Compare and Contrast Functionalism

Compare and Contrast Functionalism and Marxism as Models for the Way Society Operates

Sociologists approach the study of society in different ways. Two concepts of society are functionalism and Marxism. Functionalists believe that different parts of society work together to keep the society running whereas Marxists believe societies are unequal and unfair. Both concepts differ in their views of how society operates for instance a Marxist would claim that there are only 2 classes and it is very hard to progress up a class whereas a functionalist would disagree and claim the harder you work, the more you achieve and the better your social position.

Functionalists believe society works like a human body for instance every part of society works to keep it going just like organs in a body and that the human body grows and develops as does society. They also believe that society is more important than the individual and that social institutions exist in order to keep the social order. For example the education system socialises us into the culture of society and this provides us with our values which support the society. A Marxist would disagree with this view, they see social institutions being used by the ruling class to control the working class and that education give people their values which support the bourgeoisie exploitation. For example in a child’s learning life they are taught to strictly obey rules which follows them into working life.

Functionalists also believe in meritocracy which is if you work harder, you get further. For example someone born into a poverty stricken household can grow up to become a billionaire if they work hard enough and have the talent to succeed. A Marxist strongly disagrees with this view and sees society as having only two classes, the bourgeoisie and the proletariat. Marxism states that the bourgeoisie control the jobs and in this society someone who has talent to be successful could end up a failure because of their social situation.

Functionalism states that society is a group of people who share values, this value consensus is what makes the system work. Values exist as part of society rather than individuals and society needs us to be socialised into the values in order to work. On the other hand the Marxists believe the dominant values are those of the bourgeoisie, their values include ‘work hard’ and ‘accept your place in society’ and that rich people have worked hard in order to earn their money. These values are transmitted to the proletariat through religion, education and the media etc… For example religion is seen as a trick because it promised a better life after death so the proletariat would put up with their poverty in hope for a better life in heaven, the bourgeoisie benefit from this by paying them less and making them work harder. However functionalists believe religion plays an important role in socialising the values to society.

Both Marxism and Functionalism have things in common, for instance both believe there is a social structure which shapes society but functionalists think its based on a hierarchy of social order whereas Marxists see it based on the two classes. The also both see society as telling us how to behave and we follow it not questioning.

According to the organism analogy policy of functionalism society will evolve and change like a human body evolves to fit their surroundings. For example society’s institutions adapt to changing circumstances e.g education last longer these days because generally you need to be more skilled in working life these days. Marxists believe change in society is caused by revolution and conflict, where the lower class rise up against the higher class and change society in some way. Whereas functionalists believe all societies are based around values, Marxists feel societies are based around conflict.

