By the end of American wars of libe

By the end of American wars of liberation, the six nations of the eastern seaboard had forged closer connections to one another than they had ever had before. Forces into a military alliance, the dominant nations had successfully fought off threats to their identities and practices and vanquished pacifist Midlanders and royalist-minded New Netherlanders. but the effort to preserve their separate cultures had produced two unexpected side effects: a loose political alliance with some characteristics of statehood, and a popular movement demanding "democracy" a prospect the national leaders found quite alarming. In the immediate postwar period, the nations confronted both development and each had its own take on how to deal with them. The compromises they negotiated or imposed profoundly shaped the American experience.
When the war began, the only structure the colonies shared was a diplomatic body, the Continental Congress. The Congress was essentially an international treaty group whose member states passed resolutions by a majority vote. If one party didn't stand by its obligations, there wasn't much the other members could do to address the problem, short of imposing their will by military force. To have the ability to achieve the latter, and to better fight off the British threat, the treaty party created a joint military command, much as the North Atlandtic Treaty Organization did a century and a half later. they called this the Continental Army and, with much inter-national bickering, it was placed under a supreme commander. George Washington

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยการสิ้นสุดของสงครามอเมริกันของการปลดปล่อยหกประเทศของชายฝั่งตะวันออกได้ปลอมแปลงการเชื่อมต่อใกล้ชิดกับอีกคนหนึ่งกว่าที่พวกเขาเคยมีมาก่อน กองกำลังเป็นพันธมิตรทางทหารในประเทศที่โดดเด่นได้ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ออกภัยคุกคามต่อตัวตนและการปฏิบัติของพวกเขาและความสงบ Midlanders สิ้นฤทธิ์และ netherlanders ใหม่สนับสนุนพระมหากษัตริย์ที่มีจิตใจแต่ความพยายามที่จะรักษาวัฒนธรรมของพวกเขาแยกจากกันได้ผลิตสองผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด: พันธมิตรทางการเมืองที่มีลักษณะหลวมบางส่วนของมลรัฐและการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่เป็นที่นิยม "ประชาธิปไตย" โอกาสที่ผู้นำประเทศพบที่น่ากลัวมาก ในสมัย​​หลังสงครามทันทีประเทศที่เผชิญหน้ากับการพัฒนาทั้งสองและแต่ละคนมีเวลาของตัวเองเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับพวกเขาการประนีประนอมที่พวกเขาเจรจาต่อรองหรือกำหนดอย่างสุดซึ้งที่มีรูปทรงประสบการณ์อเมริกัน.
เมื่อสงครามเริ่มต้นเพียงโครงสร้างอาณานิคมที่ใช้ร่วมกันเป็นร่างกายทูตรัฐสภาทวีป รัฐสภาเป็นหลักกลุ่มสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีสมาชิกฯ ได้มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ได้ยืนตามภาระหน้าที่ของตนมีไม่มากสมาชิกคนอื่น ๆ สามารถทำเพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้นของการจัดเก็บภาษีของพวกเขาจะโดยกำลังทหาร ที่จะมีความสามารถในการบรรลุหลังและเพื่อให้ต่อสู้กับภัยคุกคามอังกฤษพรรคสนธิสัญญาที่สร้างคำสั่งทางทหารร่วมกันมากที่สุดเท่าที่เหนือองค์กรสนธิสัญญา atlandtic ได้ครึ่งศตวรรษต่อมา พวกเขาเรียกว่านี้กองทัพภาคพื้นทวีปและด้วยการทะเลาะวิวาทระหว่างประเทศมากก็อยู่ภายใต้การบัญชาการทหารสูงสุด จอร์จวอชิงตัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยตอนท้ายของสงครามปลดปล่อยอเมริกา ประเทศ 6 ของภาคตะวันออกมีปลอมเชื่อมใกล้ชิดอื่นมากกว่าที่พวกเขามีมากก่อน กองกำลังเป็นพันธมิตรทางทหาร ประเทศหลักได้สำเร็จสู้ปิดคุกคามการประจำ และปฏิบัติ vanquished pacifist Midlanders และ Netherlanders ใหม่ใจ royalist แต่การพยายามที่จะรักษาวัฒนธรรมของตนต่างหากมีผลิตสองผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด: บางลักษณะของ statehood ขบวนการเรียกร้อง "ประชาธิปไตย" โน้มนำชาติพบค่อนข้างน่าเป็นห่วงพันธมิตรทางการเมืองการหลวม ในช่วงพ้นทันที ชาติเผชิญทั้งพัฒนา และละได้ใช้ตนเองวิธีจัดการกับพวกเขา รับที่จะเจรจา หรือบังคับซึ้งรูปอเมริกันประสบการณ์.
