Cancer of the cervix is the commone

Cancer of the cervix is the commonest genital tract malignancy in the female, and it has been ranked second to breast cancer. It has positive association with infection of human papillomavirus. Cervical cancer incidence and mortality have declined substantially in western countries following the introduction of screening programmes. This present study investigated the knowledge, attitude and practice of nurses in Lagos University Teaching Hospital (LUTH) towards cervical cancer screening as they are important health personnel that are suppose to educate women on the need for cervical cancer screening. The study is a descriptive cross-sectional survey of the knowledge, attitude and practice of 200 nurses in LUTH towards cervical cancer screening. The results obtained showed that 99% of the respondents were aware of cervical cancer and that 92% of the respondents were also aware of the causative organism of cervical cancer (human papillomavirus). Their major sources of information were through electronic media (43.9%) and health professionals (37.4%). Furthermore, the respondents were quiet aware of Pap smear (91%) as one of the screening techniques of cervical cancer and had good attitudes (89%) towards Pap smear, but most of them had never done it before. The study further revealed that majority of the respondents did not know colposcopy as one of the screening techniques for cervical cancer. Finally, it has been made known from this study that nurses have good knowledge of cervical cancer but have limited understanding of the types of cervical cancer screening techniques and poor disposition towards undergoing cervical cancer screening. It may thus be recommended that institutions should periodically organise seminars and training for health personnel especially the nurses which form a group of professionals that should give health education to women about cervical cancer. This training may be done as part of the orientation programme to newly employed staff.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มะเร็งปากมดลูก malignancy อวัยวะเพศทางเดิน commonest ในหญิง และมันได้รับการจัดอันดับให้มะเร็งเต้านม มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเชื้อ papillomavirus มนุษย์ อุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกและการตายได้ปฏิเสธมากในประเทศตะวันตกต่อการแนะนำของโปรแกรมตรวจคัดกรอง การศึกษานี้แสดงตรวจสอบความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพยาบาลในโรงพยาบาลสอนลากอสมหาวิทยาลัย (LUTH) ไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีความสำคัญบุคลากรสุขภาพที่สมมติรู้ผู้หญิงบนจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การศึกษาการสำรวจเหลวอธิบายความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพยาบาล 200 ใน LUTH ไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ ผลได้รับพบว่า 99% ของผู้ตอบถูกตระหนักถึงโรคมะเร็งปากมดลูก และ 92% ของผู้ตอบก็ยังตระหนักถึงสิ่งมีชีวิตสาเหตุการของมะเร็งปากมดลูก (papillomavirus มนุษย์) แหล่งที่มาหลักของข้อมูลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (43.9%) และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (ร้อยละ 37.4) ได้ นอกจากนี้ ผู้ตอบถูกเงียบทราบตรวจภายใน (91%) เป็นหนึ่งในเทคนิคการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และมีดีทัศนคติ (89%) ตรวจภายใน แต่ส่วนใหญ่จะไม่เคยทำมาก่อน การศึกษาเปิดเผยเพิ่มเติมว่าส่วนใหญ่ผู้ตอบไม่รู้ colposcopy เป็นหนึ่งในเทคนิคการคัดกรองสำหรับมะเร็งปากมดลูก ในที่สุด ก็ได้ทราบจากการศึกษาพยาบาลมีความรู้ดีของมะเร็งปากมดลูก แต่มีจำกัดความเข้าใจประเภทของเทคนิคและการจัดการไม่ดีต่อในระหว่างการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มันอาจจึงแนะนำว่า สถาบันควรเป็นระยะ ๆ จัดสัมมนาและฝึกอบรมสำหรับบุคลากรสุขภาพโดยเฉพาะพยาบาลที่เป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญที่ควรแก่การศึกษาสุขภาพสตรีเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก การฝึกอบรมนี้อาจทำได้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโครงการใหม่เจ้าพนักงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิงและจะได้รับการจัดอันดับที่สองที่จะเป็นมะเร็งเต้านม มันมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการติดเชื้อของมนุษย์ papillomavirus อัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกและการเสียชีวิตได้ลดลงอย่างมากในประเทศตะวันตกต่อไปนี้การเปิดตัวของโปรแกรมการตรวจคัดกรอง