To conclude, Marxism and functionalism view society in very different ways, both have been criticised for ignoring a individual’s perspective and choices. Both concepts think that society shapes the individual rather than the individual shapes societies. Society has changed and become more complicated so that Marxism and functionalism do not apply as much today as before. Both perspectives provide useful views on society but are not always truthful to real life.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เปรียบเทียบและความคมชัด Functionalism และมาร์กซ์เป็นรุ่นหาวิธีที่สังคมทำงานสังคมวิทยาวิธีการศึกษาของสังคมในรูปแบบที่แตกต่างกัน สองแนวคิดของสังคมมี functionalism และมาร์กซ์ Functionalists เชื่อว่าชิ้นส่วนที่แตกต่างกันของการทำงานร่วมกันในสังคมเพื่อให้สังคมที่ทำงานในขณะที่มาร์กซิเชื่อว่าสังคมไม่เท่ากันและไม่เป็นธรรม แนวคิดทั้งสองแตกต่างกันในมุมมองของพวกเขาว่าสังคมดำเนินการเช่นมาร์กซ์จะอ้างว่ามีเพียง 2 ชั้นเรียนและมันเป็นเรื่องยากมากที่จะมีความคืบหน้าถึงชั้นเรียนในขณะที่ functionalist จะไม่เห็นด้วยและเรียกร้องคุณทำงานหนักมากกว่าที่คุณจะประสบความสำเร็จและ ดีกว่าฐานะทางสังคมของคุณ. Functionalists เชื่อว่าสังคมทำงานเหมือนร่างกายมนุษย์เช่นส่วนหนึ่งของสังคมการทำงานทุกอย่างเพื่อให้มันไปเช่นเดียวกับอวัยวะในร่างกายและว่าร่างกายมนุษย์เติบโตและพัฒนาเช่นเดียวกับสังคม พวกเขายังเชื่อว่าสังคมมีความสำคัญมากกว่าบุคคลและสถาบันทางสังคมที่มีอยู่เพื่อให้การจัดระเบียบสังคม ยกตัวอย่างเช่นระบบการศึกษา socialises เราเข้ากับวัฒนธรรมของสังคมและสิ่งนี้ทำให้เรามีค่านิยมของเราที่สนับสนุนสังคม มาร์กซ์จะไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้พวกเขาเห็นสถาบันทางสังคมถูกใช้โดยชนชั้นปกครองในการควบคุมการเรียนการทำงานและการศึกษาที่ให้คนค่าของพวกเขาที่สนับสนุนการใช้ประโยชน์สังคม ยกตัวอย่างเช่นในชีวิตการเรียนรู้ของเด็กที่พวกเขาจะสอนให้ปฏิบัติตามกฎซึ่งต่อไปนี้พวกเขาเข้ามาในชีวิตการทำงานอย่างเคร่งครัด. Functionalists ยังเชื่อในเทียมซึ่งเป็นถ้าคุณทำงานหนักขึ้นคุณจะได้รับต่อไป ตัวอย่างเช่นคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนสามารถเติบโตได้ถึงกลายเป็นเศรษฐีถ้าพวกเขาทำงานอย่างหนักพอและมีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จ มาร์กซ์ขอไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้และเห็นว่าสังคมมีเพียงสองชั้นชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน มาร์กซ์ระบุว่าสังคมควบคุมงานและในคนที่สังคมนี้ที่มีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จอาจจะจบลงความล้มเหลวเนื่องจากสถานการณ์ทางสังคมของพวกเขา. รัฐ Functionalism ว่าสังคมเป็นกลุ่มคนที่แบ่งปันคุณค่ามติค่านี้คือสิ่งที่ทำให้ การทำงานของระบบ ค่าอยู่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมมากกว่าบุคคลและสังคมต้องการให้เราเข้าไปสังสรรค์ค่าในเพื่อที่จะทำงาน บนมืออื่น ๆ ที่ Marxists เชื่อว่าค่าที่โดดเด่นเป็นของชนชั้นกลางที่ค่าของพวกเขารวมถึงการทำงานอย่างหนัก 'และ' สถานที่ของคุณยอมรับในสังคม 'และคนที่อุดมไปด้วยได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับเงินของพวกเขา ค่าเหล่านี้จะถูกส่งให้ชนชั้นแรงงานที่ผ่านการศาสนาการศึกษาและสื่อ ฯลฯ ... ตัวอย่างเช่นศาสนาถูกมองว่าเป็นเคล็ดลับเพราะมันสัญญาว่าชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากการตายเพื่อให้ชนชั้นกรรมาชีพจะทนกับความยากจนของพวกเขาในความหวังสำหรับชีวิตที่ดีขึ้นในสวรรค์ ผลประโยชน์จากสังคมนี้โดยพวกเขาจ่ายเงินน้อยลงและทำให้พวกเขาทำงานหนัก อย่างไรก็ตาม functionalists เชื่อว่าศาสนามีบทบาทสำคัญในสังคมค่าให้กับสังคม. ทั้งสองมาร์กซ์และ Functionalism มีสิ่งที่เหมือนกันเช่นทั้งสองเชื่อว่ามีโครงสร้างทางสังคมที่รูปร่างสังคม แต่ functionalists คิดว่ามันขึ้นอยู่กับลำดับในขณะที่มาร์กซิดูเพื่อสังคม มันขึ้นอยู่กับสองชั้น ยังทั้งสองเห็นสังคมบอกเราว่าวิธีการปฏิบัติตนและเราทำตามมันไม่ได้ตั้งคำถาม. ตามนโยบายการมีชีวิตความคล้ายคลึงกันของสังคม functionalism จะมีวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงเหมือนร่างกายมนุษย์วิวัฒนาการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพวกเขา สำหรับสถาบันการศึกษาตัวอย่างของสังคมปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นการศึกษานานวันนี้เพราะโดยทั่วไปคุณจะต้องมีทักษะมากขึ้นในชีวิตการทำงานวันนี้ Marxists เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เกิดจากการปฏิวัติและความขัดแย้งที่คนชั้นต่ำลุกขึ้นสู้ชั้นและการเปลี่ยนแปลงสังคมที่สูงขึ้นในทางใดทางหนึ่ง ในขณะที่ functionalists เชื่อว่าทุกสังคมจะขึ้นอยู่กับค่านิยม Marxists รู้สึกสังคมจะขึ้นอยู่รอบ ๆ ความขัดแย้ง. สรุปมาร์กซ์และดู functionalism สังคมในรูปแบบที่แตกต่างกันมากทั้งสองได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ใส่ใจกับมุมมองของแต่ละบุคคลและทางเลือก แนวคิดทั้งสองคิดว่าสังคมรูปร่างของแต่ละบุคคลมากกว่าบุคคลรูปร่างสังคม สังคมมีการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นความซับซ้อนมากขึ้นเพื่อให้มาร์กซ์และ functionalism ใช้ไม่ได้ในวันนี้มากที่สุดเท่าที่เป็นมาก่อน ทั้งสองมุมมองที่ให้มุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ไม่ได้พูดจริงกับชีวิตจริงเสมอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เปรียบเทียบและความคมชัดและมาร์กหน้าที่เป็นรุ่นสำหรับสังคมดําเนินงานนักสังคมวิทยาวิธีการศึกษาสังคมในรูปแบบที่แตกต่างกัน สองแนวคิดของสังคมการทำงาน และลัทธิมาร์ก functionalists เชื่อว่า ส่วนต่าง ๆของสังคมได้ร่วมกันทำงานเพื่อให้สังคมเชื่อว่า สังคมจะวิ่งและสาธารณรัฐอินเดีย และไม่ยุติธรรม ทั้งสองแนวคิดที่แตกต่างในมุมมองของพวกเขาอย่างไร สังคมทำงาน เช่นมาร์กซ์จะอ้างว่ามีเพียง 2 ชั้น และมันเป็นเรื่องยากมากที่จะก้าวหน้าขึ้นชั้นเรียนในขณะที่คติคำนึงประโยชน์จะไม่เห็นด้วย และเรียกร้องให้นายทำงาน มากกว่าที่คุณ บรรลุ และ ดีขึ้น ฐานะทางสังคมของคุณfunctionalists เชื่อว่าสังคมทำงานเหมือนร่างกายมนุษย์เช่นทุกส่วนของสังคม ทำงานเพื่อเก็บมันเหมือนอวัยวะในร่างกายและร่างกายมนุษย์เติบโตและพัฒนา จะเป็นสังคม พวกเขายังเชื่อว่าสังคม สำคัญกว่าตัวบุคคล และสถาบันทางสังคมที่มีอยู่เพื่อรักษาระเบียบทางสังคม ตัวอย่างเช่นระบบการศึกษา socialises เราเป็นวัฒนธรรมของสังคมนี้ให้เราด้วยคุณค่าที่สนับสนุนสังคม เป็นลัทธิมาร์กซ์จะไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้ พวกเขาเห็นสถาบันทางสังคม ถูกใช้โดยชนชั้นปกครองควบคุมงานและการศึกษา ให้ประชาชน