นวิธีการถ่ายภาพสามระนาบที่ต้องใช้ลําดับแกนเวกเตอร์และโคโรนา ลําดับเวกเตอร์สามารถแสดงรูที่กระโดดออกจากแผ่นดิสก์ด้านนอกได้ ลําดับของหลอดเลือดแดงแสดงให้เห็นถึงรากประสาทช่องปากและบริเวณด้านนอกของช่องปากซึ่งมีแผ่นดิสก์ด้านนอกที่อยู่ห่างไกล
การทดสอบการวินิจฉัยด้วยไฟฟ้าสามารถใช้ได้เมื่อไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างผลการทดสอบและการศึกษาด้านการถ่ายภาพ EMG ( EMG )และความเร็วในการนําเส้นประสาท( NCV )และศักยภาพsomatosensorials ( SSEP )สามารถช่วยแยกแยะความแตกต่างระหว่างโรครากประสาทและโรคที่แพร่กระจายมากขึ้นในระบบประสาทส่วนปลาย เป็นสิ่งสําคัญที่ต้องทราบว่าในขณะที่การศึกษาEEGและNCVอาจเป็นเครื่องมือวินิจฉัยที่มีประโยชน์เมื่อรวมกับประวัติทางการแพทย์การตรวจทางคลินิกและการศึกษาการวินิจฉัยอื่นๆพวกเขายังมีข้อจํากัดและข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น การศึกษาEMGและNCVอาจได้รับผลกระทบจากระดับความร่วมมือของผู้ป่วยซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดอุณหภูมิห้องอิเล็กโทรไลต์และความสมดุลของของเหลวความผิดปกติทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้(เช่นโรคเบาหวานโรคไทรอยด์หรือความล้มเหลวของไตที่ทําให้เกิดneuropathy )ยาเสพติด(เช่นstatinsที่ทําให้เกิดmyopathy )ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวที่อาจทําให้เกิดการสั่นสะเทือนการผ่าตัดก่อนหน้านี้(อาจนําไปสู่ภาวะแปรปรปรวนของกล้ามเนื้อ)ป้องกันไม่ให้เข็มแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้ออย่างสมบูรณ์การเปลี่ยนแปลงทางกายวิภาคแต่กําเนิด(เช่นมาร์ติน-กรูเบอร์)และคําอธิบายอัตนัยของข้อจํากัดในการวินิจฉัยรากประสาท