By using the matrix to plot the nat

By using the matrix to plot the nature of the demand for each of their product families and its supply chain priorities,
managers can discover whether the process the company uses for supplying products is well
matched to the product type: an efficient process for functional products and a responsive process for
innovative products. Companies that have either an innovative product with an efficient supply
chain (upper right-hand cell) or a functional product with a responsive supply chain (lower left-hand
cell) tend to be the ones with problems.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยใช้เมทริกซ์การวางแผนลักษณะของความต้องการสำหรับแต่ละตระกูลผลิตภัณฑ์ของพวกเขาและความสำคัญของห่วงโซ่อุปทานผู้บริหารสามารถค้นพบว่า กระบวนการที่บริษัทใช้สำหรับการจัดหาผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีจับคู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์: เป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพสำหรับงานผลิตภัณฑ์และกระบวนการตอบสนองนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริษัทที่มีทั้งเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมกับอุปทานมีประสิทธิภาพโซ่ (เซลล์ขวาบน) หรือห่วงโซ่อุปทานตอบสนองการทำงาน (ด้านล่างซ้ายเซลล์) มักจะ เป็นคนที่ มีปัญหา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยใช้เมทริกซ์พล็อตธรรมชาติของความต้องการสำหรับแต่ละตระกูลผลิตภัณฑ์ของพวกเขาและลำดับความสำคัญของห่วงโซ่อุปทานของที่
ผู้จัดการสามารถค้นพบว่ากระบวนการที่ บริษัท ใช้ในการจัดหาผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี
ตรงกับประเภทสินค้า: กระบวนการที่มีประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์การทำงานและ ขั้นตอนการตอบสนองสำหรับ
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม บริษัท ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพอุปทาน
ห่วงโซ่ (บนมือถือขวามือ) หรือสินค้าที่มีการทำงานที่มีห่วงโซ่อุปทานการตอบสนอง (ด้านล่างซ้ายมือ
มือถือ) มีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่มีปัญหา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยใช้เมทริกซ์แปลงธรรมชาติของความต้องการของแต่ละครอบครัวผลิตภัณฑ์ของตนและของโซ่หลักผู้จัดการสามารถค้นพบว่ากระบวนการที่บริษัทใช้สำหรับการขายผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีตรงกับประเภทผลิตภัณฑ์ : กระบวนการที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานผลิตภัณฑ์และกระบวนการตอบสนองสำหรับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริษัท ที่มีทั้งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ด้วยการจัดหาที่มีประสิทธิภาพโซ่ ( เซลล์ขวาบน ) หรือการทำงานกับผลิตภัณฑ์ ห่วงโซ่อุปทานการตอบสนอง ( ล่างซ้ายเซลล์ ) มักจะเป็นผู้ที่มีปัญหา