ค่านิยมที่สนับสนุนหนังสือของการแสวงประโยชน์ ตัวอย่างเช่น ในชีวิตการเรียนของเด็ก พวกเขาจะสอนให้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ซึ่งตามพวกเขาเข้ามาในชีวิตการทำงานfunctionalists ยังเชื่อในความสามารถของผม ซึ่งถ้าคุณทำงานหนักคุณจะได้รับเพิ่มเติม เช่นบางคนเกิดในครอบครัวยากจนข้นแค้นสามารถเติบโตขึ้นเป็นมหาเศรษฐี ถ้าพวกเขาตั้งใจเพียงพอ และมีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จ เป็นลัทธิมาร์กซ์ขอไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้และเห็นสังคมที่มีเพียงสองชนชั้น กระฎุมพี และกรรมาชีพ . มาร์ก ระบุว่า การควบคุมงาน และในสังคมกระฎุมพีนี้ใครมีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จอาจล้มเหลว เพราะสถานะทางสังคมของพวกเขาหน้าที่ระบุว่า สังคม คือ กลุ่มของคนที่ใช้ ค่า ค่า เอกฉันท์ คือสิ่งที่ทำให้การทำงานของระบบ ค่าอยู่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมมากกว่า บุคคลและสังคมต้องการให้เราเป็นสังคมที่เป็นค่า เพื่อทำงาน บนมืออื่น ๆ Marxists เชื่อคุณค่าเด่นของเหล่าบรรดาชนชั้นกระฎุมพี ค่านิยมของพวกเขารวมถึง ' ขยัน ' และ ' รับสถานที่ของคุณในสังคม และว่า คนรวยได้ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้รับเงินของพวกเขา ค่าเหล่านี้จะถูกส่งไปยังที่อยู่ผ่านทางศาสนา การศึกษา และสื่อ ฯลฯ . . . . . . . ตัวอย่างเช่น ศาสนา คือ เห็นเป็นหลอกเพราะมันสัญญาว่าจะดีกว่าชีวิตหลังความตายดังนั้นกรรมาชีพจะทนกับความยากจนของพวกเขาในความหวังสำหรับชีวิตที่ดีขึ้นในท้องฟ้า ชนชั้นกลางของสังคมได้รับประโยชน์จากนี้ โดยจ่ายให้น้อยลง และทำให้พวกเขาทำงานให้หนักขึ้น . อย่างไรก็ตาม functionalists เชื่อศาสนามีบทบาทสำคัญในการเข้าสังคม ค่านิยมของสังคมทั้งมาร์กซิสม์ และหน้าที่มีสิ่งร่วมกัน ตัวอย่างทั้งสองเชื่อว่ามีโครงสร้างทางสังคมที่รูปร่างสังคมแต่ functionalists คิดว่าของมันขึ้นอยู่กับลำดับขั้นของการจัดระเบียบสังคม ขณะที่มาร์กซิสท์เห็นมันขึ้นอยู่กับสองคลาส นอกจากนี้ทั้งสองเห็นสังคมบอกเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และเราตามมันไม่ตอบคำถามตามนโยบายของสังคมสิ่งมีชีวิตเปรียบเทียบการทำงานจะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเหมือนร่างกายมนุษย์วิวัฒนาการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพวกเขา ตัวอย่างของสังคมสถาบันปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเช่นการศึกษานานหลายวัน เพราะโดยทั่วไปแล้วคุณต้องมีทักษะในการทำงาน ชีวิตทุกวันนี้ สาธารณรัฐอินเดียเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เกิดจากการปฏิวัติและความขัดแย้งที่ระดับล่างลุกขึ้นต่อสู้ชั้นสูง และเปลี่ยนแปลงสังคมในบางวิธี ส่วน functionalists เชื่อว่าสังคมทั้งหมดจะขึ้นอยู่รอบ ๆค่า สาธารณรัฐอินเดีย รู้สึกสังคมจะขึ้นอยู่รอบ ๆความขัดแย้งสรุป มาร์กหน้าที่และดูสังคมในรูปแบบที่แตกต่างกันมาก ทั้งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ที่ละเลยมุมมองของแต่ละบุคคลและการเลือก ทั้งสองแนวคิดว่าสังคมรูปร่างบุคคลมากกว่ารูปร่างบุคคลสังคม สังคมมีการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นความซับซ้อนมากขึ้นดังนั้นมาร์กซิสม์ และหน้าที่ไม่ใช้วันนี้มากก่อน ทั้งมุมมอง ให้มุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่จะไม่เสมอจริง ชีวิตที่แท้จริง