การศึกษาครั้งนี้นำเสนอการตรวจสอบความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของพยาบาลในลากอสมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลการเรียนการสอน (LUTH) ต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่พวกเขาเป็นบุคลากรสาธารณสุขที่สำคัญที่จะคิดว่าผู้หญิงให้ความรู้ที่จำเป็นสำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การศึกษาคือการสำรวจข้ามพรรณนาความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของพยาบาลใน 200 LUTH ต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า 99% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความตระหนักของโรคมะเร็งปากมดลูกและว่า 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังตระหนักถึงการมีชีวิตที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (Human Papillomavirus) แหล่งที่มาสำคัญของข้อมูลของพวกเขาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (43.9%) และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (37.4%) นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเงียบสงบตระหนักถึงการตรวจ Pap smear (91%) เป็นหนึ่งในเทคนิคการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมีทัศนคติที่ดี (89%) ที่มีต่อการตรวจ Pap smear แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่เคยทำมาก่อน การศึกษาต่อการศึกษาพบว่าส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ทราบ colposcopy เป็นหนึ่งในเทคนิคการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ในที่สุดก็จะได้รับการทำให้เป็นที่รู้จักจากการศึกษานี้ว่าพยาบาลมีความรู้ที่ดีของมะเร็งปากมดลูกมี จำกัด แต่ความเข้าใจประเภทของเทคนิคการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการจำหน่ายที่ไม่ดีต่อการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มันจึงอาจจะแนะนำว่าสถาบันควรจัดสัมมนาและการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาบาลซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญที่จะให้ความรู้ด้านสุขภาพให้กับผู้หญิงเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก การฝึกอบรมนี้อาจจะทำเป็นส่วนหนึ่งของการปฐมนิเทศให้กับเจ้าหน้าที่การจ้างงานใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มะเร็งปากมดลูกคือ มะเร็งระบบสืบพันธุ์ commonest ในเพศหญิง และได้รับการจัดอันดับที่สองเพื่อโรคมะเร็งเต้านม มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการติดเชื้อ Human papillomavirus . อุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูกและอัตราการตายลดลงอย่างมากในประเทศตะวันตกต่อไปนี้การแนะนำของโครงการคัดกรอง งานวิจัยนี้ศึกษาความรู้เจตคติ และการปฏิบัติของพยาบาลในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยลากอส ( luth ) สู่ มะเร็งปากมดลูก การตรวจคัดกรองพวกเขาเป็นบุคลากรสาธารณสุขที่สำคัญที่ต้องให้การศึกษาแก่สตรีในความต้องการสำหรับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การวิจัยครั้งนี้เป็นการสำรวจการศึกษาเชิงพรรณนาของความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพยาบาลใน luth 200 ต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผลที่ได้พบว่า 99% ของผู้ตอบแบบสอบถามทราบว่ามะเร็งปากมดลูก และ 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามทราบของสิ่งมีชีวิตที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ( Human papillomavirus ) แหล่งที่มาของข้อมูลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ( รายได้ ) และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ( 37.4 % ) นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามเงียบตระหนักถึงการตรวจมะเร็งปากมดลูก ( 91% ) เป็นหนึ่งในเทคนิคของการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และมีเจตคติที่ดี ( 89% ) ต่อการตรวจมะเร็งปากมดลูก แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่เคยทำมาก่อน การศึกษาเพิ่มเติมพบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ว่าเพื่อนร่วมก๊วนเป็นหนึ่งในเทคนิคสำหรับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ในที่สุดมันได้ถูกทำให้เป็นที่รู้จักจากการศึกษาครั้งนี้ พยาบาลมีความรู้ที่ดีของมะเร็งปากมดลูก แต่ก็มีความเข้าใจ จำกัด ของชนิดของเทคนิคตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและนิสัยไม่ดีต่อการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมันอาจเป็นการแนะนำสถาบันควรเป็นระยะ ๆ จัดสัมมนาและฝึกอบรมสำหรับบุคลากรสุขภาพ โดยเฉพาะพยาบาล ซึ่งกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญที่ควรให้สุขศึกษาแก่หญิงเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก การฝึกอบรมนี้อาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ 3 .