The results can be exploited for in

The results can be exploited for information about the company’s strategy. Each link in the balanced scorecard should be regarded as a hypothesis of the form “If ..., then ...”. For example, the balanced scorecard on the previous page contains the hypothesis “If customers express greater satisfaction with the accuracy of their charge account bills, then there will be improvement in the average age of accounts receivable.” If customers in fact do express greater satisfaction with the accuracy of their charge account bills, but there is not an improvement in the average age of accounts receivable, this would have to be considered evidence that is inconsistent with the hypothesis. Management should try to figure out why there has been no improvement in the average age of receivables. (See the answer below for possible explanations.) The answer may suggest a shift in strategy.
In general, the most important results are those in which there has been an improvement in something that is supposed to lead to an improvement in something else, but none has occurred. This evidence contradicts a hypothesis underlying the company’s strategy and provides invaluable feedback that can lead to modification of the strategy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลลัพธ์สามารถนำไปสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัท แต่ละลิงค์ในดัชนีชี้วัดแบบสมดุลที่ควรถือเป็นสมมติฐานของแบบฟอร์ม "ถ้า..., จากนั้น" ตัวอย่าง ดัชนีชี้วัดแบบสมดุลในหน้าก่อนหน้าประกอบด้วยทฤษฏี "หากลูกค้าแสดงความพึงพอใจมากขึ้นกับความถูกต้องของรายการบัญชีค่าธรรมเนียมของพวกเขา แล้วจะมีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของบัญชีลูกหนี้" ถ้าลูกค้าในความเป็นจริงแสดงความพึงพอใจมากขึ้นกับความถูกต้องของบัญชีค่าใช้จ่ายตั๋วของพวกเขา แต่ไม่มีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของบัญชีลูกหนี้ นี้จะต้องพิจารณาหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกับสมมติฐาน บริหารควรพยายามคิดออกว่าทำไมจึงได้มีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้ (ดูคำตอบด้านล่างสำหรับคำอธิบายที่เป็นไปได้) คำตอบอาจแนะนำกะในกลยุทธ์ ทั่วไป ผลลัพธ์สำคัญที่สุดคือผู้ที่ได้รับการปรับปรุงในสิ่งที่ควรจะนำไปสู่การปรับปรุงอย่างอื่น แต่ไม่เกิด หลักฐานนี้ทุกสมมติฐานเป็นต้นกลยุทธ์ของบริษัท และให้ผลป้อนกลับที่ล้ำค่าที่สามารถนำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลที่ได้สามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ของ บริษัท การเชื่อมโยงในดุลยภาพแต่ละคนควรได้รับการยกย่องว่าเป็นสมมติฐานของแบบฟอร์ม "ถ้า ... แล้ว ... " ยกตัวอย่างเช่นดุลยภาพในหน้าก่อนหน้านี้มีสมมติฐาน "ถ้าลูกค้าแสดงความพึงพอใจมากขึ้นด้วยความถูกต้องของค่าบัญชีค่าใช้จ่ายของพวกเขาแล้วจะมีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้." ถ้าลูกค้าในความเป็นจริงทำแสดงความพึงพอใจมากขึ้น ด้วยความถูกต้องของค่าบัญชีค่าใช้จ่ายของพวกเขา แต่ไม่มีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้การนี้จะต้องมีการพิจารณาหลักฐานที่แสดงว่าไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ การบริหารจัดการควรพยายามที่จะคิดออกว่าทำไมมีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้ไม่มี (ดูคำตอบด้านล่างสำหรับคำอธิบายที่เป็นไปได้.) ที่คำตอบอาจแนะนำการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์.
โดยทั่วไปผลลัพธ์ที่สำคัญมากที่สุดคือผู้ที่ได้มีการปรับปรุงในบางสิ่งบางอย่างที่ควรจะนำไปสู่การปรับปรุงในบางสิ่งบางอย่างอื่น แต่ ไม่มีใครที่เกิดขึ้น หลักฐานนี้ขัดแย้งกับสมมติฐานพื้นฐานกลยุทธ์ของ บริษัท และให้ข้อเสนอแนะที่ทรงคุณค่าที่สามารถนำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลลัพธ์สามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัท แต่ละลิงค์ในสมดุล ควรจะถือว่าเป็นสมมติฐานในรูปแบบ " ถ้า . . แล้ว . . . . . . . " ตัวอย่างเช่น ดุลยภาพในหน้าก่อนหน้าประกอบด้วยสมมติฐาน " หากลูกค้าแสดงความพึงพอใจมากขึ้นกับความถูกต้องของบิลบัญชีค่าใช้จ่ายของพวกเขาแล้วจะมีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้ ถ้าลูกค้าในความเป็นจริงก็แสดงความพึงพอใจมากขึ้นกับความถูกต้องของบิลบัญชีค่าใช้จ่ายของพวกเขา แต่ไม่ได้มีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้ , นี้จะต้องมีการพิจารณาหลักฐานที่สอดคล้องกับสมมติฐานการจัดการควรพยายามที่จะคิดออกว่าทำไมไม่มีการปรับปรุงในอายุเฉลี่ยของลูกหนี้ ( ดูคำตอบด้านล่างจะอธิบาย เป็นไปได้ ) คำตอบที่อาจแนะนำการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ .
ทั่วไป ผลที่สำคัญที่สุดคือผู้ที่ได้มีการปรับปรุงในสิ่งที่จะนำไปสู่การปรับปรุงในเรื่องอื่น แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลักฐานนี้ขัดแย้งกับสมมติฐานพื้นฐานกลยุทธ์ของ บริษัท และให้ข้อเสนอแนะที่ทรงคุณค่าที่สามารถนำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์