เมื่อเริ่มสงคราม โครงสร้างเฉพาะที่อาณานิคมใช้ร่วมกันได้เป็นทูตานุทูต สภายุโรป สภาหลักการสนธิกลุ่มสมาชิกที่ส่งมติเสียงส่วนใหญ่ได้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ยืนอยู่ตาม มีไม่มากสมาชิกอื่น ๆ สามารถทำการแก้ไขปัญหา ขาดสง่างามของพวกเขาจะโดยกำลังทหาร เพื่อให้สามารถบรรลุหลัง และ จะดีกว่า ต่อสู้กับภัยคุกคามจากอังกฤษ ฝ่ายสนธิสัญญาที่สร้างคำสั่งทหารร่วม มากเป็นองค์การสนธิสัญญา Atlandtic เหนือได้เป็นศตวรรษครึ่งหลัง พวกเขาเรียกนี้กองทัพยุโรป และ มีมากชาติระหว่าง bickering มันถูกวางไว้ภายใต้ผู้บัญชาการสูงสุด จอร์จวอชิงตัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วงปลายของสงครามอเมริกาในการปลดปล่อยหกประเทศในบริเวณชายฝั่งทะเล ภาค ตะวันออกได้บุกเบิกการเชื่อมต่อใกล้กับหนึ่งกว่าที่เคยมีมาก่อน กองกำลังพันธมิตรทางทหารที่เข้าไปในประเทศที่มีอิทธิพลได้ต่อสู้กับ ภัย คุกคามในการปฏิบัติและเอกลักษณ์ของพวกเขาและประสบความสำเร็จผู้รักความสงบและพ่ายแพ้ midlanders netherlanders ใหม่ผู้มีใจแต่แล้วความพยายามที่จะรักษาวัฒนธรรมแบบแยกพื้นที่ของตนได้ผลิตผลทั้งสองด้านที่ไม่คาดคิดพันธมิตรทางการเมืองออกที่มีลักษณะบางอย่างของสถานที่จัดแสดงสไตล์ชีวิตแห่งมลรัฐและการเคลื่อนไหวที่ได้รับความนิยม"ประชาธิปไตย"ความหวังที่ผู้นำของประเทศที่พบน่าตกใจมาก ในช่วงหลังสงครามในทันทีที่ประเทศที่เผชิญกับปัญหาทั้งการพัฒนาและแต่ละคนได้รับของตัวเองที่ว่าในการจัดการกับคนเหล่านั้นพาณิชย์ที่พวกเขาได้เจรจาหารือหรือกำหนดขึ้นอีกอย่างลึกซึ้งรูปทรงตัวแอลรับประสบการณ์แบบอเมริกันที่.
เมื่อสงครามเริ่มโครงสร้างเท่านั้นดินแดนอาณานิคมที่ใช้ร่วมกันเป็นตัวการประชุมทางการทูตแบบคอนติเน็นทัลที่ สภา คองเกรสเป็นการที่กลุ่มสนธิสัญญาระหว่างประเทศซึ่งมีประเทศสมาชิกมีมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ หากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ได้ยืนอยู่โดยพันธกรณีของตนมีไม่มากนักสมาชิกคนอื่นๆที่จะสามารถทำให้ปัญหาแอดเดรสสั้นของความโดดเด่นจะได้ใช้กำลังทหาร จะมีความสามารถที่จะทำให้หลังและในการต่อสู้กับ ภัย คุกคามอังกฤษที่ได้ดียิ่งขึ้นของผู้ผลิตรายอื่นที่สนธิสัญญาทางทหารร่วมสร้างคำสั่งที่มากทางด้านทิศเหนือ atlandtic องค์การสนธิสัญญาป้องกันได้หนึ่งศตวรรษครึ่งต่อมาพวกเขาเรียกว่ากองทัพและแบบคอนติเน็นทัลพร้อมด้วยเถียงกันเรื่องอื่นๆอีกมากมายระหว่างชาติแต่มันเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ จอร์จวอชิงตัน
ตามมาตรฐาน