บรรยากาศของบทเพลงจะเปี่ยมไปด้วยความหวังและความชื่นชมยินดีแสดงถึงการ เสด็จมาของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดที่เรามนุษย์กำลังรอคอยด้วยหัวใจที่จดจ่อ
และหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ต่อมาในศตวรรษที่ 12 บาทหลวงฟรังซิสแห่งอัสซีซีและคณะนักบวชคณะฟรังซิสกัน
ได้ส่งเสริมสนับสนุน บทเพลงแห่งวันคริสต์มาสให้มีความสง่างาม ความร่าเริง และความชื่นชมยินดีในโอกาสวันคริสต์มาสเสมือนเป็นวิวัฒนาการของบทเพลง
สมัยศตวรรษที่ 19-20 และจนถึงปัจจุบันนี้
บทเพลงคริสต์มาสก็มีการเพิ่มเติมสีสันมากขึ้นอย่างที่เราได้สัมผัสจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึงบุคคลในพระคัมภีร์ ความหมายบรรยากาศทั่วๆ ไป
หรือการเตรียมจิตใจสำหรับวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงหรือแม้กระทั่งเพิ่มตัวบุคคลอย่างเช่น ซานตาคลอสเข้าไป
ซึ่งแท้ที่จริงก็ไม่ได้มีส่วนในเหตุการณ์ของประวัติศาสตร์ของพระเยซูเจ้าอย่างไร แต่อย่างไรก็ดีก็ยังสะท้อนถึงความหมาย ถึงจิตใจแห่งวันคริสต์มาส
ตัวอย่างของบทเพลงที่ช่วยสื่อความหมายของวันคริสต์มาส
บทเพลงที่สื่อถึงพระสัญญาของพระเจ้าต่อมนุษย์
-บทเพลง O Holy Night หรือเพลง O come, O
come Emmanuel 2บทเพลงนี่ก็เป็นการสื่อความหมายถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเราในท่ามกลางความมืดมิดของโลกมนุษย์ พระเยซูทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นเสมือนแสงสว่างที่นำความหวังและความหมายมาสู่โลกมนุษย์ของเรา