ผลประโยชน์ที่ไทยได้รับจากเอเปค
เมื่อไทยไม่สามารถโดดเดี่ยวตัวเองหรือต้านกระแสโลกได้ ไทยจึงควรใช้โอกาสที่มีอยู่เพื่อเข้าไปมีบทบาทในการกำหนดทิศทางและทำหน้าที่ เป็นปากเสียงให้กับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เพื่อให้สามารถเปิดเสรีการค้าและการลงทุนได้โดยมีผลกระทบทางลบน้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์สูงสุดด้วย
ประสบการณ์ ในการเป็นสมาชิกเอเปคตั้งแต่เริ่มก่อตั้งได้พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจของไทยไม่ผิดพลาด เพราะในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ไทยได้รับประโยชน์อย่างยิ่งในจากการเป็นสมาชิกเอเปค โดยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุมทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้นำ รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส ตลอดจนการประชุมระหว่างผู้เชี่ยวชาญในกรอบความร่วมมือสาขาต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสให้ไทยเข้าไปผลักดันและร่วมกำหนดทิศทางความร่วมมือ ของเอเปคให้สอดคล้องกับนโยบายของไทย
นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเอเปคในการนำไปจัดทำโครงการความร่วมมือต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อไทยแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกโดยรวมอีกด้วย ที่ผ่านมา ไทยได้รับการสนับสนุนเงินทุนในการจัดทำโครงการในลักษณะดังกล่าวจากเอเปค เฉลี่ยปีละประมาณ 300,000.- ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ไทยต้องเสียค่าสมาชิกให้เอเปคเพียงปีละ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาจแบ่งผลประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเป็นสมาชิกเอเปคเป็นสองระดับ ดังนี้
• ระดับระหว่างประเทศ
เอเปคเป็นกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากอีกรอบหนึ่ง นอกเหนือจากกรอบอาเซียน โดยมีบทบาทหลักในการเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาคที่ตอบสนอง กับภาวะเศรษฐกิจโลกในยุคโลกาภิวัตน์ และภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละเขตเศรษฐกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและทัน ท่วงที เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากไทยเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดกลาง จึงทำให้มีอำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางในองค์การการค้าโลก การเป็นสมาชิกเอเปคทำให้ไทยมีพันธมิตรที่เข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การผลักดันข้อเสนอร่วมกับเอเปคจึงส่งผลให้เสียงของไทยมีน้ำหนักมากขึ้นใน กรอบการเจรจาพหุภาคี
ช่วยให้ไทยมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับโลก
ระดับภายในประเทศนอก จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจจะส่งผลให้ประชากรโดยรวมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แล้ว เอเปคยังมีความร่วมมือในอีกหลายสาขาที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ ความมั่นคง สาธารณสุข การต่อต้านการก่อการร้าย การเตรียมการเพื่อรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบคมนาคม โทรคมนาคม การเข้าถึงเทคโนโลยี การมีเครือข่ายรองรับทางสังคมที่เข้มแข็ง เป็นต้น
• ภาคธุรกิจ
การเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกทางการค้าภายในภูมิภาคจะส่งผลให้การค้าระหว่าง ประเทศขยายตัวมากยิ่งขึ้น โดยนักธุรกิจสามารถเข้าไปมีบทบาทในเอเปคผ่านสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council – ABAC) เพื่อ ผลักดันความต้องการและร้องขอการสนับสนุนจากภาครัฐ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ การอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจเอเปคในการเดินทางเพื่อไปติดต่อธุรกิจระหว่าง เขตเศรษฐกิจเอเปคผ่านโครงการ APEC Business Travel Card ซึ่งจะทำให้ผู้ถือบัตรได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนากเล็กผ่าน Small and Medium Enterprises Working Group และการส่งเสริมการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวผ่าน Tourism Working Group เป็นต้น
• ภาควิชาการ
ไทยได้รับประโยชน์จากความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคผ่านหุ้นส่วนเชิงนโยบายภาครัฐและภาคเอกชนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ผ่านโครงการส่งเสริมขีดความสามารถในกรอบเอเปค
• ภาคการเกษตร
เอเปคให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการเกษตร โดยจะเห็นได้จากการมีคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรหลายคณะ อาทิ คณะทำงานด้านความร่วมมือวิชาการการเกษตร คณะทำงานด้านมหาสมุทรและการประมง หุ้นส่วนเชิงนโยบายภาครัฐและภาคเอกชนด้านความมั่นคงทางอาหาร และการหารือร่วมภาครัฐและภาคเอกชนด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร
• ภาคสังคม
ด้านแรงงานและการศึกษา ไทยได้รับประโยชน์จากกิจกรรมในกรอบคณะทำงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development Working Group) ซึ่ง มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนการฝึกอบรมแรงงาน การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน นอกจากนี้ ตามแนวคิดการเจริญเติบโตอย่างเท่าเทียม เอเปคจะดำเนินโครงการพัฒนาทักษะที่จะเป็นสำหรับแรงงานด้อยโอกาสต่อไป
ด้านบทบาทสตรี เอเปคได้จัดตั้งหุ้นส่วนเชิงนโยบายภาครัฐและภาคเอกชนด้านการมีส่วนร่วมของสตรีในระบบเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมให้สตรีเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมของเอเปค นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้คณะทำงานกลุ่มย่อยต่างๆ ให้ความสำคัญอย่างจริงจังในการสนับสนุนให้สตรีเข้าไปมีบทบาทในกิจกรรมความ ร่วมมือทุกสาขาของเอเปคด้วย โดยในปี 2556 อินโดนีเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีร่วมระหว่างด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และด้านสตรีในระบบเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดีประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมเอเปคเป็นเรื่องที่ต้องมองในระยะยาว เป็นการลงทุนสำหรับอนาคตในเรื่องต่างๆ ซึ่งอาจไม่ได้เห็นผลในทันทีที่ประชุมผู้นำเสร็จสิ้น แต่ความร่วมมือในกรอบเอเปคล้วนแล้วแต่สอดคล้องและส่งเสริมยุทธศาสตร์ของไทยทั้งสิ้น