This study aimed to investigate the

This study aimed to investigate the prevalence of and factors associated with nonadherence
to medication amongst a sample of breast cancer patients. 131 women with
stable disease were interviewed and completed standardised psychological measures.
55% of women reported non-adherence to medication frequently or occasionally, with
younger women and those who disliked taking their medication being significantly
less adherent (P =0.015, P =0.001). Women who deliberately omitted taking their
tablets occasionally or frequently had significantly lower scores, indicative of a
weaker influence, on ‘internal’ and ‘powerful others’ dimensions of health locus of
control (P =0.032, P =0.009). Despite a life-threatening diagnosis, patients may not
adhere to medication representing a potential missed opportunity for health gain and
waste of resources. Furthermore, interpretation of clinical trial data may be
misleading without adherence information. More research is needed to identify those
at risk for non-adherence. If other routes of administration are available these options
should be discussed with patients to maximise efficacy of therapy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบส่วนและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ nonadherenceการใช้ยาหมู่ตัวอย่างของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผู้หญิง 131 ด้วยโรคที่มีเสถียรภาพได้สัมภาษณ์ และเสร็จสมบูรณ์แบบวัดทางจิตวิทยา55% ของผู้หญิงไม่ติดยาบ่อย หรือบางครั้ง มีรายงานผู้หญิงและคน disliked นำยาของตนเป็นอย่างมากน้อยกว่า adherent (P = 0.015, P = 0.001) ผู้หญิงจงใจละเว้นการของพวกเขาเม็ดบางครั้ง หรือบ่อยครั้งได้คะแนนต่ำ ส่อเป็นอิทธิพลที่แข็งแกร่ง ใน 'ภายใน' และ ' มีประสิทธิภาพมิติของคนอื่นของโลกัสโพลสุขภาพของควบคุม (P = 0.032, P = 0.009) แม้ มีการวินิจฉัยคุกคามชีวิต ผู้ป่วยอาจไม่ยึดตามยาแทนกำไรสุขภาพโอกาสพลาดที่อาจเกิดขึ้น และสิ้นเปลืองทรัพยากร นอกจากนี้ อาจจะตีความข้อมูลการทดลองทางคลินิกน่ารัก โดยไม่มีข้อมูลต่าง ๆ จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อระบุผู้เสี่ยงต่าง ๆ ไม่ ถ้าเส้นทางอื่น ๆ ของการจัดการตัวเลือกเหล่านี้ควรจะหารือกับผู้ป่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความไม่ร่วมมือในการใช้ยาในหมู่กลุ่มตัวอย่างของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 131
ผู้หญิงที่มีโรคที่ทรงตัวถูกสัมภาษณ์เสร็จสมบูรณ์และมาตรการทางจิตวิทยาที่ได้มาตรฐาน.
55%
ของผู้หญิงที่มีรายงานที่ไม่ยึดมั่นกับยาบ่อยครั้งหรือบางครั้งมีผู้หญิงอายุน้อยกว่าและบรรดาผู้ที่ไม่ชอบการใช้ยาของพวกเขาเป็นอย่างมีนัยสำคัญน้อยสาวก
(P = 0.015, P = 0.001) . ผู้หญิงที่จงใจละเว้นการของพวกเขาแท็บเล็ตเป็นครั้งคราวหรือบ่อยครั้งมีคะแนนลดลงอย่างมีนัยสำคัญแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่อ่อนแอกว่าที่'ภายใน' และขนาด 'คนอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพของภายนอกตนด้านสุขภาพการควบคุม(P = 0.032, P = 0.009) แม้จะมีการวินิจฉัยโรคที่คุกคามชีวิตผู้ป่วยอาจไม่ได้เป็นไปตามที่เป็นตัวแทนของยาพลาดโอกาสที่อาจเกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ด้านสุขภาพและเสียทรัพยากร นอกจากนี้การตีความหมายของข้อมูลการทดลองทางคลินิกอาจจะทำให้เข้าใจผิดโดยไม่มีข้อมูลการยึดมั่น จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสำหรับการไม่ยึดมั่น หากเส้นทางอื่น ๆ ของการบริหารงานที่มีอยู่ตัวเลือกเหล่านี้ควรจะมีการหารือกับผู้ป่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแล
ยาในตัวอย่างของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เพราะผู้หญิงกับ
โรคมั่นคงถูกสัมภาษณ์เสร็จมาตรฐานด้านมาตรการ
55 % ของผู้หญิงรายงานว่าไม่ใช่ยาบ่อย หรือบางครั้งกับ
น้องหญิงและผู้ที่ไม่ชอบกินยาได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p = 0.015
ติดน้อยลง , p = 0.001 ) ผู้หญิงที่จงใจละเว้นการแก้พวกเขา
บางครั้งหรือบ่อยมีคะแนนลดลง , แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่แข็งแกร่งของ
, ' ภายใน ' และ ' พลังของผู้อื่นด้านสุขภาพ
ควบคุม ( p = 0.032 , p = 0.009 ) แม้จะมีการวินิจฉัยที่คุกคามชีวิตผู้ป่วยอาจไม่ได้
ยึดมั่นการใช้ยาแทนอาจพลาดโอกาสได้รับสุขภาพและ
ของเสียของทรัพยากร นอกจากนี้ การตีความหมายของข้อมูลการทดลองทางคลินิกอาจ
เข้าใจผิดโดยไม่มีข้อมูลการยึดมั่น การวิจัยมากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อระบุผู้
เสี่ยงไม่ใช่การยึดมั่น ถ้าเส้นทางของการบริหารอื่น ๆมีตัวเลือกเหล่านี้
ควรจะพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา