Marx thought that capitalism’s focu

Marx thought that capitalism’s focus on profit resulted in humans being treated like
machines. This transformed work from something meaningful to something
meaningless. It resulted in alienation, a situation in which workers were estranged
from their social worlds and felt that life was meaningless.
French social scientist Emile Durkheim was the first person to hold the title of
professor of education and sociology. Durkheim focused on what holds society
together. He distinguished two types of solidarity (cohesiveness).
Members of traditional societies are very similar to each other. They participate in
the same social life within the same culture and thus share almost identical values.
The society is small, the division of labor simple and the level of technology low.
Durkheim referred to this as mechanical solidarity. Industrial societies, on the
other hand, are large and have a complex division of labor. Members of these
societies come into contact with many strangers on a daily basis. While members
share some values, they disagree on many others. Due to their differences,
Durkheim pointed out, people in industrial societies are interdependent. They rely
on each other for specialized knowledge and skills. Durkheim termed this organic
solidarity. The word organic refers to the idea that each part in an industrial
society functions like a part of the body. Due to the interdependence of parts, an
injury to one part will affect all others.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Marx คิดว่า เน้นกำไรของทุนนิยมส่งผลให้มนุษย์ได้รับการรักษาเช่นเครื่องจักร นี้แปลงงานจากสิ่งที่มีความหมายให้ตนเอง ให้สุด สถานการณ์ที่แรงงานถูก estrangedชีวิตที่ถูกไม่ออกจากสังคมโลกและสักหลาดนักวิทยาศาสตร์สังคมฝรั่งเศสเอไมล์ Durkheim ได้การเก็บชื่อของศาสตราจารย์ทางการศึกษาและสังคมวิทยา Durkheim เน้นอะไรมีสังคมร่วมกัน เขาโดดเด่นเอกภาพ (cohesiveness) สองชนิดสมาชิกของสังคมดั้งเดิมจะมีลักษณะคล้ายกัน พวกเขามีส่วนร่วมในชีวิตสังคมเดียวกันภายในวัฒนธรรมเดียวกัน จึงร่วมกันเกือบเหมือนกันค่าสังคมมีขนาดเล็ก ส่วนพักแรงงานและระดับของเทคโนโลยีต่ำDurkheim ที่อ้างถึงนี้เป็นเอกภาพกล สังคมอุตสาหกรรม ในการอื่น ๆ มือ มีขนาดใหญ่ และมีการแบ่งแรงงานที่ซับซ้อน สมาชิกเหล่านี้สังคมมาไปยังฝั่งคนแปลกหน้ามากมายในชีวิตประจำ ขณะที่สมาชิกค่าบางค่าที่ใช้ร่วมกัน พวกเขาไม่เห็นด้วยกับอื่น ๆ อีกมากมาย เนื่องจากความแตกต่างของพวกเขาชี้ Durkheim คนในสังคมอุตสาหกรรมจะจัด พวกเขาอาศัยกันเฉพาะความรู้และทักษะการ Durkheim เรียกว่านี้อินทรีย์เอกภาพ คำว่าอินทรีย์หมายถึงความคิดที่แต่ละส่วนในอุตสาหกรรมฟังก์ชันสังคมชอบเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เนื่องจากความขึ้นต่อกันของชิ้นส่วน การบาดเจ็บส่วนหนึ่งจะมีผลต่อผู้อื่นทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มาร์กซ์คิดว่าโฟกัสทุนนิยมของกำไรส่งผลให้มนุษย์ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับ
เครื่อง งานนี้เปลี่ยนจากสิ่งที่มีความหมายกับสิ่งที่
ไม่มีความหมาย มันส่งผลในการโอนในสถานการณ์ที่คนงานที่แยก
จากโลกทางสังคมของพวกเขาและรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมาย
นักวิทยาศาสตร์สังคมภาษาฝรั่งเศสเอมิ Durkheim เป็นคนแรกที่จะถือชื่อของ
อาจารย์ของการศึกษาและสังคมวิทยา Durkheim เน้นในสิ่งที่ถือสังคม
ร่วมกัน เขาประสบความสำเร็จสองประเภทของความเป็นปึกแผ่น (ติดกัน)
สมาชิกของสังคมแบบดั้งเดิมจะคล้ายกับคนอื่น ๆ พวกเขามีส่วนร่วมใน
ชีวิตทางสังคมเดียวกันในวัฒนธรรมเดียวกันและจึงใช้ค่าเหมือนกันเกือบ
สังคมที่มีขนาดเล็ก, การแบ่งงานที่ง่ายและระดับของเทคโนโลยีต่ำ
Durkheim เรียกว่านี่เป็นความเป็นปึกแผ่นทางกล สังคมอุตสาหกรรมบน
มืออื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่และมีส่วนที่ซับซ้อนของแรงงาน สมาชิกเหล่านี้
สังคมเข้ามาติดต่อกับคนแปลกหน้าหลายคนในชีวิตประจำวัน ในขณะที่สมาชิก
แบ่งปันคุณค่าบางอย่างที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับคนอื่น ๆ เนื่องจากความแตกต่างของพวกเขา
Durkheim ชี้ให้เห็นคนในสังคมอุตสาหกรรมมีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน พวกเขาอาศัย
ในแต่ละอื่น ๆ สำหรับความรู้และทักษะเฉพาะ Durkheim เรียกว่าอินทรีย์นี้
ความเป็นปึกแผ่น คำอินทรีย์หมายถึงความคิดที่ว่าแต่ละคนมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม
การทำงานสังคมเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เนื่องจากการพึ่งพาอาศัยกันของชิ้นส่วน
ได้รับบาดเจ็บที่ส่วนหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนอื่น ๆ ทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มาร์กซ์คิดว่าทุนนิยมมุ่งกำไร ส่งผลให้มนุษย์ที่ถูกปฏิบัติเหมือน
เครื่องจักร งานนี้เปลี่ยนจากสิ่งที่มีความหมายสิ่งที่
ความหมาย ทำให้เหินห่าง , สถานการณ์ที่แรงงานห่างเหินกัน
จากโลกทางสังคมและรู้สึกว่าชีวิตมีค่า .
นักวิทยาศาสตร์ทางสังคมฝรั่งเศสมีล เดอร์ไคม์เป็นคนแรกที่ถือชื่อของ
ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาและสังคมวิทยา เดิร์กไฮม์เน้นสิ่งที่ถือสังคม
ด้วยกัน เขาแยกแยะสองชนิดของความสามัคคี ( 3 ) .
สมาชิกของสังคมดั้งเดิมที่คล้ายกับแต่ละอื่น ๆ พวกเขามีส่วนร่วมใน
เหมือนกันชีวิตทางสังคมภายในวัฒนธรรมเดียวกันและแบ่งปันคุณค่าเหมือนกันเกือบ
สังคมมีขนาดเล็ก ส่วนแรงงานที่ง่ายและระดับเทคโนโลยีต่ำ
เดิร์กไฮม์เรียกว่า เครื่องจักรกล ความสามัคคี สังคมอุตสาหกรรมใน
มืออื่น ๆที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนของฝ่ายแรงงาน สมาชิกของสมาคมเหล่านี้
เข้ามาติดต่อกับคนแปลกหน้ามากมายในแต่ละวัน ในขณะที่สมาชิก
แบ่งปันค่านิยมบางประการ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับอื่น ๆอีกมากมาย เนื่องจากความแตกต่างของพวกเขา
เดิร์กไฮม์ชี้ว่า ผู้คนในสังคมอุตสาหกรรมเป็นกัน พวกเขาอาศัย
ในแต่ละอื่น ๆสำหรับความเชี่ยวชาญความรู้และทักษะ เดิร์กไฮม์เรียกว่าความสามัคคีอินทรีย์
นี้ คำว่า อินทรีย์ หมายถึง ความคิดที่แต่ละส่วนในอุตสาหกรรม
สังคมหน้าที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เนื่องจากความสมดุลของส่วนที่บาดเจ็บส่วนหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อ

คนอื่นทั้งหมด